บทที่ 305 ชายรูปหล่อผู้เคร่งขรึม
ในขณะที่โทรศัพท์ของกานต์ดังขึ้น บุริศร์ก็เพิ่งวางสายไปไม่นาน อยากจะคุยกับกานต์สัก2-3ประโยค ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของกานต์ดังขึ้น
“ใครโทรมา?”
บุริศร์ถามขึ้นประโยคหนึ่ง
กานต์เหลือบมองครู่หนึ่ง จากนั้นพูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า:“มันเป็นความลับของผม”
เมื่อพูดจบเขาก็หยิบโทรศัพท์แล้วรีบวิ่งออกไป
“ความลับ?เด็กตัวแค่นี้มีความลับ?”
บุริศร์รู้สึกว่าตัวเองถูกลูกชายสบประมาท แต่ว่าเรื่องแบบนี้เขาเห็นบ่อยจนชินแล้ว เขาทำได้แค่เพียงส่ายหัวอย่างจนปัญญา
หลังจากที่กานต์หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้ว ก็หามุมเงียบ ๆ แล้วกดปุ่มวิดีโอคอลเพื่อรับสาย ทำให้ท่าทางหดหู่ของกมลปรากฎขึ้นที่หน้าจอ
“พี่ชาย พี่ไม่รักฉันแล้วใช่ไหม”
“จะไม่รักได้ยังไงล่ะ?พี่ชายรักเธอที่สุดเลย”
กานต์เห็นว่าแม้ว่าสีหน้าของกมลจะซีดขาว แต่ว่าสภาพจิตใจของเธอดีขึ้นมากแล้ว ทำให้เขารู้สึกวางใจ
“ไม่จริง ไม่เห็นพี่ชายมาเยี่ยมฉันเลย พี่ชายไม่มาเยี่ยมฉันนานมากแล้ว มีแต่พี่กิจจาที่คอยมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน หรือว่าพี่ชายยุ่งมากคะ?พี่ยุ่งอะไรอยู่เหรอคะ?”
นับตั้งแต่ที่กมลและกานต์เกิดมาทั้ง2ก็ไม่เคยแยกจากกัน ช่วงก่อนหน้านี้กานต์จำใจที่จะต้องกลับประเทศเป็นเพื่อนนรมน ทำให้กมลรู้สึกเซ็งเป็นพิเศษ มาวันนี้เธอกลับประเทศมาตั้งนานแล้วแล้วทำไมพี่ชายยังไม่มาเยี่ยมเธออีกล่ะ?
เมื่อเห็นว่ากมลใกล้จะร้องไห้ กานต์ก็รู้สึกปวดใจด้วยความเอ็นดู
“ไม่ยุ่ง ไม่ยุ่ง เดี๋ยวอีกสักพักพี่ไปเยี่ยม ดีไหม?”
“พี่พูดแล้วนะ!หม่ามี๊อารมณ์ไม่ค่อยดี คุณย่าบอกว่าหม่ามี๊แพ้เครื่องสำอาง แต่ฉันจำได้ว่าผิวของหม่ามี๊ไม่เคยแพ้นะ”
กมลเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้กานต์ฟัง
ดวงตาของกานต์ก็ค่อย ๆ หลี่ขึ้น
“แพ้เครื่องสำอาง?ร้ายแรงไหม?”
“อืม หน้าแดงไปหมด เหมือนจะร้ายแรงมาก”
“อืม รู้แล้ว เดี๋ยวพี่จะรีบไปเยี่ยมเธอเดี๋ยวนี้ เธอเป็นเด็กดีนะ อย่าทำให้หม่ามี๊โกรธ รู้ไหม?”
กานต์เป็นลูกคนโต ทั้งยังเป็นพี่ชาย แน่นอนว่าเขาเป็นเด็กที่ประสีประสาพอสมควร
เมื่อกมลได้ยินว่ากานต์จะมา ก็ดีอกดีใจ
“ค่ะ พี่ชาย ฉันอยากกินแอปเปิ้ล”
“ไม่ได้ ร่างกายของเธอยังไม่เป็นปกติดี รอให้หายเป็นปกติก่อนเดี๋ยวพี่จะซื้อให้เธอกินทุกวันเลย”
“พี่พูดเองนะ ห้ามกลับคำล่ะ ใครกลับคำคนนั้นเป็นหมาน้อย”
กมลรีบใช้โอกาสนี้ชิงพูดขู่ไว้ก่อน
กานต์อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ได้ ใครโกหกเธอคนนั้นเป็นหมาน้อย”
“พี่ชายน่ารักที่สุดเลย พี่ชายเป็นพี่ชายที่แสนดีที่สุดในโลก”
ฝีปากจิ้มลิ้มของกมลหวานจริง ๆ จนทำให้คนที่ได้ฟังต้องเคลิ้มตาม
กมลกับกานต์คุยกันต่ออีกพักหนึ่ง ถึงได้วางสายวิดีโอคอลลง
เขาอยากจะไปเยี่ยมกมล เมื่อสักครู่นี้ก็ได้รับปากกมลไว้แล้ว แต่ว่าเขาจะพูดกับบุริศร์ว่ายังไงดีล่ะ?
กานต์กลับเข้ามาให้ห้องพักผู้ป่วยอย่างนิ่ง ๆ แต่กลับได้ยินเสียงกำชับของบุริศร์ที่หน้าประตูว่า
“เดี๋ยวอีกสักพักกานต์กลับมา อย่าให้เขาออกไปข้างนอกล่ะ โดยเฉพาะไปโรงพยาบาลหัวเฉียว”
“ทำไมล่ะครับ?”
นี่เป็นเสียงของกิมจิ
บุริศร์ถอนหายใจพลางพูดขึ้นว่า:“ใบหน้าของนรมนแพ้เครื่องสำอาง ผมกลัวว่าเด็กนั้นเห็นแล้วจะปวดใจ เจ้าเด็กคนนี้รักหม่ามี๊ของเขายิ่งกว่าผมเสียอีก อีกอย่างหนึ่งตอนนี้นรมนก็เหนื่อยล้ามาก ถ้าเขาไปก่อเรื่องวุ่นวาย ก็กลัวว่าเธอจะรับไม่ไหว”
ดวงตาของกานต์หลี่ลง
เขาไม่ใช่ต้นเหตุของหายะนะสักหน่อย ทำไมจะต้องระวังเขาอย่างกับเขาเป็นขโมยล่ะ?
แม้ว่ากานต์จะบ่นพึมพำในใจ แต่ก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย
“ผมจะกลับบ้านสักหน่อย”
คำพูดของกานต์ทำให้บุริศร์ตะลึงงัน
“กลับบ้าน?”
“ใช่ไง ผมยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลย สกปรกจะแย่อยู่แล้ว วุ่นวายจริง ๆ ผมก็แค่อยากจะกลับไปนอนสักงีบ พ่อก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้วอีกอย่างคุณอากิมจิก็ยังอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนพ่อ”
ที่กานต์พูดก็มีเหตุผล อีกอย่างเขาก็ยังไม่ได้พักผ่อนดี ๆ เลย ใต้ตาคล้ำดำของเขายิ่งทำให้คนรู้สึกปวดใจ
“ให้คุณอากิมจิไปส่งลูกก็แล้วกัน”
ตอนนี้ป้าโอก็ถูกจับแล้ว ส่วนคนของหล่อนพฤกษ์ก็จัดการเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะจัดการได้ไม่มาก แต่ละแวกใกล้เคียงกับคฤหาสน์ตระกูลโตเล็กพฤกษ์ก็ได้ส่งคนของตัวเองไปดูแลเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการที่กานต์จะกลับไปพักผ่อนที่บ้านบุริศร์ก็ค่อนข้างไว้วางใจ
แต่กานต์กลับโบกมือพลางพูดขึ้นว่า:“เดี๋ยวผมนั่งรถกลับไปเองดีกว่า”
“นายยังเป็นแค่เด็กอายุ 4 ขวบเองนะ!”
ความหมายที่บุริศร์พูดก็คือ นายยังเด็กมาก นั่งรถแท็กซี่กลับบ้านคนเดียวมันไม่ปลอดภัย แต่ว่ากานต์กลับทำจมูกย่นพลางพูดขึ้นว่า:“แต่เด็ก 4 ขวบคนนี้ก็เคยช่วยพ่อกับหม่ามี๊นะ”
คำพูดประโยคนี้ทำให้บุริศร์จุกอกพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงเหลือบตามองเขาอย่างแรง:“งั้นก็เลือกระหว่างให้คุณอากิมจิไปส่งนาย หรือไม่นายก็อยู่ที่นี่”
“ได้ พ่อชนะแล้ว”
กานต์ไม่ได้ดื้อดึงต่อไป เขาหันหลังกลับพลางพูดกับกิมจิว่า:“คุณอากิมจิพวกเราไปกันเถอะ”
กิมจิมองไปที่บุริศร์
บุริศร์พยักหน้า
ตอนนี้เขาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ยังมีพยาบาลอีก
เมื่อกิมจิพากานต์ออกไป บุริศร์ก็ส่ายหัว เพราะถึงยังไงตอนนี้ร่างกายของเขาก็ยังอ่อนแออยู่ ทำให้เขานอนพิงอยู่ที่หัวเตียงแล้วเผลอหลับไป
หลังจากที่กานต์ขึ้นนั่งบนรถ เขาก็เงียบเป็นพิเศษ ราวกับเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย
กิมจิรู้สึกไม่คุ้นชินจึงมองไปที่เขาพลางพูดว่า:“ทำไมจู่ ๆ คุณถึงได้เงียบขนาดนี้ล่ะ?”
“เดิมทีผมก็เป็นผู้ชายหล่อที่เงียบขรึมอยู่แล้วหนิ”
คำพูดของกานต์ทำให้กิมจิอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“อ่อ คุณเป็นผู้ชายหล่อที่เงียบขรึม”
กิมจิพูดขึ้นซ้ำอีกครั้ง กานต์แทบที่จะไม่สนใจเขาเลย
เขาหันหัวออกไปมองด้านนอก มองวิวทิวทัศน์ที่โผล่ขึ้นมาแล้วค่อย ๆ หายไปอย่างรวดเร็ว ในหัวคิดแต่เรื่องที่นรมนแพ้เครื่องสำอาง
ทำไมหม่ามี๊ถึงได้แต่งหน้าแล้วแพ้เครื่องสำอางล่ะ?
เธอจะแต่งหน้าอยู่ที่โรงพยาบาลทำไม?
ข้อสงสัยเหล่านี้ทำให้กานต์คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ตก
ไม่นานรถก็ขับมายังคฤหาสน์ตระกูลโตเล็ก
หลังจากที่รถจอดนิ่ง กานต์ก็กระโดดลงจากรถ จากนั้นโบกมือให้กับกิมจิพลางพูดขึ้นว่า:“คุณอากิมจิบ๊ายบาย”
เมื่อกิมจิเห็นว่ากานต์ปฏิเสธที่จะให้เขาตามเข้าไป เข้าจึงขยิบตาให้กับ รปภ.ที่อยู่ด้านหน้าประตู
รปภ.รีบขยับก้าวไปข้างหน้า
“คุณหนูกานต์ครับ คุณกลับมาแล้ว ?เดี๋ยวผมพาเข้าไปข้างในนะครับ”
สำหรับการจัดการของกิมจิกานต์ก็ไม่ได้มีการตอบสนองอะไร เขาทำเพียงเดินเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลโตเล็กอย่างช้า ๆ
เมื่อเห็นเขาเดินเข้าไปอย่างสงบกิมจิก็วางใจ เจ้าเด็กคนนี้ทำไมวันนี้ถึงได้เงียบผิดปกติ ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลไม่น้อย
เมื่อกานต์กลับมายังคฤหาสน์ตระกูลโตเล็ก รปภ.ก็ถอยออกไป สาวใช้เห็นก็ต่างรีบทักทายกานต์ กานต์ตอบกลับแค่คำว่า อืม อย่างราบเรียบ พลางพูดกับพวกเขาว่าต้องการพักผ่อน ไม่อนุญาตให้ใครรบกวน แล้วก็เข้าไปในห้องของตัวเอง
หลังจากที่กานต์กลับเข้าไปในห้อง กานต์ที่เมื่อสักครู่นี้ท่าทางว่านอนสอนง่ายก็กลับรีบวิ่งออกไปดูที่นอกหน้าต่าง
ด้านนอกเต็มไปด้วย รภป.
เพราะว่ากานต์อยู่ที่บ้านกิมจิเปลี่ยนแผนนิดหน่อย ทำให้จำนวน รปภ.เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
คิ้วของกานต์ค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน
อยากจะขังเขาไว้ในบ้านใช่ไหม?
จะเป็นไปได้ยังไง!
ริมฝีปากของกานต์ค่อย ๆ ยกขึ้น แล้วเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
เขารีบหยิบโดรนออกมา แล้วผูกประทัดไว้บนนั้น แล้วใช้ประโยชน์จากพระอาทิตย์ที่สามารถแผ่ความร้อนออกมาเผาไหม้ พลางปล่อยโดรนออกมา
บนหน้าจอคอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นสถานที่ ๆ โดรนบินผ่าน
กานต์หาที่สักที่ที่ค่อนข้างกว้างแต่ไม่ไกลมากนักจุดประทัดที่ผูกไว้กับโดรน
ถ้าฟังจากไกล ๆ จะทำให้เสียงที่ได้ยินราวกับเสียงปืน
รปภ.ที่อยู่รอบ ๆ ต่างเริ่มรู้สึกตึงเครียด
“เสียงอะไร?”
“รีบไปดูซิ!”
รปภ.คนหนึ่งพูดกับรปภ.อีก2คน
“นายอยู่ที่นี่แหระ เดี๋ยวพวกเราไปดูเอง”
ทั้ง 2 คนรีบวิ่งอย่างรวดเร็ว
เมื่อกานต์เห็นว่าพวกเขาจากไปแล้ว แต่เมื่อเห็นว่ารปภ.อีกคนหนึ่งยังยืนอยู่ที่เดิม คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน
ยุ่งยากจริง ๆ !
เขาหาเข็มฉีดยาชาได้เล่มหนึ่ง แล้วใช้วิธีการเป่าปี่เป่าเข็มให้ลำตัวของ รปภ.
เสียงดัง“ปัก”แล้วก็ทำให้ รปภ.รูปร่างสูงใหญ่คนนั้นล้มลงที่พื้น
“บิงโก!”
กานต์ดีใจจนกระโดดโลดเต้น จากนั้นรีบวางเชือกแล้วปีนออกจากหน้าต่าง
ในช่วงนี้เขาได้เรียนรู้กลยุทธ์ต่าง ๆ จากตรินท์มากมาย และนี่ก็เป็นแค่หนึ่งในนั้น
แม้ว่าจะเป็นเข็มเล็ก ๆ แต่ก็สามารถใส่ยาได้ในปริมาณที่มากพอสมควร เขาไม่เชื่อเลยว่าจะทำให้ รปภ.สงบลงไม่ได้
หลังจากที่กานต์กระโดดลงบนพื้น เขาก็รีบวิ่งไปตามทางข้าง ๆ ภูเขาเทียม
เขาจำได้ว่าลุงตรินท์เคยบอกเขาว่า ในสวนของคฤหาสน์ตระกูลโตเล็กมีภูเขาเทียมอยู่ลูกหนึ่ง ด้านในภูเขาเทียมนี้มีถนนสายหนึ่งที่สามารถทะลุออกไปข้างนอกได้
นี่เป็นความลับของตระกูลโตเล็ก
กานต์ใช้โอกาสที่กำลังชุลมุนนี้วิ่งเข้าไปในภูเขาเทียม ไปตามทางที่ตรินท์เคยบอก ไม่นานเขาก็ออกจากคฤหาสน์ตระกูลโตเล็กได้ ทะลุผ่านถนนด้านหลังของคฤหาสน์
บนถนนผู้คนเดินขวักไขว่ กานต์โบกรถแท็กซี่หนึ่งคันแล้วกระโดดขึ้นไปบนรถ
เมื่อคนขับแท็กซี่เห็นว่ากานต์ยังเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ รู้สึกไม่ค่อยวางใจจึงถามขึ้นว่า:“เด็กน้อย หนูจะไปไหนเหรอ?แล้วผู้ปกครองล่ะ?”
“หม่ามี๊ของผมรอที่หน้าประตูโรงพยาบาลหัวเฉียว พอไปถึงแล้วก็จะมีคนเขาเงินมาจ่ายให้กับคุณครับ”
เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าที่กานต์สวมใส่ไม่เหมือนกับเสื้อผ้าของเด็กธรรมดาทั่วไป แม้ว่าคนขับรถจะรู้สึกสงสัยแต่เมื่อได้ยินว่าจะมีคนมารับ เขาจึงได้ขับรถมุ่งไปที่โรงพยาบาลหัวเฉียว
กานต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาคมทิพย์ให้ไปรอรับตนที่หน้าประตูโรงพยาบาลหัวเฉียว
แม้ว่าคมทิพย์จะรู้สึกงงว่าทำไมกานต์ถึงโทรหาตน แต่ว่าเธอก็โบกรถไปหาเขา
กานต์กับคมทิพย์มาถึงหน้าประตูโรงพยาบาลหัวเฉียวแทบจะพร้อมกับ
เนื่องจากว่าเธอเพิ่งจะเปลี่ยนงาน และเพิ่งย้ายมาอยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ ทำให้จำนวนงานมากเป็นพิเศษ หลายวันมานี้นอนไม่พอ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่กานต์แล้ว เธอก็คงไม่สละเวลาพักผ่อนนี้ออกมา
กานต์มองเห็นคมทิพย์แต่ไกล จึงรีบเปิดประตูรถออก พูดขึ้นด้วยเสียงหวานว่า:“หม่ามี๊!”
นี่เป็นครั้งแรกที่คมทิพย์ได้ยินกานต์เรียกตนเองว่าหม่ามี๊ ทำให้เธองุนงงเล็กน้อย
เมื่อคนขับรถแท็กซี่เห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนักของคมทิพย์ก็คิดว่าคมทิพย์มาหาหมอที่นี่ อีกทั้งกานต์ยังตะโกนเรียกเธอว่าหม่ามี๊อีก จึงทำให้คนขับรถวางใจ
รถจอดอยู่ที่ด้านหน้าของคมทิพย์
“คุณผู้หญิง ทั้งหมด 15หยวนครับ”
คนขับรถแท็กซี่หยิบใบเสร็จออกมา
กานต์ยิ้มหวานให้กับคมทิพย์ รอยยิ้มนั้นหวานซึ้ง แต่ก็ทำให้ดวงตาของคมทิพย์เบิกกว้างขึ้น
เพราะอยู่ต่อหน้าคนขับรถแท็กซี่คมทิพย์เธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา ควักเงินออกมาจ่ายค่าแท็กซี่ให้กับกานต์ แต่หลังจากที่แท็กซี่ขับรถออกไปแล้วคมทิพย์ก็รีบดึงหูน้อย ๆ ของกานต์พลางถามขึ้นอย่างดุเดือดว่า:“พูดมา นายก่อเรื่องอะไรอีก?แล้วยังมาเรียกฉันว่าหม่ามี๊!เจ้าเด็กนี่ คิดจะทำอะไรของนาย?”
“โอ๊ย เจ็บ เจ็บ เจ็บ!น้าคมทิพย์ เบา ๆ หน่อย!”
กานต์เจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน แต่ว่ามีเรื่องที่ต้องขอร้องคมทิพย์เขาจึงต้องอดทน
คมทิพย์กลับคิดพึงพำในใจว่า
เจ้าเด็กคนนี้ยอมให้เธอดึงหูขนาดนี้ ?ไม่รู้ว่าในหัวของเขากำลังคิดเรื่องอะไรไม่ดีอยู่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
ตอนต่อไปจนจบ หาอ่านได้ที่ไหนคะ...