บทที่ 381 จะไปเทียบกับปีศาจจิ้งจอกพันปีอย่างคุณได้อย่างไร
“แม่ แม่ฟื้นแล้วเหรอคะ หนูจะไปตามหมอมา”
นรมนรู้สึกตื่นเต้นมาก
บุริศร์กล่าว “คุณอยู่นี่เถอะ เดี๋ยวผมไปตามเอง”
พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปทันที
ตอนที่เห็นนรมน คิมก็รู้ตัวแล้วว่าตนเองยังไม่ตาย พอได้พบกับลูกสาวอีกครั้ง เธอก็รู้สึกว่าเหมือนช่วงเวลายาวนานคล้ายดั่งผ่านไปอีกชาติหนึ่ง
“นรมน...”
“แม่คะ! ”
นรมนจับมือเธอไว้ ความตื่นเต้นและความเจ็บปวดสายหนึ่งฉายชัดผ่านทางแววตา
“ทำไมแม่ถึงโง่แบบนี้คะ ทำเรื่องแบบนั้นออกมาได้ยังไงกัน ตุลยาตายไปก็ไม่เป็นไรหรอก แต่แม่ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน”
“ขอโทษนะจ๊ะ แม่ขอโทษลูกด้วยนะ แต่ตุลยาก็เป็นลูกสาวของแม่ แม่เป็นคนดึงเธอเข้ามาอยู่ในโลกนี้ และเป็นคนที่ทำให้เธอเป็นอย่างทุกวันนี้ ทั้งยังไม่อยากที่จะทำร้ายลูกต่อไปอีก แม่ไม่อาจทนมองเธอทำร้ายลูกได้ แม่จึงทำได้แค่ต้องพาเธอออกไปให้ไกลจากโลกใบนี้ จากนั้นก็ไปรับผิดกับพ่อของลูก แบบนี้ลูกจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนไปด้วยแล้ว”
คิมกล่าวอย่างอ่อนแรง ทำนบน้ำตาไหลทะลักออกมา
เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมากคนหนึ่ง แต่เพื่อนรมนแล้วกลับต้องมามีสภาพที่เจ็บปวดเช่นนี้
นรมนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “แม่คิดว่าถ้าพาตุลยาไปแล้วก็จะไม่มีใครบนโลกที่สามารถทำร้ายหนูได้อีกอย่างนั้นเหรอคะ บนโลกใบนี้เต็มไปด้วยความอันตรายและความยากลำบาก แม่สามารถพาทั้งหมดนั่นตามได้ไปด้วยได้อย่างนั้นเหรอคะ ทำไมบางครั้งแม่ถึงคิดเรื่องเลวร้ายพวกนี้ขึ้นมาได้กันนะ หนูไม่กลัวอะไรเลย หนูกลัวแค่จะเกิดเรื่องขึ้นกับคนที่หนูรักก็เท่านั้น แล้วหนูจะต้องรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ มนุษย์มีเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่สิบปี เดิมทีเวลาที่พวกเราจะได้อยู่ด้วยกันก็มีไม่มากแล้ว แม่ยังคิดจะตัดขาดโชคชะตาระหว่างพวกเราไปก่อนแบบนี้อีก จริงๆ แล้วแม่รักหนูหรือเกลียดหนูกันแน่”
“ไม่ใช่นะ แม่จะเกลียดลูกได้ยังไงกัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ใช้ชีวิตดีๆ หน่อยสิคะ เฝ้าดูว่าลูกสาวของแม่จะพลิกกลับมาชนะได้ยังไง รอดูว่าลูกสาวของแม่จะใช้ชีวิตบนโลกของตัวเองในโลกใบนี้ได้อย่างไร หนูไม่เคยกลัวใคร และไม่เคยเกรงใครทั้งนั้น หนูจะเดินไปบนเส้นทางของตัวเอง ไม่จำเป็นให้ใครต้องมาช่วยหนู แม่เข้าใจไหมคะ”
นรมนจับมือของคิมเอาไว้แน่น ด้วยเกรงว่าถ้าหากตนเองปล่อยมือนี้แล้วคิมจะจากไปจริงๆ
ความรู้สึกแบบนั้นมันแย่มากจริงๆ เธอไม่อยากที่จะต้องเจอกับมันอีกครั้ง
หลังจากที่คิมได้เผชิญกับความตายไปครั้งหนึ่งแล้ว จึงไม่กล้าที่จะอยากตายอีกแน่นอน เธอมองนรมนที่วันนี้เข้มแข็งเป็นอย่างมาก ก็รู้สึกเหมือนได้เห็นชินทรเมื่อสิบปีก่อน
“สมแล้วที่ลูกเป็นลูกสาวของพ่อของลูก ยังไงก็สู้ไม่ได้จริงๆ ”
“หนูก็เป็นลูกสาวของแม่เหมือนกันนะ”
คำพูดนี้ของนรมนทำให้คิมน้ำตาไหลอีกครั้ง
“เมื่อกี้นี้ลูกเรียกแม่ว่าอะไรนะ เรียกอีกครั้งได้ไหมจ๊ะ”
“หนูเงียบแม่ว่าแม่ไงคะ แม่! ”
เมื่อก่อนนรมนเคยคิดว่ามันคงยากที่จะพูดคำนี้ออกมา แต่ตอนนี้เธอกลับเอ่ยออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
“เฮ้อ! ”
ความรู้สึกของคิมในตอนนี้ผสมปนเปกันไปหมด ทั้งดีใจ ทั้งเจ็บปวด และยังตื่นเต้นเป็นพิเศษ เครื่องช่วยหายใจที่อยู่ข้างๆ จึงกะพริบอย่างรวดเร็ว นรมนตกใจกลัวจนหน้าซีดขาว
“แม่คะ อย่าเพิ่งตื่นเต้นจนเกินไป หายใจเข้าลึกๆ ใช่แล้ว หายใจเข้าลึกๆ! ”
นรมนชักนำคิมให้เริ่มผ่อนคลายอารมณ์ของตัวเอง
ในตอนนั้นเองคุณหมอก็เข้ามาพอดี เขาเริ่มทำการตรวจร่างกายของคิมอย่างรวดเร็ว
นรมนถูกบุริศร์ดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
มีบุริศร์อยู่ นรมนก็รู้สึกเหมือนตัวเองมีเสาหลักให้พึ่งพิง
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง คุณหมอก็บอกกับพวกเขาว่า “ไม่เลวเลย ตอนนี้สภาพร่างกายกลับมาเป็นปกติแล้ว เพียงแต่น้ำตาลในเลือดต่ำไปหน่อย สามารถทานอาหารเหลวได้แล้ว ทว่าก็อย่าทานเยอะเกินไป ค่อยๆ เพิ่มปริมาณไปทีละน้อย”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
นรมนรีบขอบคุณเขา
บุริศร์ส่งพวกเขาออกไป จากนั้นก็ให้คนรับใช้ในบ้านเริ่มเตรียมอาหาร
คิมเห็นนรมนต้องคอยวิ่งวุ่นกับเรื่องของตัวเองอยู่ตลอดเวลา จึงอดไม่ได้ที่จะพูดเสียงเบาว่า “ไม่ต้องทำแล้ว มานั่งเป็นเพื่อนแม่ดีกว่า แค่ได้มองลูกแม่ก็ดีขึ้นแล้ว”
“หนูไม่ใช่ยารักษาสารพัดโรคสักหน่อย แค่มองหนูแม่จะไปดีขึ้นได้ยังไง หนูรับปากว่าจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ไม่ไปไหน แต่แม่ต้องให้ความร่วมมือในการทำตามคำแนะนำของคุณหมอนะ”
นรมนปลอบคิมเหมือนกำลังปลอบพวกเด็กๆ
คิมพยักหน้าทั้งรอยยิ้มกว้างๆ
เมื่อเห็นนรมนกับคิมเป็นแบบนี้ บุริศร์ก็ไม่ได้เข้ามารบกวน เขาออกจากห้องพักฟื้นไปเงียบๆ จึงได้พบกับธรณีที่รู้ข่าวแล้วรีบมาตรงมุมบันไดเข้าพอดี
“อย่าเพิ่งเข้าไปเลย แม่ลูกกำลังคุยกันอยู่”
บุริศร์รั้งธรณีเอาไว้ข้างนอก
ธรณีเอ่ยเสียงต่ำ “พี่สะใภ้ใหญ่ฉันไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม”
“หมอบอกว่าดีขึ้นมาก เพียงแต่น้ำตาลในเลือดต่ำไปหน่อย ไม่เป็นไรแล้ว”
บุริศร์จุดบุหรี่ แล้วยื่นอีกม้วนให้ธรณี
ธรณีมองเขาแล้วพูดว่า “ไม่ใช่พูดว่าจะเลิกบุหรี่เหรอ หรือว่าไม่คิดจะเลิกแล้ว”
“ช่วงนี้มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย ผัดไปสักพักก่อนแล้วกัน”
การกระทำของบุริศร์ชะงักไปชั่วขณะ
หรือช่วงนี้เขาสูบบุหรี่เยอะเกินไปแล้วจริงๆ
ทำไมแม้แต่ธรณีก็พูดแบบนี้
บุริศร์แอบคิดทบทวนอยู่ในใจ
แต่ธรณีไม่รู้ว่าบุริศร์กำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากสูบบุหรี่เข้าไปก็พูดออกมาว่า “หรือว่านายถูกตุลยาทำเสน่ห์ใส่จริงๆ ถ้าหากเธอยังไม่ออกไปจากเมืองชลธี ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็ยังไม่วางใจ นรมนเองก็ไม่สามารถใช้ชีวิตดีๆ ได้”
“ฉันยังไงก็ได้ รอหัวหน้าคิมอาการดีขึ้นอีกนิด ฉันกับนรมนก็จะพาเด็กๆ ออกไปเที่ยว ส่วนตุลยาจะอยู่ทำอะไรที่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาต่อก็แล้วแต่พวกนาย ทางฉันไม่สนใจหรอกนะ”
ยิ่งบุริศร์พูดแบบนี้ ธรณีก็ยิ่งรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า
“นายพูดแบบนี้ไม่สู้ต่อยฉันสักสองที”
“ฉันจะไปกล้าได้ยังไง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...