แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 373

บทที่ 373 แล้วมีโอกาสไหม

เมื่อนรมนถามมาแบบนี้คุณนายทวีทรัพย์ธาดาก็พูดไม่ออก

พอลองคิดดูหลายปีมานี้ นรมนก็ไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเป็นใคร เพิ่งจะมารู้ว่ามีสายเลือดของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเอาซะตอนนี้ เธอไม่เคยให้ความรักความเอาใจใส่กับนรมนจริงๆนั่นแหละ

ชั่วขณะ. ท่าทีของคุณนายทวีทรัพย์ธาดาก็อ่อนลง

"นรมน ฉันรู้ว่าหลายปีมานี้แกคงลำบากมามาก"

"ฉันไม่ลำบากหรอกค่ะ และฉันก็คิดว่าการที่ได้อยู่ในตระกูลธนาศักดิ์ธนมีความสุขมากกว่าด้วยซ้ำ อย่างน้อยพ่อกับแม่ฉันก็ไม่เคยกล่าวหาว่าฉันผิดเพียงเพราะคำพูดของคนอื่น โดยที่ไม่ถามฉันสักคำ คุณจะชอบใครก็ได้ จะอยากให้ใครมาเป็นหลานก็ได้ ฉันเองก็ใกล้จะสามสิบแล้ว ในตอนที่ฉันต้องการความรัก ฉันก็มีพ่อแม่คอยอยู่ข้างๆ แต่สำหรับตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ฉันจะมีหรือไม่มีก็ได้ คุณนายคะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะคิดว่าตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเป็นที่พักพิงที่ดีหรอกนะคะ และตอนนี้ฉันก็มีความสุขดี"

นรมนพูดจบก็หันหลังให้ทันที

บุริศร์ลงมาจากรถ ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเขา ดังนั้นดวงตาจึงทอแววเยือกเย็นขึ้นมา

"คุณนายทวีทรัพย์ธาดา คุณเข้ามาขวางทางรถผมอย่างนี้. เพราะอะไรกันแน่?"

"ไม่ต้องถามหรอก ฉันไม่อยากรู้"

นรมนไม่อยากรู้จริงๆ

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอยังพอมีความรู้สึกให้ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เธอไม่อยากมีเลยสักนิด

บุริศร์รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดภายในใจของนรมน และเขาก็ทนมองผู้หญิงของเขาถูกรังแกอย่างนี้ไม่ได้จริงๆ

"ไม่เอาน่า ไหนๆคุณนายทวีทรัพย์ธาดาก็มาถึงที่นี่แล้ว ยังไงก็ต้องถามเสียหน่อยว่าตกลงแล้วภรรยาของผมทำผิดกฏข้อไหนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเหรอครับ? คุณนายทวีทรัพย์ธาดาถึงได้สละเวลามากล่าวหากันถึงที่ขนาดนี้"

ในตอนนี้สีหน้าของบุริศร์เยือกเย็นจนใครก็ไม่กล้าสบตา

ธรณีกำลังจะออกปากพูดไกล่เกลี่ย. แต่กลับได้ยินบุริศร์พูดออกมาเสียก่อนว่า "คุณชายธรณี ถ้าคิดจะพูดแทนบุพการีของคุณล่ะก็ ไม่ต้องพูดดีกว่านะครับ. ผมกลัวว่าหลังจากนี้แม้แต่ในฐานะเพื่อนเราก็คงมองหน้ากันไม่ติด"

คำพูดนี้ทำให้ธรณีต้องปิดปากเงียบทันที

คุณนายทวีทรัพย์ธาดารู้มาตลอดว่าบุริศร์ร้ายกาจแค่ไหน ในตอนนี้เมื่อเห็นบุริศร์ทำตัวยกตนข่มท่าน. เธอจึงเริ่มมีน้ำโหขึ้นมานิดๆ

"นายพูดกับฉันอย่างนี้เหรอ?"

"แล้วผมต้องพูดยังไงกับคุณล่ะครับ? ถ้าคุณเป็นย่าของนรมน คุณก็ถือเป็นผู้หลักผู้ใหญ่สำหรับผมด้วยเหมือนกัน และแน่นอนว่าผมก็จะพูดกับคุณดีๆด้วย แต่ว่าจากที่ผมรู้มา ตอนนี้นรมนกลับมาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่เคยเข้าไปที่หอบรรพบุรุษของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาและไม่เคยเข้าไปอยู่ที่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเลยสักครั้ง เพราะงั้นคุณนายทวีทรัพย์ธาดาอยากให้ผมพูดกับคุณในฐานะอะไรล่ะครับ? แต่ว่านะ การที่คุณมาขวางทางเข้าบ้าน จนผมเกือบจะชนคุณอย่างนี้ คุณยังคิดว่าผมจำเป็นต้องพูดดีๆกับคุณอีกเหรอ?"

บุริศร์พูดคำเหล่านี้ออกมาอย่างไม่ปิดบัง. ตรงกันข้ามกับสีหน้าของคุณนายทวีทรัพย์ธาดาที่เริ่มข่มอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่

เธอมองแผ่นหลังของนรมน แล้วพูดออกมาว่า "นรมน. แกจะปล่อยให้สามีแกพูดกับฉันอย่างนี้จริงๆเหรอ?"

"สามีฉันก็ไม่ได้พูดอะไรผิดนี่คะ คุณนายทวีทรัพย์ธาดา กรุณารู้ตัวด้วยค่ะ"

นรมนหันกลับมา เธอกักเก็บน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอเอาไว้

ไม่มีอะไรต้องเสียใจไม่ใช่หรือไง?

เธอเคยช่วยชีวิตคนแก่คนนี้และแม่สามีของตัวเอง แต่ทั้งสองกลับมีท่าทีต่อเธอแตกต่างกันไป

คุณนายทวีทรัพย์ธาดายอมที่จะเชื่อคนอื่น มากกว่าคำพูดของหลานตัวเอง แล้วเธอยังจะหวังอะไรได้อีก?

ยิ่งคาดหวัง ก็ยิ่งผิดหวัง ถึงตอนนั้นก็มีแต่จะทำให้ตัวเองเจ็บปวดและเสียใจ สู้พูดให้มันชัดเจนไปเลยยังจะดีกว่า ควรทำแบบไหนก็ทำแบบนั้น

หลังจากที่นรมนคิดข้อนี้ได้ รังสีที่แผ่ออกมาจากร่างกายก็เปลี่ยนไป

เมื่อธรณีตระหนักถึงจุดนี้ ทันใดนั้นก็เริ่มลนลานขึ้นมา

“นรมน ช่วงนี้คุณแม่ฉันอารมณ์ไม่คอยี อาจจะมีเลอะเลือนไปบ้าง อย่าเก็บไปใจเลยนะ”

“คุณชายธรณี ทุกคนต่างก็มีหัวจิตหัวใจกันทั้งนั้น และหัวใจของฉันก็ไม่ได้ทำมาจากเหล็กกล้า ฉันให้ความจริงใจทั้งหมดกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดา แต่ดูเหมือนตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจะไม่ต้องการ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ทำไมต้องรักษาไมตรีที่มีแค่เปลือกนอกด้วยล่ะ?”

คำพูดของนรมนยิ่งทำให้คุณนายทวีทรัพย์ธาดาไม่สบอารมณ์

“นังคนนี้แกพูดไร้สาระอะไร?”

“เปล่าค่ะ ก็แค่จะบอกว่าธรณีประตูของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอยู่สูงเกินไป คนอย่างนรมนคงข้ามเข้าไปไม่ได้หรอกค่ะ และฉันก็ไม่คิดจะข้ามเข้าไปด้วย ต่อไปนี้รบกวนอย่าดึงฉันเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทุกเรื่องของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาด้วยนะคะ ฉันไม่อยากสนใจอะไรแล้วจริงๆ”

เมื่อพูดมาถึงขั้นนี้ แน่นอนว่าคุณนายทวีทรัพย์ธาดาเข้าใจความหมายที่นรมนต้องการจะสื่อ แต่ก็เพราะว่าเข้าใจ เธอถึงได้โกรธยิ่งกว่าเดิม

“แกขังยัยตุลยาเอาไว้ ปล่อยให้อดข้าวอดน้ำทั้งวันทั้งคืน ทั้งยังโยนเธอลงทะเลจนเกือบจมน้ำตาย แกทำถึงขนาดนี้ไม่รู้สึกผิดในใจบ้างเลยเหรอ? นั่นมันชีวิตคนคนหนึ่งเลยนะ! ถ้าไม่ชอบยัยตุลยา แกก็มาบอกฉัน ฉันจะได้ให้คนพาตัวเธอออกไป จำเป็นต้องลงไม้ลงมือถึงขนาดนี้เลยเหรอ? แกเองก็เป็นแม่คน แล้วทำไมถึงได้ใจไม้ไส้ระกำทำกับน้องสาวแท้ๆได้ลงล่ะ?”

เมื่อคุณนายทวีทรัพย์ธาดาพูดประโยคนี้ออกมา นรมนก็หัวเราะในทันที

“คุณมีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ว่าสิ่งที่ตุลยากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้เป็นฝีมือของฉัน?”

เมื่อคุณนายทวีทรัพย์ธาดาเห็นว่านรมนยังคงมีท่าทีไม่สำนึกผิด ก็โกรธจนตัวสั่น “ถ้าฉันให้คนอื่นหาหลักฐานมา คิดว่าตอนนี้แกจะยังยืนอยู่ตรงนี้ จะยังมาพูดกับฉันอยู่แบบนี้ได้เหรอ?”

“ขอโทษจริงๆนะคะ ที่คุณพูดมาฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ถ้าคุณมีหลักฐานล่ะก็ เชิญคุณเอาให้ตำรวจได้เลยค่ะ ดีเหมือนกันฉันจะได้หลุดพ้นสักที เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันเลยแม้แต่ปลายขน ฉันไม่สนว่าตุลยาพูดอะไรกับคุณไปบ้าง แต่ว่าวันนี้ฉันขอพูดเอาไว้ตรงนี้เลยว่า คนอย่างตุลยาไม่มีค่าพอจะให้ฉันยอมเสียครอบครัวและลูกๆเพื่อแลกกับการทำร้ายเธอหรอก! เธอไม่คู่ควรเลยแม้แต่นิด!”

พูดจบ นรมนก็หันไปมองธรณี จากนั้นก็พูดเสียงเย็นขึ้นมาว่า “คุณชายธรณี รบกวนคุณพาแม่ของคุณออกไปจากที่นี่ทีค่ะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ฉันจะแจ้งตำรวจ”

เมื่อนรมนพูดประโยคนี้ออกมา คุณนายทวีทรัพย์ธาดาก็โกรธจนยกไม้เท้าขึ้นมา แต่กลับถูกบุริศร์จับเอาไว้ก่อน

“คุณนายครับ ที่นี่คือบ้านของผม ถ้าคิดจะทำร้ายภรรยาผมต่อหน้าผม คิดให้มันดีๆก่อนนะครับ แม้ว่าตอนนี้ผมจะไม่ได้เป็นประธานบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัด แต่ถึงยังไงผมก็เป็นคุณชายตระกูลโตเล็ก ถ้าคุณคิดจะทำอะไรลูกสะใภ้ตระกูลโตเล็ก ก็ลองดูสิครับ”

บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนขึงขังอย่างไม่มีใครยอมใคร และพร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ

ธรณีรีบเข้าไปไกล่เกลี่ยสถานการณ์

“แม่ครับ ผมก็เชื่อว่าเรื่องนี้นรมนไม่ได้ทำ เธอไม่จำเป็นต้องแก่งแย่งอะไรเลยด้วยซ้ำ แม่อย่าเอาแต่ฟังความข้างเดียวจากตุลยาสิ ลักพาตัวกับฆ่าคนมันมีโทษหนักมากเลยนะ นรมนไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นแน่ๆ”

นรมนไม่ได้เปลี่ยนท่าทีเมื่อธรณีพูดเข้าข้างตัวเอง ตรงกันข้าม เธอกลับรู้สึกเหนื่อยมาก

เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ!

“บุริศร์ ฉันเริ่มเหนื่อยแล้ว”

นรมนพูดเสียงเบา ท่าทางเหนื่อยล้าของเธอไม่ได้ดูเสแสร้งเลยสักนิด

วันนี้ควรจะเป็นวันที่มีความสุข แต่คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายจะถูกคนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาทำลายวันดีๆแบบนี้ลง

คิ้วของบุริศร์ขมวดเล็กน้อย จากนั้นก็พูดกับธรณีว่า “ถ้าไม่อยากให้ตระกูลของพวกคุณเสียคนไป ทางที่ดีคุณควรรีบพาคุณนายออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ถ้าพวกคุณอยากเชื่อที่ตุลยาพูด มันก็เรื่องของพวกคุณ แต่ถ้าเรื่องที่คุณนายพูดมาวันนี้คือเรื่องจริง พรุ่งนี้ผมก็จะฟ้องตุลยา โทษฐานที่เธอใส่ร้ายและทำลายชื่อเสียงของคุณนายบุริศร์ ในเมื่อพวกคุณเอาแต่พูดว่านรมนเป็นคนทำเรื่องแบบนั้น งั้นก็เอาหลักฐานมาสู้กันสิ”

พูดจบ เขาก็เดินโอบไหล่นรมนขึ้นรถไป ไม่หันมามองคุณนายทวีทรัพย์ธาดาเลยสักนิด จากนั้นก็ขับรถผ่านสองแม่ลูกไปทันที

คุณนายทวีทรัพย์ธาดาโกรธจนตัวสั่น ในตอนที่กำลังจะพูดอะไรออกมาก็ได้ยินธรณีพูดออกมาเสียก่อนว่า “แม่ แม่ลองนึกดูว่าพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้เป็นคนยังไง? ลูกสาวของพวกเขาจะเป็นอย่างที่แม่พูดมาได้จริงๆเหรอ?”

“ยัยนรมนไม่ได้เติบโตมาจากการเลี้ยงดูของคิมนี่ บางทีอาจจะเป็นเพราะตระกูลธนาศักดิ์ธน.......”

“ตระกูลธนาศักดิ์ธนเป็นที่กล่าวขานในเมืองชลธี ยิ่งเป็นครอบครัวศิลปิน ยิ่งไม่มีทางเลี้ยงดูเลี้ยงลูกหลานให้ทำเรื่องอย่างที่แม่ว่ามาหรอก แม่ไม่สืบหาสาเหตุอะไรเลย ยึดเอาแต่คำพูดไม่กี่คำของตุลยามาตัดสินว่านรมนเป็นคนทำ ผมก็อยากถามแม่เหมือนกัน ว่าตกลงแล้วนรมนหรือตุลยากันแน่ที่เป็นหลานแท้ๆของแม่? นี่แม่แก่จนเลอะเลือนแล้วจริงๆ หรือเป็นเพราะแม่ไม่อยากให้นรมนเข้ามาในตระกูลกันแน่?”

เมื่อธรณีพูดประโยคนี้ออกมา คุณนายทวีทรัพย์ธาดาก็นิ่งไป

“ก็ในเมื่อเธอคือสายเลือดของตระกูลเรา แล้วทำไมไม่เข้าตระกูลเราล่ะ?”

“แล้วมีโอกาสไหมล่ะ? แม่เอาแต่ผลักไสเธอออกไป ครั้งก่อนตอนที่นรมนกำลังจะกลับเข้าสู่ตระกูล แม่ก็บีบบังคับให้เธอยอมตกลงพาตุลยาเข้าตระกูลมาเป็นหลานบุญธรรมด้วย แม่คิดว่านรมนจำเป็นต้องให้คนในตระกูลทวีทรัพย์ธาดายืนยันตัวตนของเธอจริงๆเหรอ? ผมสามารถยืนยันตัวตนของนรมนได้ บุริศร์เองก็ด้วย เธอไม่ได้ต้องการตระกูลเราเลยสักนิด แต่ว่านรมนก็ให้บทเรียนเราหลายอย่าง แล้วแม่ทำอะไร? แม่ผลักไสหลานสาวแท้ๆออกจากตระกูล และเอาแต่เฝ้าทะนุถนอมคนนอกราวกับเป็นของรักของหวง วันนี้ก็ยังจะมาตั้งข้อสงสัยกับนรมนเพียงเพราะคนนอกที่ไม่ใช่หลานตัวเอง แม่ครับ ทุกคนมีหัวจิตหัวใจ! นรมนไม่ได้เติบโตมากับเราตั้งแต่เด็กๆ ความรู้สึกที่เธอมีต่อพวกเราจึงไม่ได้ลึกซึ้งมากพอ แม่คิดว่าแม่จะทำตามอำเภอใจได้อีกกี่ครั้ง?”

ธรณีคิดว่าแม่ของตัวเองโดนตุลยาล้างสมองให้แล้วจริงๆ

พอตุลยากลับมาจากข้างนอก ก็บอกว่าตัวเองถูกนรมนลักพาตัว จนถึงขั้นโยนลงทะเล เรื่องทุกอย่างที่พูดมาไม่มีหลักฐานเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือคิมก็ไม่เชื่อทั้งนั้น มีแต่คุณนายทวีทรัพย์ธาดาที่หลงเชื่ออยู่คนเดียว

ในสายตาของเธอ คงเห็นนรมนเป็นคนจิตใจคับแคบมากสินะ

ความคิดนี้ทำให้ธรณีหมดคำจะพูด ยิ่งไปกว่านั้นคือรับไม่ได้

เมื่อครู่นรมนไม่เรียกเขาว่าอาเลย แต่กลับเรียกเขาว่าคุณชายธรณี คำเรียกที่หมางเมินและห่างเหินแบบนี้ คุณนายฟังไม่ออกเลยจริงๆเหรอ?

ยังจะคิดอะไรซื่อๆว่านรมนยอมถอยเพราะเห็นว่าเป็นสายเลือดเดียวกันจริงๆเหรอ?

ถูกธรณีถามแบบนี้คุณนายทวีทรัพย์ธาดาก็พูดไม่ออก ราวกับว่าเพิ่งตระหนักได้ว่าเธอเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นหลัก

“ต่อให้ฉันจะเอาแต่ความคิดตัวเอง แต่ถึงยังไงฉันก็เป็นย่าของเธอ เธอทำอย่างนั้นกับฉันได้ยังไง? เธอบอกฉันว่าไม่ได้ทำก็ได้หนิ”

“แล้วนรมนไม่ได้พูดเหรอ? แล้วแม่ล่ะเชื่อหรือเปล่า?”

ธรณีเริ่มหมดคำจะพูด

ไม่รู้ว่าแม่ของเขาแก่แล้วจริงๆ หรือว่าเพราะอะไร ช่วงนี้คิดจะทำหรือพูดอะไรจึงดูงุนงงไปหมด

เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ถึงธรณีอยากจะกอบกู้ทุกอย่างคืนมา แต่ก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

เมื่อนรมนและบุริศร์กลับมาถึงบ้าน ก็อุ้มเด็กๆเข้าไปยังห้องนอน

บุริศร์รู้ว่านรมนไม่สบายใจ จึงพูดเสียงเบาว่า “หยุดคิดได้แล้ว ไปอาบน้ำเถอะ จากนั้นก็นอนพักซะ พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมายังมีวันดีๆรออยู่”

“อืม”

นรมนพยักหน้า แต่จู่ๆก็ถามขึ้นมาว่า “วีซ่าของฉันเมื่อไหร่จะได้? ฉันอยากไปแล้ว”

อยู่ที่นี่ เธออึดอัดมากๆ เดิมทีก็คิดว่าตระกูลทวีทรัพย์ธาดาคือกำพืดของเธอ เธอเลยทำใจไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่พอดูจากตอนนี้ ดูเหมือนเธอจะเข้าข้างตัวเองมากเกินไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย