แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 335

บทที่ 335 ภรรยาของเขา บุริศร์ ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆด้วย

“ใครน่ะ”

บุริศร์ตวาดเสียงทุ้มต่ำ

ฝ่ายตรงข้ามสั่นเทาเล็กน้อย ตกใจจนสีหน้าขาวซีด คิดจะหมุนตัวหนีไป แต่กลับถูกบุริศร์คว้าปกคอเสื้อเอาไว้

“ประธานบุริศร์ ขอโทษค่ะ ฉันเพียงแค่มาเยี่ยมคุณนายเท่านั้น”

ธิดามองบุริศร์อย่างตื่นตระหนก ไม่กล้าขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย

บุริศร์คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นธิดา

ภายในความทรงจำของเขา ระหว่างธิดากับนรมนเหมือนน้ำกับไฟที่ไม่มีทางเข้ากันได้ จู่ๆก็พบเธอขึ้นมาในตอนนี้ จึงมีความประหลาดใจอยู่บ้าง

“คุณมาเยี่ยมนรมนหรือ”

“ใช่ค่ะ!”

ความจริงแล้วธิดาก็ลังเลเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้เธอเห็นนรมนแล้วขัดลูกตา รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ อะไรก็ไม่มี อาศัยอะไรมาทำให้บุริศร์ปฏิบัติดีด้วยแบบนั้นกัน

อีกทั้งป้าโอก็พุ่งเป้าหมายไปทางเธอ เพื่อนาวินแล้ว เธอก็ทำได้เพียงแค่ร่วมทีมด้วย

แต่เรื่องในครั้งนี้ทำให้จิตใจของธิดาได้รับความสะเทือนใจมาก

นรมนกลับเดินเข้าสู่กับดักของป้าโอเพื่อเธอ เธอรู้อยู่ชัดๆว่าป้าโอเพียงแค่ใช้เธอเป็นเหยื่อล่อ แต่นรมนก็ยังมา

ไม่เพียงแต่เท่านั้น ในภายหลังนรมนยังคิดกระทั่งจะปกป้องเธอ

ธิดาจึงรู้สึกละอายใจและตำหนิตัวเองต่อนรมนขึ้นมา โดยเฉพาะตอนที่เห็นว่านรมนแท้งลูกเพราะตัวเอง ในใจของเธอก็รู้สึกแย่มาก

เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เคยตั้งครรภ์มีลูกคนหนึ่งเพื่อนาวิน แต่เป็นเพราะเรื่องสุขภาพ สุดท้ายแล้วจึงแท้งไป

เธอเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงที่ต้องสูญเสียลูกได้เป็นอย่างดี และทั้งหมดนี้ก็ล้วนเป็นเพราะว่าเธอไม่ระมัดระวัง ถูกป้าโอจับเอาไว้ นรมนถึงได้ทำแบบนี้เพื่อเธอ

ในใจของธิดารู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

บุริศร์มองธิดาที่มีรอยแผลเต็มตัวเบื้องหน้า ไหนเลยจะมีท่าทางมีสง่าราศีเหมือนแต่ก่อนอีก

เรื่องในครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่นรมนที่เปลี่ยนแปลง แต่ยังมีธิดาด้วย

บุริศร์ปล่อยเธอ เอ่ยเสียงทุ้มต่ำว่า “ร่างกายของนรมนอ่อนแอมากเกินไป อีกทั้งตอนนี้ก็ไม่เหมาะสมจะพบแขก เธอก็ได้รับบาดเจ็บ กลับไปพักผ่อนให้ดี ค่าใช้จ่ายทั้งหมดล้วนนับกับตระกูลโตเล็ก รอเธอดีขึ้นอีกสักหน่อยค่อยมาเยี่ยมนรมน วันหลังฉันจะให้คนรับนาวินมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ

เมื่อผ่านเรื่องที่นรมนแท้งลูกมา บุริศร์ก็รู้สึกได้โดยสัญชาตญาณขึ้นมากะทันหันว่า ผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ว่าภายนอกจะแข็งแกร่ง มีความสามารถมากแค่ไหน แต่เมื่อภายในจิตใจเปราะบาง ก็ยังต้องการให้คนที่รักมากที่สุดมาอยู่ข้างกาย ถึงจะรู้สึกปลอดภัย

การยอมรับในเรื่องนี้ ทำให้เขาคิดถึงนาวินในตอนที่เห็นธิดา ดังนั้นจึงเอ่ยออกมาด้วยเลย

ธิดาตะลึงค้างไป กระทั่งไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง

“ประธานบุริศร์ คุณพูดว่าอะไรนะคะ คุณบอกว่าจะให้ใครมาอยู่เป็นเพื่อนฉันนะคะ”

“นาวิน!”

บุริศร์เห็นธิดาน้ำตารินไหลด้วยความซาบซึ้งใจ อดไม่ได้ที่จะพูดเสียงอ่อนโยนว่า “ก่อนหน้านี้ฉันรับปากกับนรมนว่า ขอเพียงแค่เธอให้ความร่วมมือกับปฏิบัติการนี้ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ฉันจะส่งเธอและนาวินไปจากที่นี่ มอบเงินให้กับพวกเธอก้อนหนึ่ง ให้พวกเธอได้ใช้อีกครึ่งชีวิตที่เหลือได้อย่างไร้กังวล ในวันนี้แม้ว่าเธอจะไม่ได้ช่วยอะไร แต่ก็พยายามสุดความสามารถแล้ว สิ่งที่นรมนรับปากเธอก่อนหน้านี้ ฉันก็จะไม่ผิดคำพูด เธอกลับไปพักผ่อนให้ดี ฉันจะให้คนไปรับนาวินมาอยู่ด้วยกันกับเธอ”

“ขอบคุณค่ะ ประธานบุริศร์! ขอบคุณค่ะ”

ธิดาคุกเข่าให้กับบุริศร์ดังตึง หยาดน้ำตาแห่งความเสียใจในสิ่งที่กระทำมารินไหลในเสี้ยววินาที

“แต่ก่อนเป็นฉันที่ไร้สติปัญญา สูญสิ้นมโนธรรม ถึงได้ต่อต้านคุณนายไปเสียทุกอย่าง ช่วยป้าโอก่อกรรมทำเข็ญ ตอนนี้ฉันเป็นแบบนี้แล้ว คุณนายก็ยังมาช่วยชีวิตฉันโดยไม่สนใจสิ่งใด สำหรับฉันแล้ว บุญคุณครั้งนี้ ทำให้ฉันรู้สึกละอายใจ อับอายขายหน้าจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี พวกคุณไม่เพียงแต่ไม่ตำหนิฉัน ยังจะคืนนาวินให้ฉันอีก ฉันรู้สึกอัปยศจะตายแล้วค่ะ!”

เป็นครั้งแรกที่บุริศร์เห็นธิดาร้องไห้

ภายในความทรงจำของเขา ธิดาเป็นคนที่ถูกคนรังแกก็ไม่มีน้ำตา คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่

“ลุกขึ้นเถอะ เธอได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ คุกเข่าให้ฉัน คนอื่นจะนึกว่าฉันรังแกเธอนะ”

บุริศร์ยื่นมือไปประคองธิดาให้ลุกขึ้น

ธิดาปาดน้ำตา “ฉันจะรอให้คุณนายดีขึ้นสักหน่อย ฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยมาเยี่ยมเธอค่ะ”

“ไปเถอะ”

บุริศร์พยักหน้า

ธิดามองประตูห้องพักผู้ป่วยอย่างอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง และหมุนตัวจากไป

บุริศร์รู้สึกขึ้นมากะทันหันว่า ตัวเองสู้นรมนไม่ได้จริงๆ

ธิดาและนาวินล้วนเป็นคนที่เขาพาออกจากบ้านเด็กกำพร้ากลับมายังตระกูลโตเล็กในตอนที่เขายังเด็ก ทุ่มเทอบรมสั่งสอน ถ่ายทอดวิชาความรู้ทั้งหมดให้มาหลายปีขนาดนี้ แต่กลับไม่ได้ทำให้พวกเขาสำนึกบุญคุณ กระทั่งยังช่วยศัตรูต่อต้านตัวเอง

ในวันนี้นรมนที่ซื่อบื้อ อาศัยความเซ่อซ่าที่มีแต่แรงของตัวเอง กลับทำให้ธิดา ผู้หญิงที่มีความแข็งแกร่งแบบนี้ก้มหัวให้ ทั้งยังชื่นชมขึ้นมาด้วย

คนเราไม่อาจตัดสินกันด้วยหน้าตา น้ำทะเลไม่อาจตวงวัดได้จริงๆ

ภรรยาของเขา บุริศร์ ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ!

บุริศร์ยิ้มบางๆ ผลักประตูห้องพักผู้ป่วยให้เปิดออกเบาๆ

นรมนตื่นขึ้นมาแล้ว คิมกำลังแนะนำให้เธอกินอะไรสักหน่อย เพียงแต่นรมนไม่มีความสนใจอย่างเห็นได้ชัด

“ผมเองครับ”

บุริศร์ถอดเสื้อคลุมแล้วโยนไปบนโซฟาอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็ม้วนแขนเสื้อ รับชามน้ำแกงจากมือของคิมมา

“ไม่ใช่ว่ารับปากผมแล้วหรือว่าจะรักษาสุขภาพให้ดี ทำไมน้ำแกงชามหนึ่งก็ยังดื่มไม่ลงเสียล่ะ”

เสียงของบุริศร์ไม่ได้มีร่องรอยตำหนิ เพียงแต่เจือความรักและสงสาร

นรมนเอ่ยเสียงเบา “ไม่รู้ว่าทำไม แต่ดื่มไม่ลงค่ะ”

เธอกระพริบตากลมโตที่เอ่ยคลอไปด้วยน้ำตา มองไปทางบุริศร์ แววตาน้อยใจคู่นั้นเหมือนกับเด็กคนหนึ่ง

บุริศร์อยากจะพูดจริงๆว่า ดื่มไม่ลงก็ช่างมันเถอะ แต่เขาก็กลับคืนสู่สภาพเดิมได้ในเวลาอันรวดเร็ว

“อย่าใช้สายตาบริสุทธิ์แบบนั้นมามองผม ตอนนี้ร่างกายคุณอ่อนแอ ทั้งยังอยู่เดือน หัวหน้าคิมทำน้ำแกงมาให้คุณ ไหนเลยจะมีน้ำมันเยิ้ม คุณดูสิ ตักทิ้งให้คุณหมดแล้ว ผมรู้ว่าคุณทานไม่ลง ทานครั้งหนึ่งไม่ต้องเยอะ พวกเราดื่มสักสองสามคำ พักสักหน่อย แล้วค่อยดื่มดีหรือไม่”

บุริศร์เหมือนกับกำลังโอ๋เด็กน้อย คิมที่มองอยู่ด้านข้างนั้นทอดถอนใจที่ตัวเองยังสู้เขาไม่ได้

คิมรู้สึกว่า การที่ตัวเองอยู่ที่นี่เป็นก้างขวางคอจริงๆ

“แค่กๆ!”

เธออดไม่ได้ที่จะกระแอมไอออกมา

นรมนถึงได้รู้ตัวว่าภายในห้องนี้ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย หน้าจึงแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“คือว่า ฉันทานเองค่ะ”

เธอยื่นมือออกมา คิดจะรับชามน้ำแกงในมือของบุริศร์มา ทว่าถูกบุริศร์ปฏิเสธ

“อย่าขยับ ตอนนี้คุณยังอ่อนแออยู่ ผมป้อนคุณก็พอแล้ว อ้าปาก”

เขาตักน้ำแกงขึ้นมาช้อนหนึ่ง วางไว้ตรงริมฝีปากแล้วเป่าให้เย็น จากนั้นค่อยยื่นไปที่ริมฝีปากของนรมน เอ่ยเสียงเบาว่า “ดื่มช้าๆหน่อย ระวังสำลัก”

นรมนรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองเห่อร้อน

“ตอนเริ่มต้นอย่ารีบร้อนทาน คุณหมอบอกว่า ตอนนี้คุณทานได้เพียงแค่อาหารที่เป็นของเหลวหรือกึ่งของเหลวเท่านั้น รอผ่านไปสองวันให้ร่างกายดีขึ้นหน่อยค่อยเพิ่มอาหารอื่นๆเข้าไป ไม่ว่าหัวหน้าคิมทำอะไร คุณก็ต้องทานสักหน่อย ตอนนี้เป็นช่วงที่ต้องเสริมโภชนาการทางอาหาร อย่าทำนิสัยเหมือนเด็กอีกเลย รู้ไหม”

บุริศร์พูดไป พลางป้อนนรมนไป

คิมรู้สึกว่าตัวเองอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ

“คือว่า ฉันจะออกไปดูอาเล็กของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเสียหน่อยว่ากำลังทำอะไรอยู่ข้างนอก อีกสักครู่จะกลับมารับชามกับตะเกียบ”

คิมพูดแล้วก็รีบหมุนตัวไปจากห้องพักผู้ป่วย

นรมนค้อนใส่บุริศร์ ทำให้บุริศร์มึนงงสับสนเป็นอย่างมาก

“ทำไมหรือ”

“ล้วนโทษคุณ!”

นรมนถลึงตาโทษเขา

“ผมทำไมหรือ”

บุริศร์ยังคงไม่เข้าใจสาเหตุ

“ไอ้หยา! คุณดูที่คุณปฏิบัติกับฉันเมื่อครู่นี้สิ เหมือนกับปฏิบัติต่อเด็ก เมื่อครู่คุณแม่ยังอยู่ด้วยนะคะ คุณทำให้ฉันขายหน้าไม่ขายหน้าคะ”

นรมนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยลอดไรฟัน

บุริศร์ถึงได้เข้าใจขึ้นมา

“มีอะไรน่าขายหน้ากัน เธอเป็นคุณแม่ของคุณ เห็นผมดีกับคุณขนาดนี้ ก็ย่อมสบายใจ อีกอย่าง เมื่อครู่นี้ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น คิดเพียงแค่ว่าจะให้คุณทานอาหารสักหน่อย ไหนเลยจะคิดมากเหมือนคุณกัน”

“คุณยังพูดอีก ฉันพูดแล้วว่าฉันจะทานเอง”

อย่างไรก็ตาม นรมนก็รู้สึกว่าบุริศร์มีเจตนาไม่ดี ตั้งใจจะให้เธอขายหน้าจริงๆ

บุริศร์กลับยิ้ม พลางเอ่ยว่า “คุณจะทำเอง ตอนนี้ร่างกายคุณอ่อนแอเสียจนเหมือนอะไรแล้ว คุณยังจะทำเอง อย่าโวยวายเลย”

“คุณ........”

นรมนถลึงตาใส่เขาด้วยความโมโห จู่ๆก็รู้สึกอยากจะเข้าห้องน้ำขึ้นมา แต่เธอก็เป็นเหมือนกับที่บุริศร์พูด ไม่มีแรงแม้แต่น้อยในตอนนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะกลัดกลุ้มอยู่บ้าง

“คุณให้คุณแม่ของฉันเข้ามาหน่อยค่ะ”

นรมนเอ่ยเสียงเบา

บุริศร์เอ่ยอย่างไม่เข้าใจสาเหตุ “ป้อนข้าวเท่านั้นเอง คุณไม่ต้องแง่งอนขนาดนี้จะได้หรือไม่ อีกอย่างพวกเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ผมป้อนของกินคุณจะทำไมกัน เชื่อฟังนะ อ้าปาก ดื่มอีกคำหนึ่ง”

นรมนกลั้นปัสสาวะจนรู้สึกแย่อยู่บ้าง มองไปยังน้ำแกงที่บุริศร์ยื่นมา เอ่ยเสียงเบาว่า “เดี๋ยวฉันกลับมาดื่ม คุณช่วยเรียกคุณแม่ฉันเข้ามาก่อนค่ะ”

“คุณต้องการอะไรกันแน่”

บุริศร์มองนรมนด้วยความสงสัย

เป็นเพราะความจำเป็นของอาการป่วย ส่วนล่างของนรมนจึงไม่ได้สวมกางเกง ตอนที่ตื่นขึ้นมานั้นก็ตั้งใจจะให้คิมช่วยสวมให้ แต่ภายในห้องพักผู้ป่วยไม่มีชุดคนไข้

คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จะต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์อันน่ากระอักกระอ่วนแบบนี้ ใบหน้าของนรมนแดงระเรื่อ

“อย่างไรก็ตาม คุณไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ คุณรีบไปเรียกคุณแม่เข้ามาเร็วเข้า”

“วันนี้ผมจะปรนนิบัติคุณ ถ้าคุณสามารถอดทนได้ก็อดทนเถอะ”

ดูเหมือนว่าบุริศร์จะเดาอะไรได้ จึงจงใจทำให้นรมนลำบากใจ

นรมนเกือบจะสำลักน้ำลายตัวเองตาย

“บุริศร์ คุณหมายความว่าอะไรคะ”

“ความหมายตามตัวอักษร คุณกับผมมีเรื่องอะไรที่ไม่เคยทำกัน ทั่วทั้งบนและล่างของคุณมีส่วนไหนบ้างที่ไม่เคยเห็น ตอนนี้มาแบ่งแยกชายหญิงมิควรถูกเนื้อต้องตัวกันกับผมหรือ”

บุริศร์คิดว่า เมื่อไรกันที่นิสัยเสียๆอย่างการเขินอายของนรมนจะเปลี่ยนได้เสียที

นี่แต่งงานกันมา 8 ปีแล้ว จะต้องเขินอายขนาดนี้ด้วยหรือ

นรมนกลั้นไม่อยู่แล้วจริงๆ จึงเอ่ยอย่างมีโทสะว่า “ฉันอยากเข้าห้องน้ำค่ะ!”

“ใช่ไหม มีเรื่องอะไรก็พูดเรื่องนั้นใช่ไหม นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทำไมจะต้องกลั้นเอาไว้ คุณว่า คุณเหนื่อยหรือไม่เหนื่อยกัน!”

บุริศร์มีความคิดที่จะหยอกเย้านรมนขึ้นมากะทันหัน

นรมนโกรธเสียจนยกแขนขึ้นมาทุบเขา

“คุณเอาเปรียบผู้อื่นแล้วยังมาทำท่าทางไม่ได้รับความเป็นธรรมอีก ฉันไม่เชื่อหรอกว่า คุณจะไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงไม่ให้คุณช่วยฉัน”

“แน่นอนว่าผมรู้ แต่ว่าผมชอบมองท่าทางแบบนี้ของคุณ”

บุริศร์เอ่ย โค้งตัวเลิกผ้าห่มของนรมนออก

นรมนรู้สึกเพียงแค่ว่ามีความเย็นคืบคลานเข้ามา ทิวทัศน์เบื้องล่างที่เปลือยเปล่าก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าบุริศร์ ใบหน้าของเธอเห่อร้อนขึ้นมาเล็กน้อย

“เร็วสิคุณ! ฉันหนาว!”

นรมนอดไม่ได้ที่จะหาข้ออ้างมาหลบความกระอักกระอ่วนนี้

บุริศร์ไอแค่กๆ นัยน์ตาปรากฏคลื่นความรู้สึกโหมซัดขึ้นมาในทันที เพียงแต่เขาก็ไม่ได้ลืมสภาพร่างกายของนรมนในตอนนี้ จึงรีบอุ้มนรมนไปห้องน้ำในทันที วางเธอไว้บนชักโครก เอ่ยเสียงเบาว่า “คุณปัสสาวะไปก่อน ผมจะไปเอาผ้าห่มให้คุณ”

นรมนรู้สึกว่าตัวเองอยากจะมุดเข้าไปในชักโครกแล้วจริงๆ

ผู้ชายคนนี้จะไม่พูดเรื่องนี้ไม่ได้หรือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย