แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 352

บทที่ 352 เธออ่อนแอได้

นรมนที่เห็นทีท่าของพฤกษ์ เธอรู้สึกเป็นกังวล

“เขาคงไม่ไปหาเจตต์หลอกนะ? แม้ว่าเรื่องที่เจตต์ทำลงไปในวันนี้จะเลวทราม แต่ถ้าต้องสละด้วยพฤกษ์ ฉันเกรงว่าคมทิพย์เธอ…..บุริศร์ ไม่อย่างนั้นเรื่องในวันนี้เราจัดการเองเลยดีไหม ยังไงคุณก็เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลโตเล็ก เจตต์ไม่กล้าทำอะไรคุณอยู่แล้ว”

นรมนรู้ดีว่าเธอไม่ควรทำให้บุริศร์ลำบากใจ แต่เธอทำได้เพียงให้บุริศร์ออกหน้า

บัดนี้ตำแหน่งของเธอในตระกูลทวีทรัพย์ธาดายังดำเนินการไม่จบสิ้น ต่อให้ตอนนี้เธอเป็นลูกชายคนโตของตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ผู้หญิงคนหนึ่งพูดเรื่องราวเช่นนี้ของผู้หญิงอีกคนออกมาคงไม่ดีนัก ชื่อเสียงของคมทิพย์คงต้องเหม็นหึ่งแล้วจริงๆ

บุริศร์จับจ้องนรมน เขารู้ว่าเธอเป็นกังวลเรื่องของคมทิพย์

เขาเอ่ยอย่างเป็นห่วง “เธอยังอยู่ไฟอยู่เลย ทำไมถึงยังต้องเป็นกังวลเพราะเรื่องนี้อีก?”

“เรื่องของคนอื่นฉันไม่เข้าไปข้องเกี่ยวอยู่แล้ว แต่เรื่องของคมทิพย์ฉันไม่ยุ่งไม่ได้ คุณก็รู้นี่ เธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน แถมยังไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก เราประคองกันมาถึงจุดนี้ ตอนนี้เธอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันจะไม่ยุ่งเกี่ยวได้ยังไง?”

นรมนเกรงว่าบุริศร์จะพูดอะไรอีก จึงเอ่ยขึ้น

บุริศร์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงเธอ ผมรู้ดีว่าในใจเธอ เธอไม่เพียงแค่เพื่อนของเธอ เธอเป็นเหมือนพี่น้องของเธอ เป็นครอบครัวของเธอ แต่ว่านรมน เรื่องนี้ผมยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ อย่าดูแคลนพฤกษ์เกินไป ในเมื่อเขาอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อผู้หญิงของเขา เรามีหน้าที่คอยดูอยู่ห่างๆ หากพฤกษ์จัดการไม่ได้จริงๆ เราค่อยยื่นมือเข้าช่วยดีไหม?”

“แต่พฤกษ์เป็นแค่ผู้ช่วยธรรมดาคนหนึ่ง แม้ว่าหลายปีมานี้ที่เขาอยู่กับคุณเขาพอจะมีเงินอยู่บ้าง แต่สถานะของเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจตต์เลย ฉันกลัวว่าเขาจะเสียเปรียบ ยังไงซะในโลกนี้ไม่ใช่แค่มีเงินก็เพียงพอแล้ว”

สิ่งเหล่านี้นรมนเองก็เพิ่งเข้าใจเมื่อไม่นานมานี้

บุริศร์โอบไหล่เธอเอาไว้ ให้เธอนั่งลงบนโซฟา จับจ้องคมทิพย์ที่ล็อกตัวเองไว้ในห้อง พร้อมเอ่ยเสียงแผ่ว “อันที่จริงพฤกษ์เป็นลูกนอกสมรสของตระกูลรัตติกรวรกุล”

“อะไรนะ?”

นรมนนิ่งอึ้งไป

บุริศร์กลับเอ่ยต่อเนื่อง

“พฤกษ์เป็นลูกของผู้นำตระกูลรัตติกรวรกุลกับภรรยาของเขาในตอนนี้ แต่ในตอนนั้นเพราะการปรากฏตัวของแม่พฤกษ์ทำให้เจตต์ถูกลักพาตัวไม่มีคนช่วยเหลือ คุณนายรัตติกรวรกุลจึงเกิดปัญหาด้านจิตใจขึ้น เพราะเรื่องนี้ พฤกษ์จึงรู้สึกติดค้างต่อแม่ลูกคู่นั้น เขาเพิ่งเกิดก็ถูกคนแอบอุ้มไปทิ้งแล้ว ดีที่เขาดวงแข็ง ไม่หนาวตายไปเสียก่อนในหน้าหนาวที่หนาวจัด กลับถูกครูใหญ่บ้านเด็กกำพร้าเก็บไปเลี้ยง ในตัวเขามีของติดตัวเพียงแค่ชิ้นเดียว บนนั้นมีนามสกุลของตระกูลรัตติกรวรกุลสลักอยู่ ครูใหญ่บ้านเด็กกำพร้าจึงตั้งชื่อให้เขาว่าพฤกษ์”

“เพราะเรื่องนี้ คุณนายรัตติกรวรกุลคนปัจจุบันถึงได้ไม่ชอบเจตต์และแม่ของเขาจนถึงปัจจุบัน เธอคิดว่าแม่ของเจตต์แสร้งบ้าเพื่อขโมยเด็ก เพราะงั้นหลายปีมานี้การแก่งแย่งชิงดีในตระกูลรัตติกรวรกุลจึงไม่ขาด หลังจากนั้นคุณนายรัตติกรวรกุลคนปัจจุบันได้ตั้งครรภ์อีกสองครั้ง แต่กลับแท้งอย่างไร้สาเหตุทั้งสองครั้ง จนท้ายที่สุดเธอตั้งครรภ์ไม่ได้อีก มีคนบอกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นฝีมือของเจตต์ แต่ข่าวลือได้ถูกคุณท่านรัตติกรวรกุลสั่งห้ามเอาไว้ จึงไม่มีใครกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีก แต่หลายปีมานี้ ผู้นำตระกูลรัตติกรวรกุลและคุณนายของเขายังคงไม่ละทิ้งการตามหาเด็กคนนั้น”

“เมื่อหลายปีก่อน คุณท่านเกิดอุบัติเหตุขึ้นที่เมืองนอก ดีที่พฤกษ์ช่วยเขาเอาไว้ และได้บริจาคเลือดให้กับเขา ตอนนั้นเองที่คุณท่านรู้สึกว่าเขาหน้าเหมือนภรรยาของเขามาก จึงให้เขาตรวจดีเอ็นเอ บางทีอาจเพราะสวรรค์มีตา พวกเขาเป็นพ่อลูกกันจริงๆ แต่หลังจากที่พฤกษ์รู้ความจริง เขาไม่อยากกลับไปที่ตระกูลรัตติกรวรกุล พฤกษ์รู้สึกว่าชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ดีอยู่แล้ว ไม่อยากกลับไปแก่งแย่งชิงดี”

“แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ช่วยของผม แต่ผมไม่เคยมองเขาเป็นคนใช้ พฤกษ์สามารถออกจากตระกูลโตเล็กออกจากผมได้ตั้งนานแล้ว เพียงแต่เขาค่อนข้างขี้เกียจ ไม่อยากสร้างอาณาจักรของตัวเองเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เป็นแบบวันนี้ ตอนนี้พี่ชายคนละแม่ของเขาขืนใจคนที่เขารัก คุณจะให้ผมเข้าไปยุ่งเกี่ยวยังไง? นี่เป็นเรื่องภายในของตระกูลรัตติกรวรกุล เรื่องบางเรื่อง พฤกษ์ต้องเผชิญหน้า และแก้ไขด้วยตัวเอง”

เมื่อบุริศร์บอกทุกอย่างกับนรมน หญิงสาวนิ่งอึ้งไป

เธอคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ภายนอกดูเฮฮาอย่างพฤกษ์ จะเป็นคุณชายรองของตระกูลรัตติกรวรกุล

“คมทิพย์รู้เรื่องนี้ไหม?”

นรมนรู้สึกตัวเองโง่งมหลังจากที่ถามประโยคนี้ออกไป

เป็นไปตามคาด บุริศร์เอ่ยพร้อมกับเสียงหัวเราะ “เรื่องนี้นอกจากผมและพฤกษ์ กับคุณท่านตระกูลรัตติกรวรกุล แม้แต่คุณนายรัตติกรวรกุลเองก็ยังไม่รู้ คุณคิดว่าคมทิพย์จะรู้รึเปล่าล่ะ?”

“งั้นคุณบอกฉันตอนนี้ คุณไม่กลัวว่าฉันจะเอาไปบอกเธองั้นเหรอ?”

เมื่อนรมนรู้ว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ส่วนบุริศร์เลือกที่จะบอกเธอ เธอรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก

บุริศร์ลูบไล้ศีรษะเธออย่างเอ็นดูพร้อมเอ่ย “ไม่ช้าก็เร็วยังไงคมทิพย์ก็ต้องรู้ แต่เรื่องนี้สู้คุณพูดออกไปผมว่าปล่อยให้พฤกษ์บอกคมทิพย์เองจะดีกว่า ยังไงซะเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ของพวกเขาเอง เราเป็นเพียงคนที่คอยดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ สิ่งที่เราทำได้คือการทำให้เพื่อนของเราใช้ชีวิตให้มีความสุข ส่วนเส้นทางของความสัมพันธ์ควรเดินอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับพวกเขาเอง”

“พูดเหมือนกับว่านายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรักเลยนะ ไม่รู้ว่าใคร ที่สามปีแล้วยังไม่รู้เลยว่าคนที่ตัวเองรักคือใคร”

นรมนคิดบัญชีเก่ากับเขาขึ้นมา

บุริศร์รวบเธอเข้ามาในอ้อมกอด

“เธอกำลังโทษอะไรผมอยู่? หืม?”

“ป่าวซะหน่อย พอได้แล้ว ฉันไม่เล่นกับคุณแล้ว ฉันจะไปดูคมทิพย์สักหน่อย เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉันกลัวว่าเธอคิดจะทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมา พฤกษ์พูดไม่ผิดหลอก แม้ว่าคมทิพย์จะดูเข้มแข็ง อันที่จริงภายในเธออ่อนแอกว่าใคร”

นรมนเอ่ยพร้อมจับจ้องไปที่ห้องของคมทิพย์ด้วยความกังวล

บุริศร์รู้ดีว่าตอนนี้เขาห้ามนรมนไม่ได้ เขาจึงเอ่ยอย่างรักใคร่ “บางทีวันนี้ผมอาจจะไม่ควรให้คุณออกจากบ้าน คุณดูตัวคุณสิ ยังไม่ทันได้ออกไฟเลย ก็เริ่มเป็นห่วงไปทั่วอีกแล้ว หากเป็นคนอื่น ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่มีทางให้คุณเข้าไปยุ่งแน่นอน”

“พอได้แล้ว ฉันรู้ว่าคุณเป็นห่วงฉัน แล้วอีกอย่าง ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้บังเอิญมากจนเกินไป ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องขึ้นกับนาวิน หลังจากนั้นก็คมทิพย์ นาวินอยู่กับคุณมาตั้งนาน เขาได้รับการฝึกฝนจากตระกูลโตเล็กมาตั้งแต่ยังเล็ก จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นง่ายๆ ได้อย่างไรกัน? แล้วยังคมทิพย์อีก ยี่สิบกว่าวันนี้ เธออยู่เฝ้าฉันที่บ้านมาโดยตลอด ทำไมวันนี้ฉันเพิ่งออกไป เธอก็ถูกเจตต์ลากออกไปด้วย?”

คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์ขมวดคิ้วเป็นปม

“เธอต้องการจะสื่ออะไร?”

“ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่าทุกอย่างนี้บังเอิญจนเกินไป แต่ตอนนี้ป้าโอก็ถูกนำตัวไปแล้ว จะมีใครอีกที่จะทำแบบนี้ได้?”

นรมนตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด

เห็นทีท่าของเธอ บุริศร์เอื้อมมือดีดหน้าผากของเธอเบาๆ ทำให้นรมนร้องเสียงหลง

“ทำอะไรของคุณ? มันเจ็บนะ!”

“คุณยังรู้อีกเหรอว่าเจ็บ? ยังไม่ออกไฟแท้ๆ มัวคิดเรื่องที่ไร้ประโยชน์อยู่อีกทำไม? ตอนนี้เราไม่มีอะไรทั้งนั้น คนอื่นจะทำอะไรเราไปเพื่ออะไรกัน เราอยู่ของเราก็พอแล้ว มีผมอยู่ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”

ทีท่าของบุริศร์ทำให้นรมนรู้สึกปลอดภัย

“โอเค ฉันจะเชื่อคุณ ฉันจะไปดูคมทิพย์สักหน่อย คุณไปดูแลลูกๆ เรื่องในวันนี้จะกระทบถึงเด็กๆ ไม่ได้ และอย่าให้เด็กๆ รบกวนคมทิพย์ได้ ฉันว่าตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์เล่นกับพวกเด็กๆ หลอก”

“รู้แล้ว คุณภรรยา”

คำพูดของบุริศร์ “คุณภรรยา” ใช้ได้ผลดีนักกับนรมน

เธอรู้สึกขึ้นมาได้กะทันหันว่าในยามที่คมทิพย์อารมณ์ไม่ดี เธอกลับมีความสุขภายใต้ความเอ็นดูของสามี ช่างใช้ไม่ได้เอาเสียเลย

“พอได้แล้ว คุณเลิกอิดออดได้แล้ว ฉันจะไปดูคมทิพย์ หลายวันนี้คุณไม่ต้องทำดีกับฉันมากนัก เดี๋ยวจะกระทบเธอเข้า”

“ไม่มั้ง?”

บุริศร์รู้สึกว่านรมนทำเกินไปแล้ว

“ไม่อะไร? คมทิพย์ผ่านอะไรมาตั้งมากมาย เธอต้องเสียใจจนไม่อยากพบปะผู้คนแน่ หากคุณดีกับฉันจนเกินไป จะทำให้เธอเสียใจเอาได้”

นรมนเอ่ยอย่างมีหลักการ แต่บุริศร์กลับรู้สึกไร้สาระ

“เธอหมายความว่า หากเธอผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้ ผมจะใกล้ชิดกับคุณไม่ได้งั้นเหรอ?”

“ใช่แล้ว!”

“นรมน ให้มันน้อยๆ หน่อย!”

บุริศร์รู้สึกว่านรมนทำเกินไป

นรมนกลับหัวเราะออกมา ไม่สนใจการต่อต้านของบุริศร์ พลางลุกขึ้นยืนมุ่งไปทางห้องของคมทิพย์

เขารู้ว่าเธอเป็นห่วงคมทิพย์ บุริศร์จึงส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้

ปล่อยให้เธอทำตามใจ ส่วนตัวเขาลุกขึ้นยืนมุ่งไปที่ห้องของกานต์

นรมนเคาะประตูห้อง ภายในแล่นออกมาด้วยเสียงของคมทิพย์

“ใคร?”

“ฉันเอง คมทิพย์ นรมน ให้ฉันเข้าไปหน่อยสิ ฉันเป็นห่วงเธอ”

นรมนเอ่ยเสียงแผ่ว

คมทิพย์รู้ว่าเป็นนรมน จึงเปิดประตูให้เธอเข้ามา

ดวงตาของเธอแดงก่ำราวกับลูกท้อ หดตัวอยู่บนเตียง

ที่มุมหนึ่ง ราวกับเด็กน้อยที่น่าสงสาร

ทีท่าของเธอในตอนนี้เหมือนกับตอนที่นรมนเพิ่งเจอเธอครั้งแรกเมื่อหลายสิบปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน

ในตอนนั้นคมทิพย์ถูกกลั่นแกล้งเช่นเดียวกัน มีสภาพแบบในตอนนี้เช่นกัน แต่ตอนนั้นดูดีกว่าตอนนี้มากนัก อย่างน้อยดวงตาคู่นั้นก็ยังคงมีความหวังหลงเหลืออยู่ คมทิพย์ในตอนนี้เหมือนว่าเธอสูญเสียแสงสว่างไปทั้งหมด ทำให้นรมนเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีดเฉือน

เธอเดินเข้าไป โอบกอดคมทิพย์เอาไว้ พร้อมเอ่ยเสียงแผ่ว “นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ! คมทิพย์ เธอไม่จำเป็นต้องลงโทษตัวเองเพราะความผิดของคนอื่น เธอเป็นแบบนี้ฉันเป็นห่วงเธอมากรู้ไหม?”

“ขอโทษ ฉันไม่ได้อยากให้เธอเป็นห่วง ฉันรู้ว่าเธอกำลังอยู่ไฟ ฉันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอไม่อยู่เฉยแน่ เธอไม่ต้องสนใจฉัน ฉันคือปีเตอร์ที่ไม่มีวันล้มตายง่ายๆ ขอเพียงแค่ฉันยังมีลมหายใจอยู่ ฉันจะไม่มีทางทำเรื่องโง่ๆ เด็ดขาด แต่เธอต้องให้เวลาฉันทำใจ ให้ฉันได้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง”

ประโยคของคมทิพย์ทำให้นรมนเจ็บปวดหัวใจ

“นังบ้า เธออ่อนแอได้ ต่อให้เธอสูญเสียทุกคน แต่เธอยังมีฉัน ฉันเคยบอกแล้ว ชีวิตนี้เธอมีฉัน ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”

เมื่อคมทิพย์ได้ยินประโยคของนรมน เธอปล่อยโฮออกมาในอ้อมกอดของเธอ

“ฉันรู้ ฉันรู้ว่าไม่ว่าฉันจะเปลี่ยนไปยังไง ไม่ว่าคนอื่นจะพูดยังไง เธอก็จะยังอยู่ตรงนี้ ที่นี่ แต่ว่านรมน ฉันทำไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับพฤกษ์โดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาดีขนาดนั้น สะอาดขนาดนั้น จะแปดเปื้อนเพราะฉันได้ยังไงกัน?”

ในใจของคมทิพย์มีพฤกษ์อยู่ เพราะแบบนั้น เธอถึงได้รวดร้าวขนาดนี้

นรมนที่เห็นเธอแบบนี้ ทีแรกที่คิดจะปลอบใจเธอ แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ของเธอในตอนนี้ ยิ่งปลอบใจเธอคงยิ่งเสียใจหนักเข้าไปใหญ่ เธอจึงเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาแทน

“คมทิพย์ ฉันอยากจะถามเธอหน่อย เธออยู่ในบ้านดีๆ ทำไมถึงได้ไปหาเจตต์ที่Moonlight Club? เขาพูดอะไรกับเธอ? หรือว่าเขาข่มขู่อะไรเธองั้นเหรอ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย