บทที่ 389 ผมเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อคุณ
เมื่อนรมนถามเช่นนี้ สีหน้าของคุณนายทวีทรัพย์ธาดาแย่ลงในทันที
สรุปแล้วเธอไม่สามารถลงแส้นรมนได้อีกสิบทีจริงๆสินะ?
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเห็นสายตาที่เกลียดชังของนรมนในตอนนี้ เธอรู้สึกตื่นกลัวจริงๆและรู้สึกว่าตนเองทำมากเกินไปแล้ว แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็เป็นผู้อาวุโส ถ้าหากก้มหน้าเอ่ยปากยอมรับผิดต่อนรมน เธอก็ไม่สามารถจะรักษาหน้านั้นเอาไว้ได้อีก
คุณนายทวีทรัพย์ธาดาสับสนอย่างยิ่ง ในที่สุดก็เอ่ยเสียงเย็นชาว่า : “เธอจำคำพูดของเธอวันนี้เอาไว้ให้ดี จากนี้ไปทุกอย่างของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ”
“ฉันจะจำไว้อย่างชัดเจนเลยค่ะ และขอขอบคุณคุณนายทวีทรัพย์ธาดาสำหรับบุญคุณในการลงแส้สิบครั้งในวันนี้ด้วย”
พูดจบนรมนก็ประคองบุริศร์ออกจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดา
ถึงแม้ว่าหญิงชราจะปิดปากของทุกคนเอาไว้ แต่ยังมีคนอาเรื่องนี้ไปบอกกับธรณี
ธรณีรีบตามไปอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้ายก็สายไปเสียแล้ว มองเห็นรอยเลือดบนแส้ เขาโกรธจนคร้านที่จะคุยกับหญิงชราแล้วรีบโทรหานรมนกับบุริศร์ทันที
ในตอนที่นรมนเห็นว่าเป็นสายของธรณี นรมนก็บล็อกสายโดยไม่คิดเลย
ไม่ใช่ว่าโกรธแล้วพาล แต่เพราะไม่อยากจะติดต่อกับคนในตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอีกแม้แต่นิดเดียว
บุริศร์เห็นเธอทำอย่างนี้แล้ว รู้ว่าเธอเจ็บปวดไม่น้อยเลย เขากระซิบว่า : “เอาล่ะ อย่าโกรธอีกเลย ผมไม่เป็นไร เรื่องนี้เป็นเพราะกานต์ทำไม่ดีแต่แรก ผมในฐานะพ่อย่อมต้องรับไว้เป็นธรรมดาไม่ใช่เหรอ?”
“ขอโทษด้วยค่ะ ทั้งหมดเป็นแพราะฉันทำให้คุณเดือดร้อนไปด้วย ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าถ้าหากฉันกลับไปตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอาจจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง ตอนนี้ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องไร้สาระโดยสิ้นเชิง เพราะว่าเป็นคนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดากลับทำให้คุณได้รับความอยุติธรรม”
ในเวลานี้นรมนแทบจะอยากคืนเลือดและกระดูกในตัวทุกอย่างให้กับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจริงๆ ตั้งแต่นี้ไประหว่างเธอกับพวกเขามันชัดเจนและชัดเจน
บุริศร์จะไม่รู้ได้อย่างไรว่านรมนคิดอะไร?
เขากุมมือของนรมนเอาไว้แล้วพูดเสียงทุ้มต่ำว่า : “ผู้คนบนโลกนี้ไม่กี่สิบปีก็ผ่านไปแล้ว ทำไมต้องมานั่งโกรธคนที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยล่ะ? โชคดีที่เรื่องนี้ผ่านไปแล้วและไม่นับว่าเป็นเรื่องแย่อะไรเลย”
“ฉันเพียงแค่รู้สึกว่าการที่คุณแต่งงานกับฉัน มันคือโชคร้ายที่สุดในชีวิตจริงๆ”
นี่คือคำพูดที่อยู่ในใจของนรมน
“พูดจาเหลวไหล ชีวิตนี้ได้แต่งงานกับคุณเป็นโชคดีที่สุดสำหรับผมแล้ว”
ยิ่งบุริศร์พูดอย่างนี้ นรมนยิ่งรู้สึกอึดอัดใจ
ธรณีโทรไม่ติดจึงโทรไปหาบุริศร์อีกครั้ง น่าเสียดายที่ทางด้านบุริศร์ก็ตัดสายเขาด้วย
ทันใดนั้นเขาตระหนักได้ว่า ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาและตระกูลโตเล็กของพวกเขาดูเหมือนจะไม่มีทางไปต่อแล้วจริงๆ
“ตอนนี้แม่พอใจหรือยังล่ะครับ? พวกเราตระกูลโตเล็ก ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา และตระกูลรัตติกรวรกุล สามตระกูลในเมืองชลธี ตอนนี้แม่ได้ฉีกหน้าตระกูลโตเล็กอย่างสมบูรณ์ แม่วางแผนที่จะอยู่ในเมืองชลธีอย่างหัวเดียวกระเทียมลีบงั้นเหรอครับ?”
น้อยครั้งมากที่ธรณีจะอารมณ์เสียต่อแม่ของเขา แต่ในตอนนี้เขาควบคุมไม่อยู่จริงๆ
คุณนายทวีทรัพย์ธาดาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ตนเองอาจทำเกินไป แต่ว่าความรู้สึกประเภทนี้เธอจำเป็นต้องรู้สึกด้วยตัวเอง ธรณียังไม่มีสิทธิที่จะมาตำหนิตนเองเช่นนี้
“ฉีกหน้าก็ฉีกหน้าสิ ถ้านรมนไม่พึ่งพาตัวเองด้วยการแต่งงานกับตระกูลโตเล็ก จะกล้ารังแกตระกูลทวีทรัพย์ธาดาของพวกเราอย่างไม่ละอายใจขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ใครรังแกใครกันแน่? แม่ครับ แม่นี่สุดยอดเลย! คุณเอาหลานสาวของตัวเองออกไป ผมคิดว่าในอนาคตคุณต้องเสียใจ!”
ธรณีสะบัดแขนเสื้อเดินออกไปด้วยความโกรธ แล้วยืมเรื่องของบริษัทเดินทางไปต่างประเทศ ใช้ชื่อว่าเพื่อตรวจสอบโครงการ แต่อันที่จริงคือไม่อยากจะอยู่กับหญิงชราที่สับสนจะได้ไม่ต้องโกรธ
เดิมทีคุณนายทวีทรัพย์ธาดาก็ไม่พอใจนรมนอยู่แล้ว ตอนนี้ธรณีทิ้งเมืองชลธีไปเพราะเรื่องของนรมน ทิ้งเธอไว้ที่เมืองชลธีเพียงคนเดียว หญิงชรายิ่งเกลียดชังนรมนมากยิ่งขึ้น
เพราะศัตรูนั่น! สร้างความวุ่นวายให้กับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจนปั่นป่วน!
นรมนที่อยู่ทางด้านนี้ย่อมไม่รู้ถึงสงครามระหว่างธรณีกับแม่ของเขา ทั้งสองคนกลับไปที่ตระกูลโตเล็กย่างรวดเร็ว
คุณนายตระกูลโตเล็กเห็นเลือดซึมออกมาจากหลังของบุริศร์ ก็เอ่ยถามอย่างตกตะลึงทันทีว่า : “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงได้รับบาดเจ็บล่ะ?”
กานต์รีบเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
บุริศร์กลับโบกมือแล้วพูดว่า : “ไม่เป็นไรครับ คุณนายทวีทรัพย์ธาดาพูดแล้วว่า เฆี่ยนแส้สิบครั้งแลกกับเรื่องนี้สงบลง คุณเองก็รู้ว่าบาดแผลที่ผิวหนัง ไม่ใช่ปัญหาเลย”
คุณนายตระกูลโตเล็กโมโหขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนี้
“ไอ้ยายแกนั้นตัวดี!ฉันยังทนไม่ได้ที่จะแตะต้องลูกชายตัวเองแม้เพียงนิ้วเดียว เธอกลับเฆี่ยนลูกฉันสิบครั้งงั้นเหรอ? ฉันจะต้องไปตามหาเหตุผลเอากับเธอ!”
เมื่อเห็นว่าคุณนายตระกูลโตเล็กตื่นเต้นมากเกินไปแล้ว บุริศร์จึงรีบขวางเอาไว้
“แม่ครับ ให้เรื่องมันจบตรงนี้เถอะ ถ้าให้พูดอีก เดิมทีก็เป็นความผิดของกานต์นะครับ เขาวิ่งไปหาเรื่องส่งเดชในบ้านของคนอื่น ผมในฐานะพ่อต้องรับผิดชอบเสมอไม่ใช่เหรอครับ? หรือว่าจะยอมให้เธอตีกานต์งั้นเหรอ? ลืมเรื่องนี้ไปเถอะ ผมไม่เป็นไร ทายานิดหน่อยก็หายแล้ว”
คำพูดของบุริศร์ทำให้สีหน้าของนรมนแย่ขึ้นกว่าเดิม
ถึงแม้จะมีเสื้อผ้ากั้นเอาไว้ แต่เลือดสีแดงสดยังคงทำให้มองเห็นดวงตาเป็นสีแดงก่ำ
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่อยากจะระบายความแค้นแทนหม่ามี้จะทำให้เกิดความวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้
“แด๊ดดี้ ผมขอโทษ”
ครั้งนี้ กานต์รู้ว่าผิดแล้วจริงๆ
มองเห็นลูกชายเสียใจอย่างนี้แล้ว บุริศร์จึงยิ้มและพูดว่า : “ไม่เป็นไร ร่างกายของพ่อติดตั้งมาอย่างแข็งแรง เอาล่ะ ลูกก็ไปพักผ่อนสักหน่อยแล้วเดี๋ยวมากินข้าวกัน ไม่ต้องยืนแล้ว”
คุณนายตระกูลโตเล็กพูดอย่างเจ็บปวดใจว่า : “ถึงจะเป็นพ่อที่รับผิดแทนลูกชายก็เถอะ แต่บทลงโทษนี้หนักเกินไป ไอ้ยายแกนั้นไร้มนุษยธรรมจริงๆ”
“เอาเถอะ แม่ครับ ผมหิวแล้ว แม่ไปดูในครัวหน่อยสิครับ ว่าอีกเดี๋ยวจะเริ่มกินข้าวได้หรือยัง พวกเราอยากกินข้าวแล้ว”
บุริศร์ดันคุณนายตระกูลโตเล็กเข้าไปในครัว
นรมนไม่พูดเลยตั้งแต่ต้นจนจบเพราะละอายใจและเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร บุริศร์ดึงทุกอย่างไปไว้กับตัวเองจนหมด ไม่ยกเรื่องเธอขึ้นมาพูดเลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้นรมนรู้สึกอึดอัดใจมากยิ่งขึ้น
เมื่อมองเห็นอีกว่าคุณนายตระกูลโตเล็กเจ็บปวดใจกับบุริศร์อย่างนี้ เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรจริงๆ
ราวกับรู้ว่านรมนกำลังคิดอะไร บุริศร์จับมือของเธอเอาไว้แล้วพูดว่า : “ขึ้นไปทายาให้ผมข้างบน”
“ได้ค่ะ”
นรมนประคองบุริศร์ขึ้นไปยังชั้นบน
หลังจากบุริศร์มาถึงห้องนอนแล้วถึงได้ถอนใจอย่างโล่งอก
เขาไม่ถูกคนใช้แส้ฟาดมานานแล้ว บางทีจะพูดว่าโตมาขนาดนี้ ไม่ว่าจะอาวุธยุทธโทปกรณ์ใดๆล้วนเคยผ่านความเจ็บปวดมาหมด นี่คือเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เคยสัมผัส ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์แล้วกัน
ความรู้สึกแบบนั้นทำให้เจ็บแสบเกินบรรยายจริงๆ
บุริศร์ถอดเสื้อออกแล้ว
มองเห็นบาดแผลที่หลังของบุริศร์แล้ว นรมนก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกแล้ว
“เอาล่ะ นี่ผมจะให้คุณทายา แต่คุณวางแผนจะให้ผมจมน้ำตางั้นเหรอ?”
“ทำไมคุณถึงไม่บอกแม่ว่าคุณแบกรับสิ่งนี้แทนฉัน?”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์รู้สึกตลกขึ้นมาไม่น้อย
“คุณกับผมเป็นคู่สามีภรรยากัน จะพูดมากไปทำไม? นอกจากนี้ แม่รู้แล้วจะทำอะไรได้? อาการบาดเจ็บของผมจะหายงั้นเหรอ? เอาล่ะ คุณอย่ากดดันจิตใจตัวเองมากเกินไป ไม่ว่าเรื่องอะไรผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อคุณ ยิ่งกว่านั้นนี่คือเรื่องที่ผู้ชายอย่างผมควรทำด้วยตัวเอง”
บุริศร์พูดพลางหันหลังให้กับนรมน
นรมนทายาให้เขาเบาๆ ถึงแม้ว่าบุริศร์จะไม่ได้ส่งเสียง แต่ระดับของร่างกายที่รัดจนแน่นทำให้นรมนรู้ว่าเขาเจ็บปวดมาก
กานต์ที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตอนไหน หลังจากมองเห็นแผลที่หลังของบุริศร์แล้วก็ส่งเสียงสะอึกสะอื้น
“แด๊ดดี้ ผมขอโทษ ผมก่อเรื่องทั้งหมดเอง ต่อไปผมไม่กล้าแล้ว”
กานต์คิดไม่ถึงว่าความดื้อรั้นของตนจะนำผลเช่นนี้มาสู่บุริศร์ ก่อนหน้านั้นที่บุริศร์ลงโทษเขา เขายังไม่ค่อยยอมรับอย่างจริงใจ ตอนนี้มองเห็นบุริศร์เป็นอย่างนี้แล้ว เขาจึงกลั้นไม่ไหวจนร้องไห้ออกมา
บุริศร์เห็นลูกชายตกใจจึงรีบดึงเขาเข้ามาทันที
“กานต์ ไม่ใช่ว่าการที่ลูกระบายความโกรธแทนหม่ามี้นั้นไม่ถูก พ่ออยากจะบอกว่าวิธีการของลูกไม่ถูกต้อง การทำสิ่งต่างๆต้องใส่ใจกับผลที่ตามมา คนที่ลูกอยากจะทำอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ ถ้าคนอื่นมองแว้บเดียวก็รู้ว่าลูกเป็นคนทำ ถ้าอย่างนั้นสู้ลูกไม่ทำจะดีกว่า นี่ไม่ใช่การยอมให้คนอื่นเตะตูดเอางั้นเหรอ? จากนี้จะทำอะไรต้องใช้สมอง อยู่บนพื้นฐานของการไม่แตะต้องกฎหมาย พยายามเป็นคนที่สงบนิ่งให้มากที่สุด เรื่องในวันนี้ ลูกระบายความโกรธเพื่อหม่ามี้นั้นน่าชมเชย พ่อลงโทษลูกเพราะลูกทำเรื่องโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมา ครั้งต่อไปต้องจำเอาไว้นะ รู้หรือเปล่า?”
“รู้แล้วครับ!”
กานต์พยักหน้าทันทีทันใด
“เอาล่ะ พ่อสบายดี ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ตอนนี้ลูกยังเด็ก ลูกทำเรื่องที่ผิด พ่อสามารถรับเอาไว้ได้ แต่สุดท้ายแล้วลูกก็ต้องเติบโตขึ้น ไม่ช้าก็เร็วลูกจะต้องเผชิญกับเรื่องราวเหล่านี้ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นลูกจงย้อนกลับไปพิจารณาดูว่าสิ่งที่พ่อพูดวันนี้ที่จริงแล้วถูกต้องหรือเปล่า”
“ผมรู้แล้วครับ”
กานต์กัดริมฝีปากล่างแล้วทำท่าว่าเข้าใจทุกอย่าง
บุริศร์มองไปที่แขนขาเล็กๆของเขา แล้วถามอย่างปวดใจว่า : “เจ็บขาหรือเปล่า?”
“ไม่เจ็บครับ!”
“พูดความจริง”
“เจ็บครับ!”
กานต์ถูน่องของตนเอง ยืนท่าทหารมากกว่าหนึ่งชั่วโมง ขาของเขาแทบจะแข็ง
“นั่งลง พ่อจะนวดให้”
บุริศร์ให้กานต์นั่งลงตรงหน้าเขาแล้วยื่นมือออกไปเริ่มนวดให้น่องเล็กๆของกานต์
นรมนมองดูสองพ่อลูกคู่นี้แล้ว เพื่อตัวเธอแล้วพวกเขาทั้งหมดถึงได้รับผลกระทบไปด้วย ในเวลานั้นเองเธอก็สาบานว่าจากนี้ไปจะอยู่ให้ห่างจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ไม่ว่าจะพูดอะไรก็จะไม่เกี่ยวข้องด้วย
เธอทายาให้บุริศร์ บุริศร์นวดขาให้กานต์ เป็นครอบครัวสามคนที่มีความรักใคร่สนิทสนม คุณนายตระกูลโตเล็กมองเห็นตอนที่ขึ้นมาจะเรียกพวกเขาทานข้าวก็ไม่อาจกลั้นใจทำลายความสงบนี้ได้
เธอปิดประตูลงและเดินลงไปเงียบๆ
เรื่องกินข้าวนั้นไม่เป็นไรหรอก สามารถรอได้ แต่ว่าความหอมหวานและความสามัคคีของครอบครัวคนทั้งสามควรค่าต่อการได้รับความเคารพจากทุกคน
“คุณย่าคะ แด๊ดดี้เป็นหนักหรือเปล่า?”
กมลได้ยินว่าบุริศร์ได้รับบาดเจ็บก็แทบจะไม่สนใจว่ากำลังโกรธแล้วรีบวิ่งออกมาเลย
คุณนายตระกูลโตเล็กอุ้มเธอขึ้นมาแล้วพูดว่า : “คุณพ่อไม่เป็นไรแล้วล่ะจ้ะ อีกสักพักลงมาเล่นกับกมลได้แล้ว แต่กมลเล่นซนไม่ได้แล้วนะ”
“ได้เลยค่ะ ถ้าหากว่าหนูทำผิด แล้วสารภาพกับแด๊ดดี้ตอนนี้ แด๊ดดี้จะยกโทษให้หนูไหมคะ?”
กมลทำท่าไม่รู้จะทำอย่างไรดี มันทำให้หญิงชราเกิดความอยากรู้อยากเห็น
เธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ปกติก็ไม่ค่อยจะทำอะไรมากนัก ถึงแม้จะทำเรื่องผิดก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรอกมั้ง?
คุณนายตระกูลโตเล็กยิ้มและพูดว่า : “ไม่หรอกจ้ะ ขอเพียงกมลสารภาพทุกอย่างด้วยความซื่อสัตย์ คุณพ่อไม่มีทางโทษกมลหรอกจ้ะ”
“จริงเหรอคะ?”
“แน่นอนจ้ะ!”
คุณนายตระกูลโตเล็กสาบานอย่างน่าเชื่อถือ แต่ในตอนที่กมลดึงเธอไปยังห้องดอกไม้และบอกว่าตัวเธอทำผิดเรื่องอะไรนั้น คุณนายตระกูลโตเล็กแทบอยากจะทุบเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ให้ตายจริงๆ!
จะหนึ่งหรือสองต้น ไม่มีสักต้นที่รอดพ้นจากการเป็นของเล่น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
ตอนต่อไปจนจบ หาอ่านได้ที่ไหนคะ...