แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 372

บทที่ 372 ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาให้ท้ายอะไรฉัน

“กินช้าๆ ดูสิกินจนเลอะปากไปหมดแล้ว”

นรมนดึงผ้าเช็ดหน้าออกมา เตรียมจะเช็ดปากให้กมล แต่กานต์กลับหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดให้กมลเสียก่อน

เมื่อเห็นลูกๆรักกันถึงขนาดนี้ นรมนก็รู้สึกว่าชีวิตนี้สมบูรณ์แล้ว

อารมณ์ไม่พอใจของบุริศร์ก็ค่อยๆจางหายไปเช่นเดียวกัน

“เมื่อกี้พวกคุณไปทำอะไรมา?”

เพราะเห็นบุริศร์กับกมลหายไปพักหนึ่ง นรมนจึงอดถามขึ้นมาไม่ได้

บุริศร์ยังไม่ทันได้พูดอะไร กมลก็ฟ้องขึ้นมาเสียก่อน

“หม่ามี๊ แด๊ดดี้นิสัยไม่ดีค่ะ!”

คำพูดของกมลทิ่มแทงหัวใจของบุริศร์เข้าอย่างจัง

“กมล พูดให้มันดีๆหน่อยได้ไหม?”

“ก็มันเป็นอย่างนั้นจริงๆนี่นา”

กมลพูดออกมาอย่างมั่นใจว่า “หม่ามี๊ หนูได้รู้จักพี่คนหนึ่งชื่อพี่ธนธี พี่เขาซื้อของกินให้หนู แถมยังเป่าขลุ่ยให้หนูฟังด้วย แต่แด๊ดดี้กลับบอกว่าพี่ธนธีเป็นคนไม่ดี แถมยังดุเขาอีกด้วย”

“พี่ธนธีอะไร? นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

นรมนได้ฟังก็รู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก ทว่าสีหน้าของกานต์กลับเริ่มบึ้งตึง

จากนั้นบุริศร์ก็เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ออกมาอย่างฮึดฮัดในใจ

นรมนได้ยินก็ตกใจจนเหงื่อไหลซึมออกมา

“หนูไม่รู้จักเขาแต่ตามเขาไปเพียงเพราะไอศกรีมเนี่ยนะ? กมลปกติหม่ามี๊สอนหนูว่ายังไง?”

นรมนเริ่มเดือดขึ้นมา

ลูกสาวคนนี้นี่มันจริงๆเลย!

แค่ไอศกรีมก็สามารถหลอกล่อเธอได้แล้ว ตอนนี้ยังจะมาบอกว่าบุริศร์ทำไม่ถูกอีก สติปัญญาของเด็กคนนี้มีปัญหาหรือไง?

กานต์เองก็ตีหน้าบึ้งตึง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เมื่อกมลเห็นนรมนโกรธ คราวนี้ถึงได้หดคอลงแล้วพูดว่า “ก็หน้าตาของพี่ธนธีไม่เหมือนคนไม่ดีนี่นา”

“แล้วคนไม่ดีดูจากแค่หน้าตาเหรอ? หนูรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดี?”

“หนูรู้ก็แล้วกัน!”

กมลยังคงเถียงต่อ นรมนรู้สสึกโกรธจนอยากผ่าสมองเธอดูว่ามีอะไรอยู่ข้างในนั้น

เมื่อเห็นนรมนโกรธถึงขนาดนี้ กานต์ก็พูดเสียงเบาขึ้นมาว่า “หม่ามี๊ เธอเองก็คงสับสนไปชั่วขณะ เรามาค่อยๆสอนเธอดีกว่าครับ กมลไม่เคยออกไปไหนมาไหนเลยตั้งแต่เด็ก พอได้ออกมาครั้งแรก จึงไม่แปลกที่จะคิดว่าใครๆต่างก็เป็นคนดีไปหมด”

“ไม่ใช่นะคะพี่ พี่ธนธีหน้าตาดีมากๆ หน้าตาดีเหมือนพี่เลย อีกอย่างเขายังเป่าขลุ่ยเป็น แล้วก็เป่าเพราะด้วยนะ”

ยังไม่ทันที่กมลจะได้พูดจบ กานต์ก็หยิบอาหารตรงหน้าเธอขึ้นมา แล้วเดินไปเททิ้งลงถังขยะ

การกระทำของเขาทำให้กมลนิ่งอึ้ง

“พี่คะ พี่ทำอะไร?”

“ไปขอให้พี่ธนธีของแกซื้อให้สิ แกกินอาหารของพวกฉัน และมีความสุขที่พ่อแม่ตามใจแก แต่ตอนนี้แกเอาแต่พูดถึงผู้ชายที่ได้เจอกันแค่ครั้งเดียวต่อหน้าพวกฉัน แกยังอยากจะอยู่กับพวกฉันไหม?”

กานต์ไม่ได้พูดเสียงดัง และไม่ได้มีท่าทีโกรธเลยด้วยซ้ำ แต่กลับทำให้กมลกลัว

เธอบิดชายเสื้อของตัวเอง แล้วพูดออกมาอย่างตัดพ้อว่า “พี่คะ พี่ไม่รักฉันแล้วเหรอ?”

“แล้วแกรักพวกฉันไหมล่ะ? กมล แกลองคิดให้ดีๆนะ ตั้งแต่ที่แกจำความได้ ใครคอยอยู่เฝ้าแกทั้งวันทั้งคืน? ใครคอยดูแลแกทุกวัน? ใช่พี่ธนธีอะไรนั่นของแกไหม? แกเพิ่งเคยเจอเขาแค่ครั้งเดียว แต่กลับเถียงพ่อแม่คำไม่ตกฟากแทนเขาคนนั้น สำหรับแกแล้ว แกเห็นพวกฉันเป็นอะไร? ที่พวกฉันโกรธก็เพราะเป็นห่วงแก หรือว่าหลายปีมานี้พวกฉันคอยตามใจจนแกเคยตัว เลยทำให้แกลืมไปแล้วใช่ไหมว่าตัวเองนามสกุลอะไร? คนในครอบครัวไม่ดี แต่ผู้ชายที่เพิ่งเจอกันครั้งเดียวดีมากสินะ งั้นแกก็ไปหาเขาสิ ไปตอนนี้เลย!”

พอกานต์เริ่มเคร่งขรึมก็ดูน่ากลัวมากๆ แม้แต่ตัวนรมนเองก็เริ่มรู้สึกกลัว

นี่เด็กแค่สี่ขวบเองนะ!

ทำไมมีกลิ่นอายของบุริศร์มากขนาดนี้ล่ะ?

นรมนใช้แขนสะกิดบุริศร์เบาๆ แล้วพูดว่า “คุณไม่จัดการอะไรหน่อยเหรอ? จะปล่อยให้กานต์สั่งสอนกมลแบบนี้?”

“ให้เขาจัดการเถอะ วันนี้กมลทำผิดจริงๆ ถ้าครั้งหน้ามีคนซื้อของให้เธออีกเธอก็คงตามเขาไปอีกแน่ แล้วเราจะไปตามหาลูกได้ที่ไหน? ถ้าเธอตระหนักไม่ได้ว่าตัวเองผิดตรงไหน มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่”

บุริศร์พูดเสียงเบา

กมลมองมาที่นรมนกับบุริศร์ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเข้าข้างเธอ และกานต์ก็มีท่าทางน่ากลัวเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นเธอก็เริ่มลนลาน

“พี่คะ!”

เธอยื่นมือออกไปเตรียมจะดึงชายเสื้อของกานต์เอาไว้

แต่กานต์กลับมองเธอนิ่งๆ จนกมลไม่กล้า เธอกัดริมฝีปาก ท่าทางจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

บุริศร์รู้สึกสงสาร

“เอาล่ะๆ หลังจากนี้ก็ค่อยๆสอนกันไปก็แล้วกัน”

ตอนที่บุริศร์กำลังจะลุกขึ้นไปกอดกมล เขาก็เห็นกานต์ส่งสายตาพิฆาตมาให้เขา

“โบราณกล่าวไว้ว่าพ่อแม่ให้ท้ายเท่ากับทำร้ายลูก คุณบุริศร์ คุณอยากเป็นพ่อแม่แบบนั้นเหรอ?”

คำพูดนี้ทำให้บุริศร์ยืนนิ่งอยู่กับที่

ถูกลูกตัวเองสั่งสอนนี่ถือเป็นประสบการณ์ในรูปแบบไหนนะ?

ในใจบุริศร์รู้สึกผสมปนเปกันไปหมด

เมื่อกมลเห็นว่าบุริศร์ไม่ช่วยเธอแล้ว จึงร้องไห้ออกมาทันที

“หนูผิดไปแล้ว ขอโทษ หนูจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว”

กมลร้องไห้จนดูน่าสงสาร

นรมนหันไปมองกานต์

ก็พบว่ากานต์ดึงกระดาษทิชชู่ออกมาแล้วยื่นไปให้ผู้เป็นน้อง “จำเอาไว้ ไม่ว่าจะตอนไหน คนในครอบครัวสำคัญที่สุด ถ้าในอนาคตแกออกไปเผชิญโลกภายนอก แล้วโดนรังแก ก็ยังมีครอบครัวคอยสนับสนุน ถ้าไม่มีครอบครัว ก็จะโดดเดี่ยว ต่อให้มีหนังสือก็ช่วยอะไรแกไม่ได้หรอก ถึงแม้คนอื่นจะดีแค่ไหน แกก็ไม่ควรต่อว่าคนในครอบครัวของตัวเองเพื่อคนอื่น เข้าใจไหม?”

“เข้าใจแล้ว”

ไหล่ของกมลขยับขึ้นลงตามแรงสะอื้น เพราะไม่กล้าร้องไห้ออกมาเสียงดัง แบบนั้นก็ยิ่งทำให้ดูน่าสงสาร

“เอาล่ะ กานต์ กมลคงรู้สึกผิดแล้วล่ะ”

เมื่อเห็นลูกชายสั่งสอนกมลแบบนี้ นรมนก็รู้สึกกลัวนิดหน่อย เด็กคนนี้โตขึ้นมาต้องน่ากลัวเอาเรื่องมากแน่ๆ

กานต์ถอนหายใจออกมา แล้วดึงนรมนกลับมานั่ง

“ยังอยากกินไหม?”

“กิน!”

สมกับเป็นนักกิน ร้องไห้จนมีสภาพแบบนี้ กมลก็ยังไม่ลืมของกิน

บุริศร์รีบลุกขึ้นไปสั่งอาหารให้กมลอีกครั้ง

เมื่อเรื่องจบอย่างนี้. บุริศร์ก็ได้รู้อะไรใหม่ๆเกี่ยวกับกานต์

มุมมองของเด็กคนนี้เที่ยงตรงมาก ดูท่านรมนคงอบรมสั่งสอนมาดี ทั้งยังมีความคิดเป็นของตัวเอง ฉลาด และมองการณ์ไกล ไม่แน่อาจจะอนาคตไกลกว่าเขาก็ได้

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ บุริศร์ก็รู้สึกหายห่วง

หลังจากทั้งสี่คนกินหมด ก็เที่ยวเล่นอยู่สักพัก เมื่อเด็กทั้งสองเริ่มเหนื่อย บุริศร์ถึงได้ขับรถพาพวกเขากลับ

ตอนกลับก็ค่ำแล้ว เด็กทั้งสองจึงหลับไป เมื่อบุริศร์เห็นพวกเขาหลับสนิท ก็ยิ้มแล้วพูดออกมาว่า "คุณเหนื่อยไหม? อยากพักสักหน่อยหรือเปล่า?"

"ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ ที่สำคัญขอแค่ลูกๆมีความสุขก็พอแล้ว"

วันนี้เป็นวันที่ครอบครัวของพวกเขามีความสุขมาก แค่นี้นรมนก็พอใจแล้ว

ในตอนที่ขับรถมาถึงทางเข้าคฤหาสน์ นรมนก็เห็นร่างของคนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เธอจึงชะงักไปในทันที

บุริศร์เองก็เห็นเหมือนกัน เพียงแต่ไม่คิดว่าคนคนนั้นจะเป็นคุณนายทวีทรัพย์ธาดา

เขาชะงักไปนิด แล้วพูดเสียงเบาขึ้นมาว่า "คุณพาเด็กๆกลับไปก่อน ตรงนี้เดี๋ยวผมรับมือเอง"

นรมนไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคุณนายทวีทรัพย์ธาดามากเท่าไหร่ เธอจึงพยักหน้าตกลง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพอคุณนายทวีทรัพย์ธาดาห็นรถของนรมน แล้วจะวิ่งมาขวางหน้ารถเอาไว้

"แม่ แม่ทำอะไร?"

ธรณีรีบห้ามคุณนายทวีทรัพย์ธาดาอาไว้ ยังดีที่บุริศร์เหยียบเบรกได้ทัน แต่ก็ตกใจจนเหงื่อไหลไปแล้ว

แม้ว่านรมนจะโกรธ แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เธอจึงลงรถไปดู

"คุณเป็นยังไงบ้าง? บาดเจ็บตรงไหนไหม?"

ท่าทีกังวลของนรมนอยู่ในสายตาของบุริศร์ แต่กลับไม่สะดวกที่จะพูดอะไรออกไป

เมื่อคุณนายทวีทรัพย์ธาดาเห็นนรมนลงมาจากรถ ใบหน้าก็ปกคลุมไปด้วยความเยือกเย็น จากนั้นก็พูดเสียงเรียบนิ่งขึ้นมาว่า "แกยังสนใจอยู่เหรอว่ายายแก่ๆอย่างฉันจะเป็นตายร้ายดียังไง? ฉันก็นึกว่าแกจะใจดำอำมหิตถึงขั้นทำร้ายคนสายเลือดเดียวกันได้ลงซะอีก"

ประโยคนี้ทำให้นรมนยืนอึ้งอยู่กับที่

"คุณหมายความว่ายังไง?"

เมื่อธรณีเห็นท่าทีแบบนี้ จึงรีบห้ามคุณนายทวีทรัพย์ธาดาเอาไว้

"แม่ครับ เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน แม่อย่าเพิ่งต่อว่านรมนสิครับ ยังไงแม่ก็ควรถามเธอก่อน"

"ต้องถามอะไรอีก? คืดว่ายัยตุลยาจะใส่ร้ายเธอหรือไง?"

เมื่อคุณนายทวีทรัพย์ธาดาพูดออกมาอย่างนี้ นรมนก็รู้ทันทีว่าตุลยาต้องพูดอะไรกับคุณนายทวีทรัพย์ธาดามาแน่ๆ

เธอจึงเก็บความกังวลและความเครียดทุกอย่างเอาไว้ ทั้งยังแอบปวดหน่วงอยู่ภายในใจ

"ในความคิดของคุณคำพูดของตุลยาคงจะสมเหตุสมผลไปหมด ส่วนฉันแม้แต่โอกาสโต้แย้งก็ไม่มีเลยงั้นสิ? ในเมื่อเป็นอย่างนี้ แล้วคุณมาที่นี่ทำไม? ถ้าจะมาตัดสินโทษฉัน แค่ไล่ฉันออกจากบ้านก็พอแล้ว จะพูดอะไรให้มากความทำไม"

เสียงของนรมนเย็นชา คำที่พูดออกมายิ่งทำให้คุณนายทวีทรัพย์ธาดาโกรธมากกว่าเดิม"ดูสิ ว่าเธอพูดอะไรออกมา! นรมน แกเป็นคนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ตระกูลของเรามีแต่คนรู้บุญคุณ ไม่มีใครจิตใจอำมหิตเหมือนแกเลยสักคน ตอนนี้แกทำความผิด ในฐานะที่ฉันเป็นย่า จะต่อว่าแกไม่ได้เลยหรือไง? แกเกือบทำให้คนตาย ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปล่ะก็ แกรู้ไหมว่ามันจะส่งผลกระทบแค่ไหน?"

นรมนกลับแสยะยิ้มแล้วพูดออกมาว่า "ฉันทำอะไรคะ? อีกอย่างคุณยังคิดว่าคุณเป็นย่าของฉันอีกเหรอ? ทำไมฉันรู้สึกว่าคุณเป็นย่าของตุลยามากกว่าอีก? คุณนายทวีทรัพย์ธาดา ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ วันนี้ฉันเหนื่อยมามากแล้ว ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว ก็เชิญกลับไปเถอะค่ะ ฉันจะเข้าบ้าน!"

"แกมันสามหาว!"

คุณนายทวีทรัพย์ธาดาไม่คิดเลยว่านรมนจะแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา

เมื่อธรณีเห็นว่าเรื่องมันกำลังจะไปกันใหญ่ จึงรีบพูดออกมาว่า "แม่ นรมนไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้มันต้องมีการเข้าใจผิดแน่ๆ แม่อย่าหาเรื่องเลยนะครับ"

"ฉันหาเรื่องอะไร? ที่เธอเป็นแบบนี้ ก็เพราะพวกแกให้ท้ายจนเคยตัวยังไงล่ะ!"

นรมนไม่อยากฟังที่คุณนายทวีทรัพย์ธาดาพูดอีกต่อไป

"ให้ท้ายฉัน? คุณนายทวีทรัพย์ธาดา ตอนนี้ฉันใกล้จะสามสิบแล้ว หลายปีที่ผ่านมา ฉันไม่เคยกินข้าวของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาสักคำ ไม่เคยดื่มน้ำของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาสักอึก ขนาดต้องการใบยืนยันตัวตน ก็ยังต้องยอมให้คนนอกอย่างตุลยาเข้ามาในตระกูลก่อนถึงจะได้มันมา ถามหน่อยว่าตระกูลทวีทรัพย์ธาดาให้ท้ายฉันยังไง?"

ความจริงแล้วนรมนไม่อยากโกรธ แต่ตอนนี้มันอดรู้สึกโกรธไม่ได้จริงๆ

คุณนายจะชอบตุลยายังไงก็ได้ แต่จะมาบังคับให้เธอยอมรับตุลยาไม่ได้ไหม?

คุณนายไม่เคยถามถึงความบาดหมางระหว่างพวกเธอสองคนสักคำ แต่ตอนนี้กลับมาหาเรื่องเธอถึงที่เพียงเพราะคำกล่าวหาไม่มีมูลของตุลยา ซึ่งมันเป็นอะไรที่นรมนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

เธอมีสายเลือดของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็จริง. แต่ก็ใช่ว่าเธอจะสามารถรับคำพูดดูถูกและต่อว่าเหล่านี้ได้เสียหน่อย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย