บทที่ 383 ตระกูลโตเล็กของเราจะไม่มีทางยอมจบง่าย ๆ แน่
ตกลงนี่เป็นใครที่ไหนกัน ที่มีความแค้นใหญ่หลวงขนาดนี้กับเธอ? ถึงขนาดจะต้องใส่ร้ายเธอขนาดนี้เลยเหรอ?
นรมนคิดไม่ตก และตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะต้องมาคิดเรื่องพวกนี้ด้วย
เธอมองดูเจตต์ แล้วพูดอย่างเยือกเย็นขึ้นว่า “คุณยังคิดว่าฉันเป็นเพื่อนหรือเปล่า? หรือว่าตอนนี้คุณก็รู้สึกว่าฉันสกปรกมากเลยเหรอ?”
“ไม่ ผมเชื่อว่านั่นไม่ใช่รูปเปลือยของคุณ จริง ๆ นะ ผมเชื่อจริง ๆ นะ ว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น”
เจตต์จ้องมองดูนรมน แล้วอยู่ ๆ ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนรมนมีท่าทางหมดสภาพไม่รู้จะทำยังไงแบบนี้ เมื่อก่อนไม่ว่าจะเจอเรื่องใหญ่แค่ไหน นรมนก็สามารถเผชิญหน้าด้วยรอยยิ้มได้ทั้งนั้น แต่มาวันนี้เขาถึงเพิ่งจะรู้สึกได้ว่าไม่ว่ายังนรมนก็ยังเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ดี แล้วพอต้องมาเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้ เธอก็ยังโดนโจมตีจนพ่ายแพ้อยู่ดี
เขาอยากจะเอาตัวนรมนมากอดไว้ในอ้อมกอดแล้วปลอบโยนเธอดี ๆ สักหน่อย แต่ว่าเขาไม่กล้า และเขาก็รู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์นั้นด้วย ถ้าหากว่าวันนี้เขาทำลงไปจริง ๆ ชาตินี้ทั้งชาตินรมนก็คงจะไม่มีทางให้อภัยเขาแน่
เจตต์จ้องมองนรมนอย่างระมัดระวัง
นรมนครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “ฉันต้องการที่พักอาศัยสักแห่งอาศัยอยู่ไม่กี่วัน แต่ว่าที่แห่งนี้นอกจากคุณแล้ว ห้ามใครรู้เด็ดขาด”
“บุริศร์ก็รู้ไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้ โดยเฉพาะเขา ช่วงนี้ฉันไม่อยากจะเจอเขา”
คำพูดของนรมนทำให้เจตต์รู้สึกอยากจะพูดอะไรบ้าง แต่ว่าพอเห็นท่าทีของนรมนในตอนนี้แล้ว เขาหุบปากไว้จะดีกว่า
ไม่ว่าจะพูดยังไง ตอนนี้นรมนยังเชื่อเขาอยู่ มาถึงเวลาแบบนี้แล้ว เธอสามารถให้ตัวเองช่วยเธอหาที่อยู่อาศัยสักที่ ก็สามารถมองออกได้แล้วว่านรมนกำลังไร้หนทางที่จะเดินแล้ว
ใจของเจตต์เจ็บปวดจะตายอยู่แล้ว จึงรีบพยักหน้าและพูดขึ้นว่า “ผมมีที่ดี ๆ อยู่ที่หนึ่งสามารถให้คุณอยู่อาศัยได้ แต่ว่ามันวุ่นวายนิดหน่อย คนที่อยู่ที่นั่นหลากหลายมาก คนทั่วไปคงนึกไม่ถึงหรอกว่าคุณจะไปอยู่ในที่แบบนั้นได้”
“ไปที่นั่นแหละ”
เธอในตอนนี้ยังมีสิทธิ์อะไรมาคิดว่าตัวเองสูงส่งอีกเหรอ
นรมนขอแค่ให้มีที่ให้ตัวเองอยู่สักแห่ง ที่ที่สามารถหลบบุริศร์ได้ก็พอแล้ว
ตอนนี้คนที่เธอไม่อยากจะเจอมากที่สุดก็คือบุริศร์
เจตต์รีบพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเราจะไปตอนนี้เลย หรือว่ารออีกสักพักล่ะ?”
“ไปตอนนี้เลย”
แม้แต่วินาทีเดียวนรมนก็รอไม่ไหวแล้ว
เธอกลับไปไม่ได้แล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าที่บ้านตระกูลโตเล็กจะโดนนักข่าวห้อมล้อมไว้หมดหรือยัง
พอคิดถึงคุณนายตระกูลโตเล็กคนนั้นที่รักและเอ็นดูตัวเอง แล้วตัวเองนำพาแรงกระทบมาให้ท่านมากขนาดนี้ เธอรู้สึกผิดมากจริง ๆ เลย แต่ว่ามีเพียงแต่เธอต้องออกมาจากตระกูลโตเล็กเท่านั้น ตระกูลโตเล็กถึงจะไม่โดนผลกระทบไปด้วย
ช่วงก่อนหน้านั้นที่เป็นวันเกิดของเธอ บุริศร์ยังขอเธอแต่งงานต่อหน้าผู้คนทั้งเมืองชลธี งานแต่งของพวกเขา คุณนายตระกูลโตเล็กยังมาลงมือจัดการเองให้พวกเขาทั้งหมด เมื่อก่อนรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขนาดไหน ตอนนี้ก็รู้สึกอนาถขนาดนั้นแล้ว
นรมนลุกยืนขึ้นมาจากพื้น แล้วมองไปที่เจตต์และพูดขึ้นว่า “ที่คุณนี่ มีเครื่องปริ้นเอกสารไหม?”
“มี!”
“พาฉันไปหน่อย”
ตอนนี้แค่นรมนออกคำสั่งครั้งหนึ่ง เจตต์ก็จะขยับเขยื้อนครั้งหนึ่ง อย่างกับว่ากลัวนรมนจะเป็นอะไรขึ้นมา
นรมนในวันนี้ดูไม่ปกติ เขารู้สึกไม่ค่อยเข้าใจว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
โทรศัพท์ที่อยู่ข้างกายดังอยู่ตลอด แต่ว่าเจตต์กลับไม่มีใจอยากจะรับ จิตใจทั้งหมดล้วนอยู่ที่ตัวนรมน
นรมนเดินมาถึงหน้าคอมพิวเตอร์ แล้วเปิดไฟล์ขึ้นมา และเริ่มพิมพ์สัญญาการหย่าร้างขึ้นมา
ในตอนที่เจตต์เห็นสัญญาการหย่าร้างนั้น ตัวทั้งตัวก็มึนงงไปเลย
“นรมน คุณกำลังทำอะไรน่ะ? เรื่องอะไรจะไม่สามารถแก้ไขได้เหรอ? มันถึงกับยังต้องหย่าเลยเหรอ?”
“คุณกลัวบุริศร์จะมาหาเรื่องยุ่งยากกับคุณเหรอ?”
น้ำเสียงของนรมนฟังดูไร้คลื่นลมใด ๆ เหมือนอย่างกับบ่อน้ำร้างบ่อหนึ่ง จนทำให้คนปวดใจ
นรมนคนก่อนที่ส่องประกายต้องตาคนนั้น เหมือนกับว่าจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว
แล้วอยู่ ๆ เจตต์ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาบ้าง
เขายินยอมที่จะเห็นนรมนคนเก่าคนนั้น ยินยอมที่เธอจะไม่อยู่ข้างกายเขา ยินยอมแบกรับท่าทางที่เธอมีความสุขอยู่กับบุริศร์ทุกวัน ก็ไม่อยากจะเห็นนรมนในวันนี้ที่เหมือนกับว่าโดนสูบวิญญาณทั้งหมดไปแล้ว เหลือทิ้งไว้แต่เพียงร่างไร้วิญญาณร่างหนึ่งเท่านั้น เป็นแบบนั้นยังจะดีซะกว่า
“ผมไม่กลัว! บุริศร์มาหาเรื่องยุ่งยากกับผมก็ไม่ใช่วันสองวันแล้ว ผมจะไปกลัวเขาทำไม? และที่สำคัญเขาก็ไม่กล้าทำอะไรผมจริง ๆ หรอก ผมเพียงแต่แค่เป็นห่วงคุณ นรมน ชีวิตคนชาติหนึ่งนั้นไม่ใช่ง่าย ๆ แล้วอยากจะรักษาครอบครัวหนึ่งไว้ให้ดีนั้นยิ่งยาก นี่ตกลงคุณเป็นอะไรกันแน่? ถึงกลับจะต้องหย่าเลยเหรอ? คุณคิดว่าบุริศร์จะยอมเห็นด้วยเหรอ?”
“เขาไม่ยอมก็ไม่ได้แล้ว”
หัวใจของนรมนกำลังเลือดไหล ตัวทั้งตัวกำลังตัวสั่นและหดเกรงแล้ว
“รูปถ่ายพวกนั้นโดนคนปล่อยลงในอินเทอร์เน็ตแล้ว คาดว่าตอนนี้คนทั้งเมืองชลธีคงจะเห็นแล้ว ตอนนี้ฉันกลายเป็นผู้หญิงร่าน คนชั้นต่ำที่ใคร ๆ ก็ต้องร้องตะโกนให้ตีแล้ว ถ้าฉันไม่หย่า ตระกูลโตเล็กจะทำยังไงล่ะ? แล้วลูก ๆ ของฉันจะทำยังไง? มีเพียงแต่หย่าเท่านั้น เรื่องนี้ถึงจะกลายเป็นเรื่องของฉันคนเดียว แต่ไม่ได้เป็นเรื่องของตระกูลโตเล็ก!”
คำพูดของนรมนทำให้เจตต์นิ่งอึ้งไปทันที
“เป็นไปได้ยังไงกัน? รูปถ่ายโดนบุริศร์ลบไปหมดแล้วนี่ ทำไมถึงยังโดนปล่อยลงในอินเทอร์เน็ตได้ล่ะ? นี่ตกลงใครเป็นคนทำกันเนี่ย?”
“ถ้าผมรู้ว่าเป็นใครแล้วละก็ ผมจะต้องสับมันให้เป็นหมื่น ๆ ชิ้นแน่!”
อยู่ ๆ ดวงตาของนรมนก็หรี่ตาลง ความโกรธเกลียดในดวงตากะพริบผ่านไป
ในตอนที่เจตต์ยังอยากจะพูดอะไรนั้น นรมนก็เริ่มพิมพ์สัญญาการหย่าร้างแล้ว
แต่ทางด้านบุริศร์นั้น หลังจากที่คุยโทรศัพท์กับตรินท์จบแล้ว ก็ได้รับโทรศัพท์ของพฤกษ์โทรเข้ามา
“ประธานบุริศร์ แย่แล้วครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ”
“มีอะไร? อยู่กับฉันมานานขนาดนี้แล้ว ทำงานยังหยาบกระด้างแบบนี้อีกเหรอ? ฟ้าถล่มหรือว่าดินทลายแล้วหรือไง? ถึงได้ทำให้นายตื่นตระหนกทำตัวไม่ถูกแบบนี้?”
อารมณ์ของบุริศร์นั้นดีมาก ยังมีอารมณ์มาล้อเล่นกับพฤกษ์อีก ทางด้านนี้หลังจากที่คุยโทรศัพท์กับตรินท์จบแล้ว ก็บิดขี้เกียจทั้งตัวทีหนึ่ง
พอพฤกษ์ได้ยินคำพูดของบุริศร์แบบนี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะรีบพูดขึ้นมาว่า “ประธานบุริศร์ครับ คุณรีบเปิดคอมพิวเตอร์เถอะครับ ตอนนี้ในโลกออนไลน์ของเมืองชลธีคงจะเป็นอัมพาตไปแล้ว”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...