แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 385

บทที่ 385 นี่เป็นทางที่เธอเลือก

ท่าทีของคุณนายทวีทรัพย์ธาดาราวกับว่าอยากจะเอาอะไรสักอย่างมาทุบไล่นรมนออกไปประมาณนั้น

พอได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว ธรณีก็ค่อนข้างที่จะตกตะลึง

“พูดอะไรของแม่น่ะ”

“แกหุบปากไปเลย! อย่านึกว่าฉันไม่รู้ความคิดของแกนะ ฉันจะบอกอะไรให้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปตระกูลทวีทรัพย์ธาดาของพวกเราไม่ต้องการลูกหลานแบบนี้ พี่ใหญ่ของแกที่อยู่บนท้องฟ้าก็ไม่มีทางโทษพวกเราหรอก”

คุณนายทวีทรัพย์ธาดาถลึงตาใส่ธรณียังโมโหด้วยแววตาเย็นชา

นรมนรู้สึกสับสน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่อยู่ดีๆ คุณนายทวีทรัพย์ธาดาก็โมโหขนาดนี้มันทำให้เธอไม่ทันได้ระวังตัว

“ถึงแม้ว่าฉันจะทำให้คุณแม่ตกอยู่ในอันตราย แต่มันก็อยู่ภายใต้การควบคุมของฉัน ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงดูถูกฉันและมุ่งเป้ามาที่ฉันขนาดนี้ ทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้”

“ทำไมอย่างนั้นเหรอ เธอยังจะถามอีกแล้วว่าทำไม เธอดูซิว่าตัวเองเป็นคนบีบให้แม่ของเธอออกไปแล้ว! หล่อนได้รับบาดเจ็บขนาดนั้นจะอยู่หรือตายก็ยังไม่รู้ จะคิดได้หรือเปล่าฉันก็ไม่รู้นะ ถึงจะไม่ได้เลี้ยงเธอมาตั้งแต่ยังเล็ก แต่อย่างไรก็ถือว่าให้กำเนิดเธอมาไม่ใช่เหรอ ถ้าหากเห็นแก่หน้าแม่ของเธอ แล้วทำไมเธอถึงยังตั้งใจมุ่งเป้าไปที่ตุลยาแบบนี้อีก หล่อนเป็นคนใจดีมีเมตตาทั้งยังอ่อนแอเสียขนาดนั้น ดูสิว่าเธอทำอะไรลงไป! ”

คุณนายทวีทรัพย์ธาดาโยนจดหมายใส่หน้านรมน

นรมนอยากจะย้อนกลับไปเหลือเกินว่าตุลยาทั้งใจดีและมีเมตตาขนาดนั้นเสียที่ไหนกัน แต่พอได้ยินว่าคิมไปแล้ว เธอก็รีบหยิบจดหมายขึ้นมาทันที

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้เห็นลายมือของคิม แต่ไม่เคยเห็นถึงความเจ็บปวดแบบนี้มาก่อน

คิมหวนคิดถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในชีวิต รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรก็ล้มเหลวไปหมด ดังนั้นเธออยากจะไปหาสถานที่ที่สงบเพื่อใช้ชีวิตในบั้นปลาย และขอให้นรมนอย่าตามหาเธอ ส่วนความผิดของตุลยานั้น ให้นรมนจะทำอย่างไรก็ทำไปเถอะ ไม่ต้องสนใจว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร

ดวงตาของนรมนค่อยๆ เปียกชื้น

บุริศร์เห็นเธอเป็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะปวดใจ

“ไม่เป็นไร พวกเราสามารถส่งคนไปตามหาดูได้ ตอนนี้เธอคงจะยังไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ น่าจะมีบันทึกเอาไว้”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นี่เป็นทางที่เธอเลือกแล้ว”

นรมนเข้าใจดีว่าคิมรู้สึกอย่างไร ครั้งนี้แม่ของเธอได้รับความเจ็บปวดและคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับตัวเองมากเกินไป เกรงว่าถ้าตัวเองยังไม่เข้าใจก็คงจะไม่กลับมากับเธอแล้ว

หลังจากที่เก็บจดหมายแล้ว นรมนก็มองไปที่คุณนายทวีทรัพย์ธาดา

หญิงชราคนนี้เป็นคนที่เธอใช้ลูกของตัวเองแลกมา เดิมทีคิดว่าจะทำให้ครอบครัวมีความสุขได้ แต่ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะยอมเชื่อคนอื่นมากกว่าหลานสาวแท้ๆ ของตัวเอง

ต่อให้จะใจกว้างอย่างไร ตอนนี้ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะกลายเป็นน้ำแข็งไปเสียหลายส่วน

“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็ขอให้คุณจำคำพูดของตัวเองไว้ให้ดี ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปพวกเราจะไม่เหยียบเข้ามาในประตูใหญ่ของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอีก ต่อให้มีวันหนึ่งที่คุณไปเชิญฉันมา ฉันก็จะไม่กลับมาอีกแล้ว”

ครั้งนี้นรมนพูดออกมาอย่างเด็ดขาด ทำให้คุณนายทวีทรัพย์ธาดาสะเทือนใจไปชั่วขณะ แต่เธอยังคงกัดฟันแล้วพูดออกมาว่า “ไสหัวไป! ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาของพวกเราไม่ได้ขาดแคลนลูกหลานอย่างเธอ”

“คุณนายทวีทรัพย์ธาดา ให้ดีคุณก็อย่าเสียใจทีหลังแล้วกัน ก็ต่อให้เสียใจก็ไม่มีประโยชน์ ตั้งแต่วันนี้นรมนกับพระคุณทวีทรัพย์ธาดาของคุณไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก”

บุริศร์พูดจบก็พานรมนหันหลังเดินออกไป

ธรณีร้อนใจขึ้นมาแล้ว

“บุริศร์ นรมน เดี๋ยวก่อนสิ ตอนนี้สมองของแม่ผมไม่ค่อยแจ่มแจ้งนัก พวกนายรอฉัน...”

“ธรณี กลับมาเดี๋ยวนี้! ฉันยังไม่ตายนะ! ฉันยังเป็นผู้นำตระกูลนี้อยู่! ”

คุณนายทวีทรัพย์ธาดาเห็นธรณีไล่ตามนรมนไปก็โมโหขึ้นมาอีก ความรุนแรงเหมือนแผ่นดินไหวระดับเจ็ดถึงแปดริกเตอร์

นรมนยกยิ้มมุมปากอย่างขมขื่น ทว่าก็ออกไปจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดาโดยไม่ทิ้งคำพูดใดๆ ไว้

นี่เคยเป็นที่ที่เธออยากจะกลับมามากที่สุด เคยคิดว่าที่นี่จะมีครอบครัวที่มีความสุขของเธออยู่ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เหมาะสมกับเธอนัก ท้ายที่สุดแล้วคงจะไม่มีชะตาให้ได้กลับเข้าไปอีก

เมื่อออกไปจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดาแล้ว นรมนก็โค้งคำนับไปทางห้องของชินทร หลังจากนั้นก็ขึ้นรถไปเงียบๆ

บุริศร์รู้ว่าเธอกำลังอารมณ์ไม่ดี จึงพูดเสียงเบาว่า “ผมได้ยินมาว่าที่ภาคตะวันออกของเมืองมีร้านอาหารตะวันตกที่เพิ่งเปิดใหม่อยู่ร้านหนึ่ง ผมพาคุณไปกินดีไหม”

“ฉันไม่อยากกิน”

นรมนรู้ดีว่าบุริศร์กำลังคิดหาวิธีมาหยอกให้เธออารมณ์ดี แต่ตอนนี้เธอมีความสุขไม่ออกจริงๆ

บุริศร์พูดต่อว่า “ได้ยินว่าที่ห้างมีเสื้อผ้ามาใหม่ คุณอยากไปดูหน่อยไหม วันนี้ผมยอมเป็นกรรมกรให้คุณฟรีๆ เลย”

นรมนยังคงส่ายหน้า

ในตอนนั้นเองคุณนายตระกูลโตเล็กก็โทรมาหานรมน บอกเธอว่าถ้าไม่มีอะไรก็กลับมาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่คนนี้หน่อย

ครั้งนี้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ ทำได้เพียงบังคับอารมณ์ตัวเองแล้วกลับไปที่บ้านใหญ่ตระกูลโตเล็กพร้อมกับบุริศร์

เมื่อกานต์เห็นนรมนก็รีบส่งเสียงทักทายกันที กมลเองก็รีบวิ่งเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของบุริศร์

“หนูคิดถึงแด๊ดดี้จังเลยค่ะ! ”

“จริงเหรอ มา ขอหอมแก้มหน่อยซิ”

บุริศร์อุ้มกมลขึ้นมาแล้วหอมแก้มเธอไปหนึ่งที

ในที่สุดนรมนที่ได้เห็นฉากการแสดงความรักและความกตัญญูของพ่อลูกคู่นี้ก็เริ่มจะยิ้มออกมาได้บ้างแล้ว

โชคดีจริงๆ ที่เธอยังมีบุริศร์กับพวกเด็กๆ และแม่สามีที่รักตนเองอยู่

กานต์รินน้ำใส่แก้วให้เธออย่างรู้ความ

“หม่ามี้ดื่มน้ำหน่อยนะครับ”

“ขอบคุณนะจ๊ะ”

หลังจากที่ดื่มน้ำเสร็จแล้ว นรมนก็เดินมาหาคุณนายโตเล็ก

“วันนี้คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ”

“ก็เรื่อยๆ นั่นแหละ ใช่แล้ว แม่เพิ่งจะซื้อดอกไม้มาหลายกระถางเลย ลูกไปดูเป็นเพื่อนแม่ที่ห้องดอกไม้หน่อยดีไหม”

นรมนพยักหน้าให้กับข้อเสนอของคุณนายตระกูลโตเล็ก

“ดีเลยค่ะ! ”

เธอวางแก้วลงแล้วส่งพวกเด็กๆ ให้กับบุริศร์ จากนั้นก็เข็นคุณนายตระกูลโตเล็กไปที่ห้องดอกไม้ด้วยตัวเอง

คุณนายตระกูลโตเล็กชอบดอกไม้มาก นรมนเองก็เพิ่งจะรู้เรื่องนี้เมื่อไม่นานเหมือนกัน เดิมทีตระกูลโตเล็กมีห้องดอกไม้อยู่ห้องหนึ่ง ก่อนหน้านี้เป็นพวกคนรับใช้ที่คอยจัดการอยู่ตลอด แต่พอตอนนี้ก็กลายเป็นคุณนายที่ไม่มีอะไรทำมาคอยรดน้ำพรวนดินด้วยตัวเอง แต่ละวันผ่านไปอย่างเต็มอิ่มสมบูรณ์

“ดูสิ นี่เป็นโบตั๋นสีเขียวที่เพิ่งนำเข้ามา เป็นยังไงบ้าง สวยหรือเปล่า”

คุณนายโตเล็กยกกระถางโบตั๋นสีเขียวแสนสวยมาไว้ตรงหน้านรมน แล้วถามด้วยสีหน้าที่เหมือนกับกำลังมอบเพชรนิลจินดาให้

นรมนไม่ค่อยรู้เรื่องดอกไม้มากนัก แต่เธอไม่อยากทำให้คุณนายหมดสนุก จึงทำได้เพียงพยักหน้าแล้วพูดว่า “สวยมากเลยค่ะ”

“ว่ากันว่าดอกโบตั๋นพันธุ์นี้ทาบกิ่งยากมาก ก่อนหน้านี้จำเป็นที่จะต้องมีประสบการณ์ในการปลูกดอกโบตั๋นหลายชนิดแล้ว”

คุณนายตระกูลโตเล็กนำกรรไกรออกมาเริ่มลงมือตัดแต่งใบ

นรมนที่ยืนมองอยู่ข้างๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนตาบอดที่ได้ยินเสียงสายฟ้า ทว่ายังคงฟังอย่างตั้งใจ

คุณนายตระกูลโตเล็กเห็นเธอเป็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วพูดออกมาว่า “ชีวิตคนเรานี่ก็นะ เหมือนกับใบที่อยู่บนกิ่งก้านของดอกไม้นี่แหละ มีหลายครั้งที่ต้องตัดใบไม้เน่าๆ ออกไป เพราะถ้าหากมันยังคงปักอยู่บนลำต้นแล้วจะไม่ส่งผลต่อความงามเอาหรอกเหรอ”

“อื้ม”

นรมนพยักหน้า ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ของคุณนายตระกูลโตเล็กซึ้งมากจริงๆ

เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่คุณนายตระกูลโตเล็ก อีกฝ่ายเพียงยิ้มให้เธอแล้วพูดว่า “เธอเป็นเด็กสาวที่ฉลาดคนหนึ่ง เป็นธรรมดาที่จะเข้าใจความหมายที่ฉันพูด คนเราอยู่บนโลกใบนี้ สุขเศร้าเหงาโกรธล้วนขึ้นอยู่กับตัวเอง เธอไม่ควรจะปล่อยตัวไปตามอารมณ์ และยังต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ได้ เธอต้องรู้ว่าตนเองต้องการอะไร สิ่งที่เธอต้องการก็ไม่ควรที่จะมากจนเกินไป ถึงอย่างไรคนเราก็ไม่อาจโลภได้ขนาดนั้นจริงไหม”

ทันใดนั้นนรมนก็คิดไปถึงตุลยา

“คุณแม่คะ คุณแม่รู้เรื่องอะไรแล้วใช่ไหมคะ”

“แล้วแม่ควรรู้อะไรล่ะ”

สายตาอันหลักแหลมคู่นั้นของคุณนายตระกูลโตเล็กทำให้นรมนตกตะลึงไปชั่วขณะ ทว่าเธอก็ยังตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

“หนูเข้าใจแล้วค่ะคุณแม่”

“มานี่สิ แม่จะสอนให้ว่าควรตัดแต่งใบไม้และควรดินพวกนี้ยังไง ดอกไม้นี่นะ ก็เหมือนกับคนนั่นแหละ ขอแค่เพียงเธอทุ่มเทให้มันทำใจ มันก็จะเติบโตขึ้นเป็นดอกไม้ที่สวยงามที่สุดให้เธอได้ชื่นชม เธอคิดว่ามันสมเหตุสมผลไหม”

หัวใจของนรมนหยุดเต้นไปชั่วขณะ อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาว่า “แล้วถ้าหากหนูทุ่มเทให้ดอกไม้ดอกนี้ไปทั้งใจ แต่มันกลับยังคงไม่สามารถบานออกมาเป็นดอกไม้ที่หนูต้องการได้ล่ะคะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ทิ้งมันไปเสียสิ บนโลกมีดอกไม้ตั้งมากมายขนาดนั้น จะไปยึดติดกับต้นไม้ที่ตายแล้วทำไม”

คุณนายตระกูลโตเล็กพูดพลางก็ใช้กรรไกรตัดใบไม้กิ่งหนึ่งออกมา

นรมนชะงักไป

“แต่ถ้าหนูชอบดอกไม้ดอกนั้นมากล่ะคะ”

“ถึงจะชอบแต่ถ้ามันไม่สนใจเธอแล้วจะทำอย่างไรได้ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกล้วนมีชะตาคอยทดสอบ ถ้ามีชะตาต้องกันก็ย่อมที่จะได้มา แต่ถ้าไม่แล้วละก็ ฝืนรั้งให้ตายก็รั้งไว้ไม่อยู่ แล้วมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเจ็บปวดไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย บางครั้งการถอยออกมาสักก้าวก็จะทำให้เห็นอะไรที่กว้างกว่า”

เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ของคุณนายตระกูลโตเล็กแล้ว หัวใจของนรมนก็รู้สึกโล่งสบาย

ใช่แล้ว!

ชะตากรรมกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไม่ใช่การตัดสินใจของเธอ

เธอถูกส่งออกไปจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดาตั้งแต่วินาทีที่เกิดออกมาแล้ว นี่ไม่ได้หมายความว่าระหว่างเราไม่มีชะตาต้องกันหรอกเหรอ

จนถึงวันนี้ก็ยังขึ้นๆ ลงๆ พลิกผันไปมา ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ชาติกำเนิดของตัวเองแล้ว แต่ก็ยังคงเข้ากับคนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไม่ได้ บางทีนี่อาจเป็นชะตากรรมของเธอ

ทันใดนั้นความไม่พอใจในการกระทำพวกนั้นของคุณนายทวีทรัพย์ธาดาเมื่อกี้นี้ก็ได้สลายหายไปหมดแล้ว

แม้ว่าเธอจะไม่มีตระกูลทวีทรัพย์ธาดา แต่เธอก็ยังมีตระกูลธนาศักดิ์ธน ตระกูลโตเล็ก และเด็กๆ ที่น่ารักพวกนั้นไม่ใช่เหรอ

เธอมีความสุข

และความสุขของเธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเข้ามาขับให้เด่นขึ้น

เธอได้มอบความจริงใจและการอ่อนข้อขั้นสูงสุดให้ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไปแล้ว แต่ก็ยังคงไม่อาจบรรลุจุดประสงค์ที่เธอต้องการ

บางทีอาจจะไร้ชะตาต่อกันจริงๆ

ผลลัพธ์เช่นนี้อาจจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว!

เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว นรมนก็ยิ้มให้กับคุณนายตระกูลโตเล็กพลางพูดว่า “คุณแม่คะ บางครั้งหนูก็รู้สึกว่าคุณแม่เป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง”

“แม่ก็เป็นแค่หญิงชราคนหนึ่งเท่านั้นแหละ”

คุณนายตระกูลโตเล็กยกยิ้มบางๆ กอปรกับคิ้วที่อ่อนโยนนั้นทำให้คนรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก

“คุณแม่ไม่ใช่หญิงชราธรรมดาๆ สักหน่อย แต่เป็นแม่ที่ดีที่สุดในโลกต่างหาก”

นรมนโอบคอคุณนายตระกูลโตเล็กไว้เบาๆ ทำตัวออดอ้อนเหมือนลูกสาวอยู่ข้างกาย ทำให้คุณนายมีความสุขมาก

“เธอนี่ล้อแม่เล่นให้มันน้อยๆ หน่อย อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะไม่ต้องมาช่วยแม่ทำงานแล้วนะ ไป รีบไปพรวนดินกระถางดอกอาซาเลียเร็วเข้า”

“ได้เลยค่า! ”

นรมนพับแขนเสื้อขึ้นและเริ่มทำงาน

ทั้งสองคนอยู่ในห้องดอกไม้นานกว่าหนึ่งชั่วโมง ตอนที่ออกมาสีหน้าของนรมนก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

บุริศร์คิดว่ามันน่าทึ่งมาก จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “พวกแม่เข้าไปทำอะไรข้างในนั้นกันครับ”

“ความลับของผู้หญิง ลูกจะถามไปทำไม”

คุณนายตระกูลโตเล็กกลอกตาใส่เขา ทำให้นรมนหัวเราะอย่างมีความสุข

“แม่ให้ป้าหวานเตรียมมื้อกลางวันเอาไว้ให้แล้ว บอกว่าวันนี้จะกินข้าวที่บ้านทุกมื้อ”

คุณนายตระกูลโตเล็กออกมาแบบนี้แล้ว นรมนกับบุริศร์จะพูดอะไรได้เสียที่ไหน พวกเด็กๆ ก็มีความสุขมากเช่นกัน

นรมนไปที่ห้องหนังสือเป็นเพื่อนคุณนายโตเล็กอีกครั้ง กมลก่อกวนบุริศร์เหนื่อยแล้วก็วิ่งไปเล่นของเล่นคนเดียวต่อ

บุริศร์กำชับให้กานต์คอยดูแล ส่วนตัวเองก็ถือโทรศัพท์เดินออกไปที่ระเบียง

“พฤกษ์ ช่วยตรวจสอบให้ฉันทีว่าเช้าวันนี้คิมออกจากเมืองชลธีไปที่ไหน ฉันต้องการรู้ร่องรอยที่แน่ชัดของเธอ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเรื่องเกี่ยวกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไม่ต้องเอาไปพูดกับนรมนอีกแล้ว วันนี้คุณนายทวีทรัพย์ธาดาไล่นรมนออกจากตระกูลแล้ว”

เสียงของเขาเบามาก ทว่ากลับมองไม่เห็นเงาร่างเล็กๆ ที่เดินตามหลังมา ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้ยินคำพูดของเขาทั้งหมด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย