แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 375

บทที่ 375 คู่กันทุกภพทุกชาติ

“หม่ามี๊ สุขสันต์วันเกิด!”

กานต์สวมใส่ชุดสุภาพสีขาว ส่วนกมลสวมใส่ชุดเจ้าหญิงสีขาวเช่นกัน ทั้งสองเดินออกมาจากทางซ้ายและทางขวา

ในมือของพวกเขาถือดอกไม้สด เด็กทั้งสองอยู่ในห้องโถงที่จัดตกแต่งสวยงามราวกับอยู่ในเทพนิยายพร้อมกับมองมาที่นรมนยิ้มๆ

ตอนนี้นรมนถึงเพิ่งจะได้รู้ตัวว่าวันนี้คือวันเกิดของตัวเอง

บุริศร์เดินออกมาจากอีกห้อง เขาสวมใส่เสื้อสูทตัวยาวสีดำ มองมาที่นรมนด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า “คุณภรรยา สุขสันต์วันเกิดนะครับ!”

ดวงตาของนรมนรื้นไปด้วยน้ำตา

“ขอบคุณทุกคน ขอบคุณนะ!”

เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนมาใส่ใจวันเกิดของเธอแบบนี้

เมื่อก่อนตอนวันเกิด มีแค่พ่อกับแม่เท่านั้นที่จำได้ ตอนเช้าทั้งสองจะต้มหมี่ซั่วให้เธอทาน ถ้าเธออยากจัดงานวันเกิด ก็จะจัดงานวันเกิดให้เธอ แต่พออายุมากขึ้น เธอก็ไม่ชอบความวุ่นวายอะไรแบบนั้นแล้ว

แต่หลังจากที่แต่งเข้าตระกูลโตเล็ก เธอก็ไม่เคยได้ฉลองวันเกิดสักครั้งเลย เพราะว่าบุริศร์จำวันเกิดของเธอไม่ได้

พอนานๆเข้า เธอก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองต้องฉลองวันเกิดตอนไหน

ตอนนี้จู่ๆก็ได้รับความสำคัญ นรมนจึงบรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย

บุริศร์เดินขึ้นบันไดไปจูงมือเธอลงมาช้าๆ พร้อมกับพูดเสียงอ่อนโยนว่า “เมื่อก่อนผมมันไม่ดีเอง เอาแต่ลืมวันเกิดของคุณอยู่ตลอด ปล่อยให้คุณต้องเจ็บปวดเพราะต้องอยู่กับผมมาตั้งหลายปี ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ในวันเกิดทุกๆปีผมจะฉลองไปพร้อมกับคุณ ถึงแม้ผมจะแก่จนหัวหงอก ผมก็ยังจะตื่นขึ้นมาทำหมี่ซั่วให้คุณกิน และอวยพรวันเกิดให้คุณด้วย ดีไหม?”

“ดี!”

นรมนไม่ใช่คนขี้แง แต่ตอนนี้เธอกลับอยากร้องไห้ออกมา

เธอรู้สึกว่าความสุขมันมาแบบกะทันหันมากเกินไป จนเธอตั้งตัวรับไม่ทัน

จริงๆแล้วผู้หญิงไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย เพียงแค่ได้รับการใส่ใจจากคนรัก ต่อให้จะเป็นคำพูดแค่ประโยคเดียว ก็สามารถทำให้เธอตื้นตันไปได้ตลอดทั้งวัน

เมื่อกานต์และกมลเห็นท่าทางแบบนี้ของนรมน ก็รีบเข้าไปหาแล้วพูดว่า “หม่ามี๊ พวกเราก็จะร่วมฉลองวันเกิดกับหม่ามี๊เหมือนกันนะ!”

“โอเคๆ!”

เมื่อนรมนเห็นลูกทั้งสองคน ก็มีความสุขเป็นอย่างมาก

“ไปกัน ไปกินหมี่ซั่วกันก่อน วันนี้ผมเตรียมรายการตั้งหลายอย่างไว้เพื่อคุณเลยนะ”

นรมนคาดหวังกับคำพูดของบุริศร์

เมื่อสี่คนพ่อแม่ลูกมาถึงห้องรับประทานอาหาร พ่อนรมนกับแม่นรมนก็พูดยิ้มๆขึ้นมาว่า “สุขสันต์วันเกิดนะ ลูกสาวสุดที่รักของพ่อแม่!”

“ขอบคุณค่ะพ่อแม่!”

นรมนรู้สึกราวกับว่าในวินาทีนี้ตัวเองได้ครอบครองโลกทั้งใบเอาไว้

หลังจากคนในครอบครัวรับประทานข้าวเช้าร่วมกันอย่างสุขสันต์เสร็จ บุริศร์ก็เตรียมพานรมนและลูกๆออกไปข้างนอก

คุณพ่อและคุณแม่นรมนอยากให้เวลาส่วนตัวกับพวกเขา จึงไม่ได้ตามออกไปด้วย

นรมนไม่รู้ว่าบุริศร์จะพาเธอไปที่ไหน ในใจจึงเต็มไปด้วยความคาดหวัง

“ใบ้หน่อยได้ไหม ว่าพวกเรากำลังจะไปไหนกัน?”

“บอกไม่ได้”

คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนหัวเราะออกมา

จนกระทั่งรถขับมาถึงทางเข้าโบสถ์

เมื่อนรมนเห็นโบสถ์สีขาวบริสุทธิ์ ก็นิ่งอึ้งไปในทันที

“มาที่นี่ทำไม?”

“ยังจำที่นี่ได้ไหม? แปดปีก่อน เราแต่งงานกันที่นี่ไง!”

บุริศร์จูงมือนรมนลงจากรถ ส่วนกมลกับกานต์ก็เดินขนาบข้างทางซ้ายและทางขวาของพวกเขาเหมือนเป็นกุลบุตรและกุลธิดา

นรมนตื้นตันใจเป็นอย่างมาก

เวลาแปดปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนแรกคิดว่าทั้งชีวิตนี้คงไม่ได้มาเหยียบสถานที่แห่งนี้อีกแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าในที่สุดวันนี้เธอก็ได้กลับมาอีกครั้ง

เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าทุกสิ่งยังเหมือนเดิมแต่ผู้คนกลับเปลี่ยนไป

เมื่อเดินตามบุริศร์เข้าไปในโบสถ์ นรมนก็คิดไม่ถึงเลยว่าข้างในนั้นจะมีคนอยู่ด้วย มีทั้งคนที่เธอรู้จักและคนที่เธอไม่รู้จักเต็มไปหมดจนข้างในโบสถ์เนืองแน่นไปด้วยผู้คน

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกประหม่า เตรียมจะก้าวเดินถอยหลัง แต่ถูกบุริศร์จับมือเอาไว้เสียก่อน

“อย่ากลัว ผมอยู่นี่”

“ทำไมคนเยอะขนาดนี้?”

นรมนรู้สึกว่าทุกคนต่างก็มองมาที่เธอ ทันทีที่พวกเขาเดินเข้ามา ทุกคนก็พากันยืนขึ้น พร้อมกับปรบมือให้พวกเขา สีหน้าท่าทางที่เหมือนกำลังแสดงความยินดี ก็ยิ่งทำให้นรมนประหม่ากว่าเดิม

ฝ่ามือของเธอมีเหงื่อซึมออกมา

บุริศร์สัมผัสได้ถึงความประหม่าของเธอ จึงต้องกุมมือเธอให้แน่นขึ้น “ไม่ต้องลน คุณคือคุณนายบุริศร์ อย่างกับคุณไม่เคยบุกน้ำลุยไฟมาก่อนอย่างนั้นแหละ คนแค่นี้ก็กลัวเหรอแล้ว?

“กลัวสิ!”

นรมนพูดออกมาอย่างขลาดกลัว จนบุริศร์ขำออกมาเบาๆ

“คุณก็คิดซะว่าพวกเขาเป็นธาตุอากาศก็ได้”

“แต่พวกเขาไม่ใช่นี่นา”

นรมนกับบุริศร์เดินมาถึงเวทีหลักท่ามกลางเสียงซุบซิบตลอดทาง

เสียงปรบมือดังสนั่นทำให้นรมนรู้สึกขาอ่อนแรง

เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร บุริศร์ก็คุกเข่าให้เธอต่อหน้าทุกคน

“นรมนที่รัก ผมต้องการแต่งคุณเป็นภรรยา ให้ฟ้าดินเป็นพยาน และวันเวลาเป็นหลักฐาน ว่าผมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคุณไปตลอดชีวิต ไม่ทราบว่าคุณจะให้โอกาสผมได้หรือไม่?”

บุริศร์พูดจบ ก็หยิบเครื่องประดับชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า เป็นเครื่องประดับที่กำหนดให้พวกเขาครองคู่กันทุกภพทุกชาติไป

นรมนทั้งตกใจและประทับใจ

“แต่งเลย! แต่งเลย!”

ผู้คนด้านล่างเวทีทยอยส่งเสียงเชียร์

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นรมนถูกขอแต่งงานแบบนี้

การแต่งงานกับบุริศร์ในครั้งนั้น เป็นการคลุมถุงชน จึงไม่มีการขอแต่งงานอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่จัดพิธีแต่งงานขึ้นมาอย่างเร่งรีบเท่านั้น

ตอนนี้จู่ๆก็ถูกบุริศร์ขอแต่งงาน เมื่อเห็นแววตาจริงใจของเขา ดวงตาของนรมนก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา

“คุณลุกขึ้นมาเถอะ เป็นสามีภรรยากันอยู่แล้ว จะทำแบบนี้ทำไมเนี่ย?”

เสียงของนรมนไม่ได้ดังนัก จึงมีแค่พวกเขาสองคนที่ได้ยิน

บุริศร์พูดเสียงเบาขึ้นมาว่า “เมื่อก่อนผมติดค้างคุณนี่ ผมก็ต้องชดใช้ให้คุณสิ ผู้หญิงคนอื่นๆต่างก็มีความสุขกับช่วงเวลาแบบนั้น ผมก็อยากให้คุณมีความสุขแบบนั้นเหมือนกัน ผมจะไม่ทำให้คุณต้องรู้สึกเสียดายอะไรในชีวิตนี้ มีคนบอกผมว่า วันที่ยากจะลืมเลือนที่สุดในชีวิตของผู้หญิงก็คือวันแต่งงาน แปดปีก่อน ผมไม่ได้สร้างความทรงจำที่สวยงามให้คุณ วันนี้ผ่านมาแล้วแปดปี ผมอยากขอโอกาสใหม่อีกครั้ง ที่รัก แต่งงานกับผมเถอะ ผมขอปฏิญาณตนต่อหน้าทุกคนในเมืองชลธี ว่าตลอดชีวิตนี้ผมจะรักคุณจนแก่เฒ่า ไม่ทอดทิ้งคุณไปไหน”

เมื่อบุริศร์พูดประโยคนี้จบ ภายในโบสถ์ก็มีเสียงเพลงบรรเลงขึ้นมา

ทันใดนั้นหน้าจอที่อยู่เบื้องหลังนรมนก็ปรากฏเรื่องราวของบุริศร์และนรมนตลอดหลายปีที่ผ่านมา

กานต์เป็นคนกดรีโมทที่ถืออยู่ในมือ จากนั้นก็พูดกลั้วยิ้มออกมาว่า “เรื่องราวที่ผ่านมาตลอดหลายปีของแด๊ดดี้กับหม่ามี๊ ผมเอามาทำเป็นอัลบั้มรูป เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้หม่ามี๊ ขอให้แด๊ดดี้กับหม่ามี้รักใคร่กลมเกลียว แล้วก็สุขสันต์วันเกิดหม่ามี๊ด้วย! ขอให้ทุกวันมีความสุขเหมือนอย่างวันนี้นะครับ”

“แล้วก็หนูๆ หนูก็ช่วยด้วยนะ”

กมลตะโกนขึ้นมาอย่างไม่ยอมน้อยหน้า

นรมนมองภาพบนหน้าจอ ฟังเสียงเพลงที่อบอุ่นหัวใจ และเมื่อมองสามีและลูกๆที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาเต็มใบหน้า

“อืม ฉันตกลง!”

เธอรู้สึกว่าในที่สุดพระเจ้าก็เข้าข้างเธอ ในที่สุดพระเจ้าก็มอบความสุขที่เธอต้องการที่สุดให้กับเธอ

ทุกคนปรบมือกันอีกครั้ง

บุริศร์สวมเครื่องประดับชิ้นนั้นให้นรมนต่อหน้าทุกคน จากนั้นก็พูดเสียงอ่อนโยนว่า “คู่กันทุกภพทุกชาติ ไม่มีวันแยกจากกัน”

“ไม่มีวันแยกจากกัน”

นรมนกอดบุริศร์ด้วยความตื้นตันใจ

นี่เป็นวันเกิดที่มีความหมายที่สุดสำหรับเธอ

“ในฐานะแม่สามี ฉันเองก็มีของมาให้เธอเหมือนกัน”

เสียงของคุณนายตระกูลโตเล็กทำให้นรมนนิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นถึงได้พบว่าคนที่อยู่ในพิธีไม่ได้มีแค่คุณนายตระกูลโตเล็ก แต่ยังมีคุณพ่อและคุณแม่ของเธอด้วย

ที่แท้ทุกคนต่างก็เตรียมพร้อมเพื่อวันเกิดของเธอมาตั้งนานแล้ว

ความรู้สึกถูกรักและเอาใจใส่เป็นอะไรที่ดีมากๆ

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณแม่ ไม่เป็นไรจริงๆ”

นรมนรู้สึกว่าคุณนายตระกูลโตเล็กดีกับเธอมามากพอแล้ว

คุณนายตระกูลโตเล็กกลับยิ้มแล้วพูดว่า “ต้องให้สิ เธอคือลูกสะใภ้ของตระกูลโตเล็กนะ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉันขอบอกกับทุกคนในเมืองชลธีเอาไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าใครคิดจะมารังแกเธอ ก็เท่ากับรังแกคนของตระกูลโตเล็ก และตระกูลของเราจะไม่มีทางปล่อยคนคนนั้นไปแน่”

เธอพูดพร้อมกับยื่นกุญแจให้นรมน

นี่คือกุญแจเรือนหอของเธอกับบุริศร์ ฉันรู้ว่าพวกเธอคงมีที่อยู่กันแล้ว แต่ถือซะว่านี่เป็นน้ำใจจากแม่สามีอย่างฉันแล้วกันนะ การตกแต่งภายในเรือนหอเป็นไปตามที่เธอชอบ คราวหลังเธอก็ให้บุริศร์พาไปดูสิ”

ของขวัญชิ้นนี้ของคุณนายตระกูลโตเล็กค่อนข้างใหญ่เกินไป จนนรมนไม่กล้ารับเอาไว้

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณแม่ จริงๆนะคะ พวกเราไม่ต้องการจริงๆ”

“เอาไปเถอะ นี่คือของขวัญแต่งงานของเธอ และก็เป็นของขวัญวันเกิดเธอด้วย ไม่ว่าคุณอื่นจะมองเธอยังไง หรือคิดกับเธอยังไง ต่อไปนี้ตระกูลโตเล็กจะเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังและเป็นบ้านให้เธอเอง ใครไม่เหลียวแลเธอ ก็ยังมีตระกูลโตเล็กที่เหลียวแลเธอ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอไม่ใช่แค่ลูกสะใภ้ของฉัน แต่เธอยังเป็นลูกสาวของฉันด้วย! ถ้าบุริศร์แกล้งเธอ ก็บอกฉันได้ ฉันจะจัดการให้”

เมื่อได้ยินคุณนายตระกูลโตเล็กพูดมาอย่างนี้ นรมนก็รู้สึกอิ่มเอมเป็นอย่างมาก

“เขาไม่ได้แกล้งฉันหรอกค่ะ เป็นฉันมากกว่าที่แกล้งเขา”

คำพูดของนรมนทำให้ทุกคนต่างหัวเราะออกมา

จากนั้นทุกคนก็ทยอยส่งคำอวยพรมาให้ไม่ขาดสาย

นรมนรู้สึกราวกับกำลังฝันไป

บุริศร์ดึงมือของเธอ แล้วพูดว่า “เราหนีกันเถอะ”

“ห๊ะ?”

นรมนงุนงง ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของบุริศร์

บุริศร์จึงพูดขึ้นมาว่า “ที่นี่มีแต่เศรษฐีใหม่ ทั้งยังเป็นคู่ค้าทางธุรกิจของตระกูลโตเล็กด้วย พวกเขาต้องทยอยมาอวยพรเราไม่หยุดแน่ แม่ผมบอกว่าอีกสักพักจะจัดงานเลี้ยงที่โรงแรมห้าดาว ถึงตอนนั้นผมว่าคงถูกพวกเขามอมเหล้าจนขาดสติแน่ๆ ผมว่าเราแอบออกไปดีกว่าสังสรรค์อยู่ที่นี่อีกนะ ไปฉลองวันเกิดของเราไง”

เมื่อได้ยินบุริศร์พูดมาแบบนี้ นรมนก็ปวดหัวขึ้นมานิดหน่อย

แม้จะมีความสุขมาก แต่ถ้าถูกคนรอบข้างมอมเหล้าล่ะก็ แบบนั้นไม่เอาดีกว่า

“แต่ถ้าพวกเราไป เด็กๆจะทำยังไงล่ะ? บอกกานต์ไว้หน่อยดีไหม?”

“คุณคิดว่าถ้าบอกไป แล้วเราจะได้ออกไปเหรอ? ไม่ต้องคิดมากแล้ว ลูกๆยังมีแม่ผมกับพ่อแม่คุณคอยดูแลอยู่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก เราแอบหนีออกไปกันเถอะ ไปสร้างโลกอยู่ด้วยกันแค่สองคนนะ”

บุริศร์เร่งเร้านรมน

ทันใดนั้นนรมนก็รู้สึกว่าวิธีนี้ไม่เลวเลย

เมื่อเห็นว่ายังคงมีคนหลั่งไหลมาอวยพรไม่หยุด เธอก็จับมือกับบุริศร์แน่น พร้อมกลับรู้สึกตื่นเต้น

“เราจะไปยังไง?”

“ตามผมมา”

บุริศร์พูดจบ ก็ดึงนรมนเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว

ชั่ววินาที ทุกคนต่างก็นิ่งอึ้ง

“บุริศร์ นรมน พวกแกจะไปไหนกันน่ะ?”

คุณนายตระกูลโตเล็กรู้สึกงงๆ จึงถามออกไป

บุริศร์ยิ้มและหันไปพูดกับแม่ของตัวเองว่า “รบกวนแม่จัดการที่เหลือให้ด้วย ผมกับนรมนขอออกไปสูดอากาศหน่อย”

“ไอ้ลูกคนนี้!”

คุณนายตระกูลโตเล็กเข้าใจทุกอย่างในทันที ทว่าตอนที่กำลังจะตามบุริศร์ไป พวกเขาก็วิ่งหนีออกจากโบสถ์ไปเสียแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย