บทที่ 315 คุณนายเอาแต่ใจเกินไป
บุริศร์ตกตะลึงเล็กน้อย
“คุณ……”
“เด็กดี! อย่าโวยวายแล้วนะ!”
หลังนรมนจูบเสร็จ ก็ลูบศีรษะบุริศร์ทันที จากนั้นก็ยิ้มลุกขึ้นไปทำอาหารให้บุริศร์
มุมปากบุริศร์กระตุกโดยตรง
เธอเห็นเขาเป็นอะไร?
กานต์?
หรือกมล?
นี่เธอมีความรักของแม่เอ่อล้นขนาดนี้เลย?
ไม่คิดว่าจะปลอบเขาเหมือนเด็กคนหนึ่งจริงๆ !
บุริศร์ยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่นรมนออกไปแล้ว
มองแผ่นหลังนรมน จู่ๆ มุมปากบุริศร์ก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว สัมผัสบนหน้าผากยังคงอยู่ มันโอนโยน นุ่มละมุน
เขาลูบหน้าผากตัวเองเบาๆ แล้วยิ้มอย่างโง่ๆ
เมื่อพฤกษ์เข้ามาเห็นบุริศร์ทำสีหน้าพอใจอย่างทึ่มๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง รีบกระแอมไอขึ้นมาตามสถานการณ์
“แค่กๆ ประธานบุริศร์”
หน้าบุริศร์จมลงโดยทันที
“เข้ามาไม่รู้จักเคาะประตูเหรอ? ไม่กี่วันนี้ทิ้งกฎไปหมดแล้วเหรอ?”
ให้ลูกน้องตัวเองเห็นท่าทางบ้าคลั่งของตัวเอง บุริศร์อารมณ์ไม่ดีอย่างแน่นอน
เขาสามารถแสดงสีหน้าได้ทุกรูปแบบต่อหน้านรมน แต่ต่อหน้าพฤกษ์? ขอโทษนะ ไม่ได้!
พฤกษ์รู้สึกว่าตัวเองประสบภัยพิบัติที่ไม่มีเค้ามาก่อนจริงๆ รู้สึกค่อนข้างกลัดกลุ้มในชั่วขณะหนึ่ง
“ที่มีคนโทรเบอร์เดิมคุณนาย คุณให้ผมเก็บเบอร์เดิมคุณนายไว้ไม่ใช่เหรอ? ผมก็มาบอกคุณเรื่องนี้ไงครับ?”
พฤกษ์รีบพูดความตั้งใจของตนอย่างรวดเร็ว
บุริศร์ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนรมน สีหน้าก็ผ่อนคลาย
“มีเรื่องอะไร? ใครโทรมา?”
“เพื่อนสนิทคุณนาย คมทิพย์”
ถ้าเป็นคนอื่น พฤกษ์ก็คงไม่มาพูด แต่อีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทนรมน มันทำให้พฤกษ์ไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไร
ถึงแม้ช่วงนี้นรมนไม่ได้ติดต่อกับคมทิพย์ แต่พฤกษ์รู้ คมทิพย์สถานะในใจนรมน
บุริศร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
นึกถึงความไม่พอใจที่คมทิพย์มีต่อตน เขาก็รู้สึกกลัดกลุ้มนิดหน่อย
กว่าจะลงเอยด้วยกันได้ดีกับนรมน อยู่ในการพัฒนาความมั่นคง ถ้าผู้หญิงคนนี้มาสร้างปัญหาอีก……
คิดถึงตรงนี้ บุริศร์อยากบอกจริงๆ ว่าไม่ต้องไปสนใจ แต่ไม่คิดว่านรมนจะผลักประตูเดินเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นกับคมทิพย์?”
คำถามของนรมนทำให้พฤกษ์รู้สึกค่อนข้างลำบากใจ
เขามองบุริศร์ ไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดไหม
“ทำไม? พูดไม่ได้เหรอ?”
นรมนมองบุริศร์อย่างว่องไวมาก
ตอนนี้ ถึงแม้จะฟ้าถล่ม บุริศร์ก็ไม่สามารถพูดว่าไม่ได้
“เมื่อกี้ฉันเพิ่งถามไม่ใช่เหรอ? พฤกษ์บอกว่าเบอร์โทรศัพท์ก่อนหน้านี้ของคุณมีคนโทรเข้ามา คมทิพย์เป็นคนโทรมา รายละเอียดยังไม่ทันได้พูดคุณก็เข้ามาแล้วไหม?”
“จริงเหรอ?”
นรมนไม่ค่อยเชื่อบุริศร์อย่างเห็นได้ชัด
ไม่มีทางเลือก ระหว่างคมทิพย์กับบุริศร์ไม่ลงรอยกัน
พวกเขาสองคนเมื่อห้าปีก่อนก็เป็นแบบนี้ ตอนนี้ก็ยังคงเป็นแบบนี้ คิดถึงตรงนี้ นรมนก็ค่อนข้างกลัดกลุ้ม
ดูเหมือนตัวเองต้องหาเวลาไปตั้งใจคุยเรื่องนี้กับคมทิพย์ดีๆ เสียแล้ว
เธอไม่อยากให้ตัวเองเหมือนห้าปีที่แล้ว เพื่อครอบครัวและบุริศร์ สูญเสียเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเองไป
บุริศร์เห็นแววตาไม่เชื่อของนรมน ก็โกรธจริงๆ แต่ไม่มีทางแสดงออกได้เช่นกัน อย่างไรแล้วเมื่อครู่นี้เขาก็ไม่อยากให้พฤกษ์พูดให้นรมนฟังจริงๆ
ถึงตอนนี้แล้ว บุริศร์ก็ใช้ความเงียบเป็นคำตอบ
พฤกษ์เป็นคนที่มีสายตาเฉียบแหลม เมื่อเห็นสถานการณ์ในตอนนี้ก็เข้าใจความหมายของบุริศร์อย่างแน่นอน รีบเดินเข้าไปหนึ่งก้าวแล้วพูดขึ้น “คุณนาย ตอนคุณคมทิพย์โทรมาผมไม่อยู่ ตอนกลับไปคุณคมทิพย์ก็ร้องไห้ตลอดเลย ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แค่ได้ยินเธอพูดว่าอยู่ที่สุสานสาธารณะแห่งแรกอะไรสักอย่าง”
“ว่าไงนะ? เธอไปสุสานสาธารณะทำไม?”
นรมนก็ไม่ไว้วางใจขึ้นมาทันที
คมทิพย์กลัวผีตั้งแต่เด็กๆ ตอนเด็กๆ ถูกคนในครอบครัวทิ้งไว้ที่สุสาน มันคือฝันร้ายตลอดชีวิตของเธอ
เธอไม่เชื่อว่าคมทิพย์จะไปที่แบบนั้นด้วยตัวเอง!
“ตอนนี้เธออยู่ไหน?”
นรมนเครียดขึ้นมาทันที
บุริศร์เห็นความเป็นห่วงและกังวลใจที่นรมนมีต่อคมทิพย์ ก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉานิดหน่อย
“เธอเป็นคนเป็นๆ ไปสุสานสาธารณะกลางวันแสกๆ คุณจะกังวลอะไร? หรืออาจจะไปเจอใครก็ได้นะ”
“คุณเงียบเลย!”
นรมนตะคอกใส่บุริศร์ทันที
บุริศร์ตกตะลึงไปเลย
ผู้หญิงคนนี้กล้าหาญมากใช่ไหม?
ไม่คิดว่าจะกล้าตะคอกใส่เขา?
แม้แต่พฤกษ์ก็มองนรมนด้วยใบหน้าชื่นชม
กล้าตะคอกบุริศร์ต่อหน้าคนอื่น ตอนนี้เดาว่ามีแค่นรมนคนเดียวเท่านั้น
คุณนายเอาแต่ใจเกินไปอย่างที่คิดไว้!
พฤกษ์ยกนิ้วให้นรมนในใจเงียบๆ แต่ใบหน้าไม่กล้าแสดงออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...