บทที่ 377 ต้องมีความสุขนะ
“เข้ามาสิคะ!”
นรมนพูดเสียงเรียบนิ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอให้คนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเข้ามาในบ้าน
คิมประหลาดใจที่ได้รับการต้อนรับ
เมื่อบุริศร์เห็นแบบนี้ ก็ไม่ได้ห้ามอะไรนรมน รีบเปิดประตูให้คิมเข้าไปข้างใน
คุณพ่อกับคุณแม่นรมนอาจจะพาเด็กๆกลับคฤหาสน์ตระกุลโตเล็ก คมทิพย์กับพฤกษ์เองก็ออกไปข้างนอก จึงไม่มีใครอยู่ ภายในบ้านหลังใหญ่จึงมีแค่พวกเขาสามคน
“กินอะไรหรือยัง? ให้ฉันไปทำบะหมี่มาให้ไหม?”
นรมนเอ่ยพูดเสียงเบา
“เดี๋ยวผมไปเอง”
บุริศร์รู้ว่าคิมต้องมีเรื่องอยากพูดกับนรมนแน่ๆ เขาเลยถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วเดินเข้าห้องครัวไป
เมื่อคิมเห็นบุริศร์ดีกับนรมนขนาดนี้ ก็พูดเสียงเบาขึ้นมาว่า “ได้สามีแบบนี้ แกโชคดีมากเลยนะ”
“ค่ะ เขาดีกับฉันมาก แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะ”
เมื่อนรมนพูดถึงบุริศร์ แววตาก็เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก
“เมื่อวานฉันได้ดูไลฟ์แล้วนะ การที่เขาขอแกแต่งงานต่อหน้าทุกคนในเมืองชลธี และการที่ตระกูลโตเล็กเชิดหน้าชูตาแกขนาดนั้น ฉันรู้สึกปลื้มใจมากเลย”
คำพูดของคิมทำให้นรมนได้เข้าใจ ว่าเมื่อวานตัวเองได้กลายเป็นคนดังแห่งเมืองชลธีไปแล้ว
“บุริศร์ทำเอาฉันเองก็ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน ไม่มีการเตรียมพร้อมอะไรเลย”
“เขาคงชอบแกจริงๆ มีคนรักแกถึงขนาดนี้ ฉันก็สบายใจแล้ว”
คิมหยิบกุญแจออกมาแล้วยื่นไปให้นรมน
“ฉันไม่มีอะไรให้แกมากมาย นี่เป็นกุญแจสตูดิโอวาดภาพของฉัน ฉันรู้ว่าแกชอบวาดรูป ฉันยกให้”
“ขอบคุณค่ะ”
นรมนรับกุญแจมา
แม้ว่าจะเป็นแม่ลูกกัน แต่ว่าหลายปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย ความรู้สึกจึงยังคงบางเบาอยู่มาก
ตอนนี้พอได้นั่งคุยกันอย่างสบายใจ นรมนก็รู้สึกดีมากๆ
“ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา....”
“วันนี้จะไม่พูดถึงเรื่องนี้”
คิมพูดตัดบทนรมนทันที จึงทำให้นรมนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เธอกลัวเหลือเกินว่าคิมจะมาพูดเกลี้ยกล่อมแทนตระกูลทวีทรัยพ์ธาดา ถ้าเป็นอย่างนั้นอารมณ์ของเธอคงไม่เป็นเหมือนอย่างตอนนี้แน่ๆ
“ขอบคุณค่ะ”
“นรมน การที่ฉันไม่ได้อยู่เคียงข้างคอยดูแลแก และไม่ได้เห็นแกเติบโตด้วยตาของตัวเอง เป็นเรื่องน่าเสียดายที่สุดในชีวิตนี้สำหรับฉันแล้ว แต่ทั้งหมดนี้มันก็เป็นเพราะฉันทำตัวเองทั้งนั้น โทษใครไม่ได้หรอก ถ้าแกจะไม่ให้อภัย และไม่เรียกฉันว่าแม่ ฉันก็จะไม่โทษแกเลยสักนิด หรือแม้แต่การที่แกไม่อยากกลับตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ฉันก็จะไม่บังคับแก ฉันได้ยินมาว่าบุริศร์กำลังช่วยแกทำบัตรประชาชนแล้วก็หนังสือเดินทาง พวกแกอยากไปที่ไหนก็เต็มที่เลย เวลาแห่งความสุขในชีวิตของคนเรามีไม่มาก ขอแค่ตัวเราใช้ชีวิตให้ดีก็พอแล้ว ไม่ต้องไปสนว่าคนอื่นจะว่ายังไง เข้าใจไหม?”
คำพูดของคิมทำให้นรมนค่อนข้างเหนือความคาดหมาย แต่สุดท้ายเธอก็พยักหน้ากลับไป
“หลังจากกินข้าวเสร็จ แกอยากไปเคารพสุสานของพ่อแกไหม?”
แววตาของคิมทอประกายแห่งความหวัง ทว่ากลับพูดออกมาว่า “แต่ถ้าแกก็ไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรนะ ฉันไม่บังคับแกหรอก”
“ไปสิคะ!”
นรมนเองรู้ตัวว่าควรไปเคารพสุสานของชินทรบ้าง แต่ก็เพราะเรื่องของคุณนายทวีทรัพย์ธาดาเธอถึงวางทิฐิไม่ลงสักที
เมื่อนรมนตอบตกลง คิมก็ดีใจเป็นอย่างมาก
จากนั้นทั้งสองคนก็พูดถึงเรื่องวาดภาพ
เห็นได้ชัดว่าคิมมีความรู้ในด้านนี้มากกว่านรมนมาก
ถ้าทิ้งเรื่องพ่อแม่แท้ๆและเรื่องของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไป จริงๆแล้วนรมนก็อยากอยู่กับคิมเหมือนกัน
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ตอนที่บุริศร์โผล่มา ภาพที่เห็นก็คือพวกเธอพูดคุยกันอย่างลื่นไหลราวกับเป็นเพื่อนกัน
“เอาล่ะ จิตรกรทั้งสอง ได้เวลาทานอาหารแล้ว”
บุริศร์วางบะหมี่ที่ทำเสร็จลงตรงหน้าคิม
“คุณอยากกินไหม?”
เขาหันไปมองนรมน
นรมนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ล่ะ ฉันอิ่มแล้ว แต่ว่าฉันดูเธอกินได้”
คิมยิ้มออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากกินเข้าไปคำหนึ่งก็ชมไม่ขาดปาก
“ฝีมือใช้ได้นี่ แบบนี้ในอนาคตลูกสาวของฉันไม่อดตายแน่ๆ”
“ผมไม่เคยคิดจะปล่อยให้เธออดตายอยู่แล้ว”
บุริศร์มองมาที่นรมน ทั้งสองคนสบตาพร้อมกับยิ้มให้กัน
“อีกสักพักฉันว่าจะไปเคารพสุสานพ่อฉันกับหัวหน้าคิมนะ”
“เดี๋ยวผมขับรถไปส่ง”
“ได้สิ”
เมื่อนรมนเห็นว่าบุริศร์ไม่คัดค้าน เธอถึงได้สบายใจ
ภาพทุกอย่างตรงหน้าอยู่ในสายตาของคิม ในแววตาของเธอแอบซ่อนรอยยิ้มเอาไว้
เธอทานอาหารอย่างมีมารยาทแบบผู้ดี คงเป็นเพราะตอนเด็กๆได้รับการอบรมสั่งสอนจากที่บ้านมาอย่างดี เธอจึงกินบะหมี่อย่างไม่รีบไม่ร้อน แต่กลับไม่ได้ทำให้คนรออึดอัดอะไรเลยสักนิด
มีบางครั้งที่นรมนแอบจินตนาการขึ้นมาว่า ถ้าคิมอยู่ในยุคสมัยโบราณ เธอคงเป็นบุตรสาวของตระกูลใหญ่แน่ๆ
คิมรู้สึกได้ถึงสายตาของนรมนที่มองมา แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างไร ตรงกันข้ามท่าทีของเธอกลับยังคงสง่างาม
จู่ๆนรมนก็รู้สึกว่า เป็นความโชคดีของเธอมากๆที่มีแม่อย่างนี้ ถึงยังไง คิมก็อุ้มท้องเธอมาตั้งหลายเดือน
นรมนอยากเรียกเธอว่าแม่สักครั้ง แต่กลับพูดไม่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...