บทที่ 381 ความรู้สึกที่โดนคนตามใจอยู่ มันดีมากเลย
“ตุลยา คุณไม่ได้ฟังมาผิดไปใช่ไหม? นรมนจะไปลงมือกับคุณน้าคิมได้ยังไงกัน? นี่มันไม่มีทางเป็นไปได้แน่”
คำพูดของไมค์ทำให้ตุลยารู้สึกโมโหขึ้นมาทันเลย
เธอผลักไมค์ออกทีหนึ่ง แล้วพูดอย่างโหดร้ายขึ้นมาว่า “คุณกำลังสงสัยฉันเหรอ? หรือว่ากำลังรู้สึกว่าฉันใส่ร้ายเธอเหรอ? เรื่องใหญ่ขนาดนี้ฉันจะเอามาพูดเล่นง่าย ๆ ได้ยังไงกัน? แม่ฉันก็จากไปแล้ว! ตอนนี้ก็แม่ตัวคนเดียวก็ไม่รู้ว่าไปถึงไหนแล้ว ร่างกายของแม่ก็อ่อนแอซะขนาดนั้น ทำไมคุณถึงได้ยังพูดเข้าข้างเธอได้อีก? ถ้าเธอไม่มีทางทำแบบนี้ แล้วเป็นฉันเหรอที่เป็นคนทำ?”
ตุลยาร้องไห้จนน้ำตาราวกับหยอดน้ำฝนที่อยู่บนดอกลูกแพร์ ร้องจนทำให้ไมค์ไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไงดี
“เอาล่ะ ๆ เพราะผมไม่รู้จักพูดเอง เป็นความผิดของผมเอง คุณอย่าโกรธเลยนะ หยุดร้องไห้เถอะ หรือไม่ผมไปตามหาคุณน้าคิมเป็นเพื่อนคุณก็แล้วกัน”
“คุณพูดเองนะ คุณจะช่วยฉันตามหาใช่ไหมคะ?”
ตุลยาจับข้อมือของไมค์เอาไว้แน่น ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง
พอโดนผู้หญิงที่ตัวเองชอบจ้องมองแบบนี้แล้ว ก็แน่นอนว่าไมค์จะต้องทุ่มเทสุดแรงกายแรงใจแน่ ๆ
“ใช่ ผมจะช่วยคุณแน่ ผมจะไม่ทำงานอะไรเลย ไม่ว่าจะเรื่องอะไรผมก็จะช่วยคุณทั้งนั้น”
“งั้นก็ดีเลย คุณไปช่วยฉันตรวจสอบดูหน่อยว่าแม่ของฉันไปไหนแล้ว? ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็จะต้องตามหาแม่ให้เจอให้ได้”
“ได้ ผมจะไปตรวจสอบให้ คุณลุกขึ้นมาก่อนนะ พวกเรากลับโรงแรมกันก่อนเถอะ คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก ผมวางใจไม่ได้”
ไมค์มองดูถนนที่มีผู้คนสัญจรไปมา แล้วก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
ในสายตาของเขานั้น ตุลยาเป็นหญิงสาวที่อ่อนแอที่สุดคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเอาแต่ใจตัวเองและหยิ่งไปบ้าง แต่ว่าพอมาถึงเมืองชลธีแล้ว ก็ได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจไปไม่น้อยเลยทีเดียว และแน่นอนว่าความน้อยเนื้อต่ำใจเหล่านี้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ตุลยาเล่าให้ไมค์ฟังเอง
เขาไม่เคยรู้สึกเลยว่าตุลยาจะพูดโกหกกับตัวเอง
ตุลยาไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่ปล่อยให้ไมค์พาเธอกลับไปที่โรงแรม
หลังจากที่ไมค์จัดแจงเรื่องของตุลยาเรียบร้อยแล้ว ตัวเองก็รีบไปตรวจสอบเรื่องของคุณน้าคิม แต่ตุลยากลับยังคิดอยู่แต่ว่าจะทำยังไง ถึงจะได้บังเอิญเจอกับคุณนายทวีทรัพย์ธาดาสักครั้งหนึ่งได้?
ไม่ว่าจะยังไง คุณนายทวีทรัพย์ธาดาก็เป็นที่พึ่งของเธอที่เมืองชลธี ถ้าหากว่าคุณนายทวีทรัพย์ธาดาก็ไม่สนใจเธอแล้ว เธอจะพึ่งใครได้อีก?
ตุลยาคิดวิธีดี ๆ ไม่ออกสักวิธีเลย แต่พอเธอนึกถึงของที่อยู่ในมือแล้ว ก็รีบออกไปจากโรงแรมโดยด่วน จากนั้นก็ออกไปข้างนอก
หลังจากนรมนและบุริศร์กินข้าวที่บ้านใหญ่ตระกูลโตเล็กเสร็จแล้ว จากนั้นก็ดื่มด่ำอยู่กับความสุขของครอบครัวไปพักหนึ่ง บุริศร์รอให้นรมนตื่นมา แล้วก็เอาคู่มือการท่องเที่ยวมาไว้ตรงหน้าเธอ ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ลองดูซิ สถานที่แรกเราจะไปที่ไหนกันดี?”
“วีซ่าอนุมัติลงมาแล้วเหรอคะ?”
“ใกล้แล้ว อีกไม่กี่วันนี้แหละ”
คำพูดของบุริศร์ ทำให้อารมณ์ของนรมนดีตามขึ้นมาด้วย
ถ้าหากสามารถไปจากที่นี่ได้ และออกไปเดินเที่ยวเล่นข้างนอกบ้าง ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกัน
“ถามพวกลูก ๆ หรือคะ ยังว่าอยากไปไหนกัน?”
“ยัง ก็ต้องดูความต้องการของคุณก่อนซิ”
บุริศร์เอาตัวนรมนมากอดไว้ในอ้อมกอด
นรมนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ให้พวกเด็ก ๆ เป็นคนตัดสินใจกันเถอะ ฉันอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่ได้อยู่กับพวกคุณ ที่ไหนก็คือสวรรค์ทั้งนั้น”
“โอ๊ย ปากเล็ก ๆ นี่หวานซะ มาให้ผมดูหน่อยซิ กินอะไรเข้าไปหรือเปล่า? ทำไมถึงได้หวานขนาดนี้?”
บุริศร์พูดไปแล้วก็มองไปที่เรียวปากของนรมน
นรมนยิ้มแล้วขยับตัวหลบหนี
“อย่าเล่นซิคะ!”
“คุณอย่าหนีซิ เร็ว มาให้ผมดูหน่อย”
บุริศร์รู้สึกสนุกขึ้นมา และจะใกล้เข้าไปให้ได้ จนทำให้จิตใจของนรมนเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ขึ้นมาทันทีอย่างรวดเร็ว
“คุณอย่าซิ คุณ…… อุ๊บ……”
ยังไม่รอให้เธอพูดจบ บุริศร์ก็ประทับจูบลงมาโดยตรงเลย
จูบที่อ่อนโยนนั้นทำให้นรมนรู้สึกมึนเมา เธอโอบกอดรอบคอของบุริศร์ไว้อย่างไม่รู้ตัว
ลมหายใจของบุริศร์เร็วและแรงขึ้น ดูเกือบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว เขาจึงรีบผลักนรมนออกทีหนึ่ง แล้วหอบหายใจแรงขึ้น
ไม่ว่าจะยังไง นรมนก็มีความนิ่งอึ้งอยู่เล็กน้อย แต่ว่าอย่างรวดเร็วก็เข้าใจถึงบางอย่างแล้ว
“ยังไม่ไหวอีกเหรอคะ?”
“ผมขอโทษ!”
บุริศร์รีบพุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำ และเอาน้ำเย็นราดตัวอย่างรวดเร็วเลย
ในดวงตาของนรมนมีแววผิดหวังกะพริบขึ้นเสี้ยวหนึ่ง หรือว่าร่างกายของบุริศร์จะไม่มีทางฟื้นฟูกลับมาแล้วเหรอ?
เธอกำลังกังวลอย่างหนักหน่วง แต่บุริศร์กลับเลือดร้อนสูบฉีดอย่างแรง
เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว
บุริศร์รู้สึกว่าจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
ถ้าวันไหนเกิดไม่ไหวขึ้นมาจริง ๆ แล้วจะทำยังไง?
แต่ว่าตอนนี้ร่างกายของนรมนยังรับไม่ไหว
รออีกหน่อยเถอะ
รออีกสักสิบวันหรือครึ่งเดือนก่อนดีกว่า ถ้าเขาไม่ไหวจริง ๆ ก็ใส่ถุงละกัน ไว้ถึงตอนนั้นเขาเบาแรงหน่อยก็พอแล้ว
ได้แต่คอยปลอบใจตัวเองอยู่แบบนี้ พออยู่ภายใต้การโดนน้ำเย็นสาดใส่แล้ว บุริศร์ก็ค่อย ๆ สงบลงมา
รอตอนที่เขาออกมานั้น นรมนก็ไม่อยู่แล้ว จนทำให้เขาเกิดกลัวขึ้นมาว่านรมนจะคิดอะไรมากไปหรือเปล่า จึงรีบร้อนออกตามหาขึ้นมา แล้วถึงได้พบว่านรมนกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ในห้องครัว
ไม่ว่าจะมากหรือน้อยเขาก็มีความรู้สึกไม่ดีอยู่บ้าง
คงจะไม่ใช่ยาอะไรนั่นอีกแล้วใช่ไหม?
พอนึกถึงอันนี้ขึ้นมา บุริศร์ก็รู้สึกว่านี่คือการทรมานที่หอมหวานชัด ๆ
เขาพิงอยู่ที่ข้างประตู และก็จ้องมองดูนรมนที่ยุ่งวุ่นวายอยู่อย่างนั้น มุมปากก็คลี่ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ท่าทางเหมือนว่ารักและเอ็นดูมาก
นรมนรู้สึกตัวว่าข้างหลังมีคนอยู่ แล้วก็ค่อย ๆ หันหน้าไป แล้วถึงเพิ่งจะเห็นว่าบุริศร์ยืนอยู่ตรงนั้น เธอก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาไม่มากก็น้อย จึงรีบใช้ร่างกายมาบดบังหม้อเอาไว้
“คุณลงมาทำไมกันคะ?”
“ไม่ต้องบังแล้ว ถึงคุณจะไม่ให้ผมเห็น แต่ว่าจมูกของผมก็ยังสามารถดมได้กลิ่นอยู่ดี”
บุริศร์พูดแล้วก็เดินเข้าไป แล้วก็กอดตัวนรมนจากข้างหลังไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...