บทที่ 365 แด๊ดดี้หล่อจังเลยค่ะ
นรมนถือถ้วยไว้ ซุปบะหมี่หม้อนึงหกอยู่บนพื้น เธอกรีดร้องด้วยความตกใจและกระโดดขึ้นมา หน้าตานั้นทำเอาบุริศร์ตกใจหมด
“นรมน!”
“หม่ามี้!”
กมลก็ตกใจแทบแย่
บุริศร์รีบวางกมลลง แล้วกระโจนไปที่ข้างกายของนรมนอย่างไว ดึงนรมนที่ตกใจจนเอ๋อออกมาโดยตรง
“ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า? โดนลวกหรือเปล่า?”
สีหน้าของบุริศร์ซีดเซียว
นรมนส่ายหัวอย่างเซ่อๆ รู้สึกเมื่อกี๊ตัวเองเหมือนปัญญาอ่อนเลยชัดๆ
“ฉัน ฉันแค่เห็นหม้อเอียงนิดหน่อย กะว่าจะไปปรับให้มันตรง ใครจะไปรู้ว่าหม้อร้อนเกิน จากนั้นในมือฉันถือถ้วยไว้ ฉันกลัวทำถ้วยตก ปรากฏ ปรากฏ.......”คำพูดต่อจากนี้เธอพูดไม่ออกแล้วจริงๆ
ถ้วยไม่เป็นไร เธอปกป้องไว้ แต่เสียดายหม้อได้ตกลงมาแล้ว
เรื่องน่าอายแบบนี้เมื่อก่อนนรมนไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองจะสามารถทำออกมาได้ แต่ตอนนี้ทำให้เธอแทบอยากจะหาที่มุดเข้าไป
บุริศร์กลับไม่สนความอึดอัดเก้อเขินของเธอในตอนนี้ ได้ตรวจเช็คร่างกายของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบนึง พบว่าเธอไม่เป็นไร ทีนี้ถึงโล่งอกไปที
“คุณไปนั่งที่โซฟาก่อน ที่นี่มอบให้ผมเอง”
บุริศร์ดึงนรมนไปนั่งที่โซฟาโดยตรง แล้วเอาถ้วยเปล่าที่อยู่ในมือเธอไปด้วย
กมลมองพวกเขาด้วยความตกใจ
บุริศร์พูดกับกมล“มาอยู่เป็นเพื่อนหม่ามี้หน่อย รินน้ำให้หม่ามี้แก้วนึงด้วย”
“ค่ะๆๆ!”
ทีนี้กมลถึงคิดได้ทันที รีบไปรินน้ำโดยเร็ว
กานต์และพ่อแม่ของนรมนได้ยินข่าวก็วิ่งออกมา ตอนที่พวกเขาเห็นภาพนี้ ค่อนข้างหมดคำพูด
กานต์ส่ายหัวโดยตรงและพูด:“ผู้หญิงพอแต่งงานแล้วไอคิวจะต่ำลงใช่หรือเปล่าครับ?”
“เจ้าตัวแสบ พูดอะไรน่ะ?”
แม่นรมนเขกหัวของกานต์ทีนึง
นรมนรู้สึกครั้งนี้ตัวเองขายหน้าแทบแย่แล้ว ไม่เพียงถูกลูกสาวเห็น แม้แต่พ่อแม่ก็เห็นแล้ว แม้กระทั่งคมทิพย์กับพฤกษ์ต่างก็ออกมาเช่นกัน
ในเสี้ยววินาทีนั้นเธออยากหาหลุมแล้วมุดเข้าไปจริงๆ
“เอาล่ะๆ ไม่มีอะไรครับ ทุกคนจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ ที่นี่ผมมาเก็บกวาดเอง”
บุริศร์เห็นนาทีนี้นรมนเหมือนนกกระจอกเทศที่หดตัวอยู่บนโซฟา ค่อนข้างรู้สึกสงสาร
ทุกคนได้กลับไปที่ห้องอีกครั้ง มีแค่กมลที่ยังอยู่
เธอยื่นน้ำให้กับนรมน และพูดเสียงเบา:“หม่ามี้ดื่มน้ำให้หายตกใจก่อนค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
นรมนรู้สึกขายหน้าจะแย่อยู่แล้ว แต่ว่าก็พูดอะไรต่อหน้าลูกไม่ได้
เธอรับน้ำมาดื่มไปกรึ๊บนึง กมลพูดอย่างอึดอัด:“หม่ามี้คะ เรื่องก่อนหน้านี้หนูต้องขอโทษด้วยค่ะ หนูไม่ดีเอง ไม่ควรกระแทกประตูแรงๆ ไม่ควรใส่อารมณ์ให้หม่ามี้ แด๊ดดี้ได้อบรมสั่งสอนหนูแล้วค่ะ หม่ามี้อย่าโกรธได้มั้ยคะ?”
เธอเขย่าแขนของนรมน หน้าตาที่น่าสงสารนั้น นรมนจะแข็งใจตำหนิเธอได้ยังไง
“ไม่เป็นไรค่ะ หม่ามี้ไม่โกรธแล้ว”
“เพราะหนูหรือเปล่าคะ หม่ามี้ถึงได้ทำหม้อตกพื้น?”
เด็กคิดปะติดปะต่อเก่งมาก นาทีนี้คำพูดนี้ออกมาปุ๊บ นรมนหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง
“เปล่าค่ะ หม่ามี้ไม่ระวังเอง”
“แล้วหม่ามี้ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ?”
“ไม่ค่ะ”
นรมนอุ้มกมลมานั่งตักตัวเอง แววตาของเธอมองไปที่ทิศทางของห้องครัวอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
บุริศร์ได้พับแขนเสื้อขึ้นและเริ่มจัดเก็บแล้ว
ผู้ชายตัวใหญ่อย่างนั้น ไม่นึกเลยว่าอยู่ในห้องครัวจะไม่รู้สึกขัดกันเลยสักนิด กลับกันยังทำให้คนรู้สึกมีความอบอุ่นเสี้ยวนึงเคลื่อนที่อยู่ในใจ
“แด๊ดดี้หล่อจังเลยค่ะ!”
กมลเผยดวงตาเปล่งประกายของตัวเองออกมาอีกครั้ง แต่ว่าก็ได้พูดความในใจของนรมนออกมาเหมือนกัน
บุริศร์ในเวลานี้หล่อจริงๆ
เธอยิ้มเซ่อๆกับกมลสองคนเหมือนคนบ้าผู้ชายยังไงอย่างงั้น หลังจากมองดูบุริศร์จัดเก็บเรียบร้อย เขาได้เริ่มล้างผักหั่นผัก และต้มบะหมี่
ท่าทางที่ต่อเนื่องสำเร็จในลมหายใจเดียว
นรมนรู้สึกตัวเองดูกี่รอบก็ไม่รู้สึกเบื่อ
หลังจากบุริศร์ทำบะหมี่เสร็จ ก็เห็นสาวน้อยสาวใหญ่มองตัวเองด้วยสายตาเปล่งประกาย รู้สึกพึงพอใจในชั่วขณะ ความรู้สึกพึงพอใจแบบนั้นดีใจกว่าเขาเซ็นต์สัญญาร่วมงานหนึ่งร้อยล้านเสียอีก
“มาทานข้าวได้แล้ว”
เขากวักมือเรียกนรมนและกมล
เดิมทีกมลทานข้าวแล้ว นาทีนี้เห็นกับข้าวที่บุริศร์ทำ ก็ได้มาแจมอีกหน่อย
กลับเป็นนรมนที่ค่อนข้างเก้อเขิน
บุริศร์ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม รินนมให้เธอแก้วนึงแล้วพูด:“วันนี้เป็นวันที่คู่ควรแก่การฉลอง ฉลองที่ในที่สุดคุณก็มีสถานะอีกครั้ง”
“ขอบคุณค่ะ”
เรื่องที่ไม่สบอารมณ์ทั้งหมดเหมือนได้จางหายไปในนาทีนี้
พวกเขาฉลองขึ้นมาด้วยความดีใจที่มีขึ้นตั้งแต่แรกเริ่ม
ถึงแม้เป็นแค่บะหมี่ชามที่แสนธรรมดา นมอุ่นๆแก้วนึง ก็ยังได้ทำให้พวกเขามีความสุขมากอีกเช่นเคย
ตอนเย็น มีคนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดามา แต่ถูกบุริศร์ขวางไว้ที่ด้านนอก
นรมนรู้ แต่ได้ทำเป็นไม่รู้
กับคุณนายทวีทรัพย์ธาดา เธอมีความผูกพันอยู่ แต่กับคุณนายทวีทรัพย์ธาดา ท่านนึกเองว่าที่ตัวเองทำน่ะมันดีแล้ว
ตอนนี้เพื่อตุลยาคนเดียว คุณนายทวีทรัพย์ธาดาถึงกับทำแบบนี้กับเธอโดยที่ไม่แยกแยะผิดถูก พูดตามตรง เป็นไปไม่ได้ที่ในใจของนรมนจะไม่มีลอยบาดหมาง
หลังจากคนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไป คิมได้มาอีก ถูกขวางไว้ที่ด้านนอกอีกเช่นเคย
ตลอดจนถึงพลบค่ำ ธรณีได้โทรเข้ามา นรมนก็ไม่ได้รับสายอีกเช่นเคย
ธรณีหมดหนทางจึงได้ส่งข้อความให้เธอ ได้พูดคำพูดมากมายที่ขอโทษ บอกให้เธออย่าเอามาใส่ใจ เรื่องนี้เดี๋ยวเขาจะจัดการเอง
มองดูคำพูดเหล่านี้ นรมนไม่ได้มีความคาดหวังอะไรมาก
จัดการ?
จัดการยังไง?
ทะเลาะกับคุณนายทวีทรัพย์ธาดาเพื่อเธองั้นเหรอ?
นรมนไม่รู้สึกท้อแท้ใจ รู้สึกแค่ไม่สบายใจมาก ความรู้สึกแบบนั้นไม่ใช่ว่าแค่คำสองคำก็จะสามารถพูดได้ชัดเจน
เธอจึงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นโดยตรงเลย ไม่คิดอะไรทั้งนั้น ขังตัวเองไว้ในห้องแล้วเริ่มดีไซน์เครื่องประดับของเธอ
ค่ามัดจำของร้านจิวเวลรี่Only Oneได้จ่ายไปแล้ว บางทีเนื่องจากผู้หญิงดื้อดึงยึดมั่นกับความรัก เธอหวังอยากทิ้งตราตรึงใจที่ชั่วนิรันดร์กับบุริศร์ไว้ที่ร้านเครื่องประดับร้านนี้จริงๆ
เมื่อก่อนดีไซน์รถยนต์จนชิน ตอนนี้มาดีไซน์เครื่องประดับ นรมนรู้สึกไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองถนัด จึงขอความช่วยเหลือจากบุริศร์อย่างห้ามใจไม่ได้
บุริศร์คิดๆแล้ว ก็ได้วาดรูปที่เรียบง่ายลงบนกระดาษ เสี้ยววินาทีนั้นทำให้นรมนหัวใจหวั่นไหวมาก
นั่นเป็นแค่เถาวัลย์เชือกนึง
บุริศร์บอกว่าใบไม้ในรูปคือเขา เถาวัลย์คือนรมน ทั้งสองพัวพันซึ่งกันและกัน อยู่ด้วยกันชั่วนิรันดร์ ไม่แยกจากกัน
จู่ๆนรมนพบว่าสิ่งที่เรียบง่ายที่สุดมักจะเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุด
ทั้งคู่อดใจรอไม่ไหวที่จะเอาภาพไปที่ร้านจิวเวลรี่Only One
ไม่นานทางร้านก็ได้กำหนดแม่แบบอย่างแน่ชัด
บุริศร์มีข้อเรียกว่าต้องเร่งให้ ทางร้านก็ได้รับปากแล้ว
มองหน้าที่รีบร้อนของบุริศร์ นรมนหัวเราะขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
เธอรู้สึกความสุขกำลังเข้าใกล้มาหาเธออย่างเงียบๆ
นรมนควงแขนของบุริศร์ไว้ ทั้งสองได้ไปทานมื้อเย็นกันสองต่อสองด้วยความหวานแหวว
จากนั้นบุริศร์ก็ได้พาเธอไปเดินตลาดกลางคืน และชมวิวยามค่ำคืน
เธอรู้สึกตัวเองจะลอยขึ้นมาอยู่แล้ว
ตอนที่กลับถึงบ้านก็ใกล้เที่ยงคืนแล้ว
ที่หน้าวิลล่า นรมนเห็นร่างเงาที่คุ้นเคย
อารมณ์ที่ดีงามของเธอถูกทำลายนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ได้จอดรถอยู่ดี
“หัวหน้าคิม ดึกขนาดนี้แล้ว มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”
สรรพนามที่เรียกได้ห่างเหินมากของนรมน ทำให้คิมไม่สบายใจอย่างมาก
“ความหมายของฉันกับอาของหนูเหมือนกัน พรุ่งนี้ฉันกับอาของหนูกะจะพาหนูไปทำบัตรประชาชน ที่เหลือเดี๋ยวฉันกับอาของหนูค่อยๆคุยกับคุณนาย”
คิมก็กังวลเรื่องบัตรประชาชนของนรมน
นรมนกลับพูดอย่างเรียบเฉย:“ไม่ต้องแล้วค่ะ”
“นรมน ฉันรู้ว่าหนูไม่สบายใจ เรื่องนี้ฉันเองก็ทำได้ไม่รอบคอบ แต่เพื่องอนพวกเราก็ไม่เอาเรื่องบัตรประชาชนของตัวเองมาใส่ใจไม่ได้ คนๆนึงถ้าไม่มีบัตรประชาชน ไม่สามารถยืนอยู่บนโลกใบนี้ได้ ฟังคำพูดของฉันนะ เราไปกันพรุ่งนี้เลย ฉันว่าคุณนายไม่มีทางไม่ยอมหรอก”
“หนูบอกแล้วว่าไม่ต้อง บัตรประชาชนของหนูทำเสร็จแล้วค่ะ ไม่ใช่ว่าต้องตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเท่านั้น ก็เหมือนสถานะของหนูในตอนนี้ หนูชื่อนรมน ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกหลานของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเท่านั้นถึงจะได้ นี่ก็ดึกมากแล้ว น้ำค้างเยอะด้วย หัวหน้าคิมเชิญกลับเถอะค่ะ”
คำพูดของนรมนเรียบเฉยมาก กลับทำให้คิมอึ้งค้างโดยตรง
“บัตรประชาชนทำได้แล้ว? เป็นไปได้ยังไง? เอกสารรับรองทั้งหมดอยู่ที่อาของหนู หนูคงไม่ใช่ไปทำบัตรปลอมมั้ง? นรมน หนูฟังฉันพูด......”
“ขอโทษค่ะ ฉันเหนื่อยแล้ว ต้องไปพักผ่อนแล้ว”
นรมนพูดจบก็ปิดกระจกรถและเข้าวิลล่าโดยตรง ไม่มีความคิดที่จะคุยกับคิมต่อเลยสักนิด
ตั้งแต่ต้นจนจบ บุริศร์ไม่เปิดปากพูดสักคำ แต่หลังจากจอดรถ เขาได้พูดกับคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ:“ให้คนส่งหัวหน้าคิมกลับ ดึกมากแล้ว อย่าให้เกิดเรื่อง”
“ค่ะ”
เห็นบุริศร์ทำแบบนี้ นรมนก็ไม่ได้ส่งเสียง เธอเดินขึ้นไปชั้นบนคนเดียว
หลังจากบุริศร์เข้ามา โอบกอดเธอจากด้านเธอ:“ไม่ว่าเวลาไหน คุณยังมีผมอยู่ อีกอย่างผมรู้สึกหัวหน้าคิมกับธรณีดีกับคุณจริงๆ ถึงแม้บางครั้งเรื่องที่พวกเขาทำอาจจะไม่รอบคอบถี่ถ้วน แต่ก็ทำเพื่อคุณอย่างสุดหัวใจ จุดนี้คุณลบล้างไม่ได้”
“ฉันรู้ค่ะ หัวหน้าคิมดีกับฉันเพราะรู้สึกละอายใจ คุณอาดีกับฉันเพราะต้องการชดเชยฉัน ฉันล้วนเข้าใจทั้งนั้น ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะต่อต้านพวกเขา แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจ นั่นเป็นบ้านของฉัน เป็นคนในครอบครัวฉัน แต่ตอนนี้คุณนายกลับยอมที่จะเชื่อคนนอกคนนึง บางทีท่านยังอาจจะรู้สึกฉันใจแคบด้วยซ้ำ”
นรมนยิ้มอย่างขมขื่น
บุริศร์พูดเสียงต่ำ:“ท่านแก่แล้ว เลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอเรื่องแล้วแยกแยะไม่ได้ อีกอย่างวิธีการของตุลยาคุณเองก็รู้ดี เธอก็สามารถหลอกลวงได้แค่คนแก่เท่านั้นแหละ เดี๋ยวรอความจริงทุกอย่างกระจ่างคุณนายทวีทรัพย์ธาดาต้องเสียใจแน่นอน เผลอๆถึงเวลาจะดีกับคุณมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ”
“ฉันไม่ต้องการค่ะ”
บุริศร์ย่อมฟังน้ำเสียงของนรมนออกอยู่แล้ว
“เอาล่ะ คนอื่นไม่เอ็นดูคุณ ผมเอ็นดูคุณเอง คนอย่างตุลยา ถึงไม่มีคนจัดการเธอ ยังมีฟ้าเบื้องบนจัดการอยู่ ไม่มีใครรอดพ้นจากบาปกรรมที่ตัวเองทำได้หรอก คุณวางใจเถอะ”
“พูดอย่างกับว่าคุณคือฟ้าเบื้องบนงั้นแหละ”
นรมนถูกคำพูดเขาทำเอาขำ
ทั้งสองคนหยอกล้อกัน เกิดอารมณ์อย่างห้ามใจไม่ได้ นรมนเห็นบุริศร์กำลังอดทนไว้ พูดด้วยความเก้อเขินอย่างควบคุมไม่ได้:“นี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว คุณหมอบอกว่าสามารถทำเรื่องบนเตียงได้แล้ว ถ้าคุณอยากเอา ฉัน.........”
“นอนเถอะ”
ร่างกายของบุริศร์แข็งทื่อ แต่กลับได้อดทนไว้ นี่ทำให้นรมนแปลกใจมาก
“ฉันไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่ะ”
“รออีกหน่อย ร่างกายของคุณเพิ่งอยู่ไฟมา ทนการทรมานไม่ไหว วางใจเถอะ ผมไม่เป็นไร”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
สามารถมีคนที่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ข้างกาย เธอยังต้องการอะไรอีก?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย