แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 395

บทที่ 385 สิ่งที่เหลืออยู่ก็ดูคุณแล้ว

กานต์เป็นคนที่ได้รับข่าวว่านรมนเกิดเรื่องก่อนคนแรก

หลังจากที่บุริศร์ออกจากบ้านไปอย่างเร่งรีบ คุณนายตระกูลโตเล็กก็เรียกพวกเขาพี่น้องทั้งสามคนมาเล่นด้วยกัน แล้วในตอนที่พูดว่าจะทำกิจกรรมอะไรที่เล่นเกมพี่น้องแท้ ๆ กันนั้น กานต์ก็รู้สึกไม่ปกติแล้ว

ปกติคุณนายตระกูลโตเล็กก็ชอบหยอกล้อเล่นกันกับพวกเขา แต่ว่าจริงจังและเคร่งครัดแบบนี้ก็พบได้ไม่บ่อยนัก

กานต์เป็นเด็กที่เจ้าสังเกต พอหลังจากที่เล่นกับคุณนายตระกูลโตเล็กไปได้สักพักหนึ่ง เขาก็รู้สึกได้ว่าคุณนายตระกูลโตเล็กนั้นสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในตอนที่เขาอ้างว่าไปเข้าห้องน้ำนั้น ก็ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาและเข้าอินเทอร์เน็ตดู

ถึงแม้ว่ารูปถ่ายที่ไม่ดีพวกนั้นจะถูกตระกูลโตเล็กบีบลงไปแล้ว แต่ว่าข่าวเสีย ๆ หาย ๆ พวกนั้นก็ยังคงโบยบินอยู่เต็มท้องฟ้า ชั่วขณะหนึ่งดวงตาของกานต์ก็แดงขึ้นมาเลย

ตกลงเป็นใครกันที่กำลังใส่ร้ายหม่ามี้อยู่?

แล้วตัวหม่ามี้ล่ะ?

แล้วเขาถึงเพิ่งจะนึกออกว่า เริ่มตั้งแต่ไม่นานมานี้ก็เหมือนว่าจะไม่เห็นตัวหม่ามี้แล้ว

และคิดต่อไปอีกครู่หนึ่ง ท่าทางที่บุริศร์รีบร้อนออกไป กานต์ก็รู้แล้วว่านรมนจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแล้วแน่นอน

มือของกานต์สั่นขึ้นมาไม่มากก็น้อย

เขาเดินออกไปจากห้องน้ำ แล้วเดินไปถึงหน้าคุณนายตระกูลโตเล็กและถามออกไปตรง ๆ ว่า “คุณย่าครับ หม่ามี้ของผมล่ะครับ?”

คำพูดนี้ทำให้คุณนายตระกูลโตเล็กนิ่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง แต่ว่าก็กลับยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “แด๊ดดี๊และหม่ามี้ของเธอมีธุระออกไปแล้ว ต้องรอดึก ๆ หน่อยถึงจะกลับมา”

“หม่ามี้ออกจากบ้านไปตัวคนเดียวใช่ไหมครับ? แด๊ดดี้ไปตามหาหม่ามี้แล้วใช่ไหมครับ?”

คำถามของกานต์ทำให้คุณนายตระกูลโตเล็กไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับยังไงดี

กมลกะพริบตาดวงโต ๆ แล้วถามขึ้นอย่างมึนงงว่า “แด๊ดดี้กับหม่ามี้ไม่ได้ออกไปพร้อมกันเหรอคะ? พี่ชาย พี่รู้ได้ยังไงเหรอ?”

กานต์มองท่าทางของกมลแล้วก็ไม่อาจจะพูดอะไรต่อไปได้ คงจะให้กมลรู้เรื่องพวกนี้ไม่ได้หรอกมั้ง

“ไม่มีอะไร ฉันก็แค่อยากจะถามเฉย ๆ”

แต่ว่าคุณนายตระกูลโตเล็กรู้ว่าหลานคนนี้ จะต้องไม่ใช่แค่ถามเฉย ๆ ง่าย ๆแบบนั้นแน่ เธอมองเห็นโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของกานต์ แล้วก็เข้าใจทุกอย่างขึ้นมาทันที

“กานต์ พาพี่ชายและน้องสาวเล่นอยู่ในบ้านสักพักนะ ช่วงนี้ข้างนอกไม่ค่อยสงบสุข อย่าให้พวกเขาออกไปรู้ไหม? หนูเป็นเด็กที่ฉลาดคนหนึ่ง ย่ารู้ว่าหนูจะต้องเข้าใจว่าควรจะทำยังไง”

กานต์พยักหน้า

เขาวางโทรศัพท์ลง แต่ว่าไม่ว่ายังไงอารมณ์ก็ยังดูหนักหน่วงอยู่เล็กน้อย และก็เล่นได้ไม่ค่อยสนุกนัก

กลมเป็นคนที่ไม่มีหัวจิตหัวใจ ขอแค่มีคนเล่นด้วยกันกับเขาก็พอแล้ว

คุณนายตระกูลโตเล็กสั่งให้คนรับใช้ระงับการใช้อินเทอร์เน็ต และในบ้านแม้แต่ทีวีก็ยังไม่ให้เปิด

กิจจาก็รู้สึกผิดปกติอยู่บ้าง แต่ว่าภายใต้บรรยากาศแบบนี้ เมื่อกานต์ยังไม่พูดอะไรเลย แน่นอนว่าเขาก็ต้องไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ อยู่แล้ว

และแน่นอนว่าทางด้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็รู้ข่าวคราวนี้แล้ว

ในตอนที่คุณนายทวีทรัพย์ธาดาเห็นรูปถ่ายพวกนี้เข้ามาสู่สายตานั้น ก็โกรธจนทุบข้าวของเลย

“ยังดีที่ฉันเห็นทางสว่างก่อน รู้จักไล่ยัยคนนอกคอกนี่ออกจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไปก่อน ไม่งั้นไม่รู้ว่าตอนนี้ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจะโดนคนเยาะเย้ยถึงขนาดไหนแล้ว พวกเธอดูซิ นี่มันเรื่องอะไรกัน! นี่มันช่างขายหน้ามากเลย! ยัยนรมนคนนี้ ตัวเองไม่เอาหน้าก็แล้วแต่ แต่กลับยังโดนคนถ่ายรูปไว้อีก นี่มันช่างไร้ยางอายจริง ๆ! นี่ยังดีที่คิมจากไปแล้ว ไม่งั้นนี่คงจะโดนเธอทำให้โกรธจนตายแน่”

“คุณนาย เรื่องนี้คงจะไม่ใช่เรื่องจริงหรอกมั้ง ฉันว่าคุณนรมนไม่เหมือนว่าจะเป็นคนแบบนั้น”

คนรับใช้เก่าทางด้านนี้อดไม่ได้ที่จะพูดมาประโยคหนึ่ง

“ไม่ใช่คนแบบนี้เหรอ? ไม่ใช่คนแบบนี้ แล้วยังจะมีคนมาใส่ร้ายเธออย่างงั้นเหรอ? รูปถ่ายที่หน้าไม่อายแบบนี้ คนทำไมไม่เอาไปใส่ร้ายคนอื่นล่ะ? โอ๊ย นี่ตาฉันก็จะบอดแล้ว เธอดูซินี่มันผู้ชายตั้งกี่คนแล้ว แล้วเธอมาดูบนอินเทอร์เน็ตนี่อีกซิ เขียนอะไรไว้บ้างแล้ว หน้าแก่ ๆ ของฉันนี่ถือได้ว่าโดนเหยียบไว้บนพื้นแล้ว!”

“คุณนาย ที่ข้างนอกก็ไม่ได้มีคนเท่าไหร่ที่รู้ว่าคุณนรมนมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาของเรา และที่สำคัญคุณก็พูดไปแล้ว ว่าเธอไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาของเราแล้ว คุณยังจะโกรธอะไรอีกละคะ?”

“ทำไมฉันจะไม่โกรธล่ะ? พูดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้วก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริง ๆ เหรอ? เลือดที่ไหลเวียนอยู่บนตัวเธอไม่ใช่เลือดของชินทรเหรอ? แล้วถ้าหากพ่อของเธอรู้เข้า ก็คงยังจะต้องคลานออกมาจากสุสานมาตีเธอให้ตายแน่! ยัยคนไม่รู้จักยางอาย! เอาแต่ทำเรื่องที่ให้ตระกูลเสื่อมเสีย เธอพูดมาซิ มีลูกสาวบ้านไหนที่มีหน้าตาเหมือนอย่างกับเธอบ้าง? คนแบบนี้ยังจะมีหน้ามีตาอีกเหรอ? ฉันถึงว่าทำไมถึงสามารถเอาชีวิตของแม่แท้ ๆ มาเป็นเหยื่อล่อได้ ที่แท้ตัวเองก็เป็นของที่ไม่รู้จักยางอายตั้งแต่แรกแล้ว!”

คุณนายตระกูลทวีทรัพย์ธาดายิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ จนสุดท้ายต้องทุบทุกอย่างที่สามารถทุบได้รอบตัว อารมณ์ถึงพอจะเย็นลงได้บ้าง

และแน่นอนว่าธรณีก็รู้ข่าวเรื่องนี้แล้ว แต่จะกลับมาจากเมืองนอกนั้นต้องใช้เวลา เขาโทรศัพท์ให้นรมน แต่ก็น่าเสียดายที่โทรศัพท์ของนรมนโทรไม่ติดตลอดเลย เมื่อไม่มีทางแล้ว ธรณีจึงได้แต่ใช้ความสัมพันธ์ของตระกูลทวีทรัพย์ธาดามาบีบให้ข่าวนี้สยบลงไป แต่ไม่รู้ทำไมพอเพิ่งจะบีบลงไปได้ไม่นาน ข่าวคราวก็ระเบิดขึ้นมาอีกครั้งแล้ว

สื่อโทษว่าตระกูลโตเล็กใช้อำนาจรังแกคน ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตน นำพาข้อกังขาอย่างใหญ่หลวงมาให้กับตระกูลโตเล็ก

บุริศร์นั้นไม่สนใจเลยสักนิด

คนทั้งหมดต่างก็กำลังวุ่นวายกับเรื่องของนรมนอยู่

พอตุลยาเห็นภาพสถานการณ์แบบนี้แล้ว ก็ถือได้ว่าสามารถสะใจได้สักครั้งหนึ่งแล้ว

“นรมน ฉันจะดูว่าเธอยังจะพลิกตัวกลับมายังไงได้อีก เธอมีคนคอยคุ้มครองอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ว่าตัวเองรู้สึกว่าได้ครอบครองผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกแล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่เชื่อหรอก ว่าใจของผู้ชายคนหนึ่งจะกว้างขนาดนี้ได้ ของที่เคยโดนคนเป็นพันเป็นทับคนเป็นหมื่นนอนมาแล้ว เขายังจะมาเอาอกเอาใจเธออย่างกับเป็นพลอยอีกเหรอ? ตัวเธอเองยังรู้จักเขียนหนังสือสัญญาหย่า แต่น่าเสียดาย ไม่ว่ายังไงเธอก็สู้ฉันไม่ได้หรอก”

“ตุลยา คุณเห็นหรือยัง? บนอินเทอร์เน็ตมีแต่ข่าวของนรมน คุณว่าตอนนี้บุริศร์จะเป็นทุกข์มากหรือเปล่า? หรือผมไปดูบุริศร์สักหน่อยดี คุณอยู่บ้านคนเดียวไปก่อนนะ อย่าไปไหนนะรู้ไหม? ข้างนอกมันวุ่นวายมาก ผมกลัวว่าคุณจะเกิดอะไรขึ้น”

พอตุลยาได้ยินว่าไมค์จะไปหาบุริศร์ ก็อดไม่ได้ที่จะจิตใจหวั่นไหวขึ้นมา

“รอก่อน ฉันไปกับคุณด้วยดีกว่า ฉันเองก็ค่อนข้างเป็นห่วงพี่เขยของฉัน พี่สาวของฉันเกิดเรื่องแบบนี้เข้า ก็ไม่รู้ว่าเขาจะร้อนใจจนเป็นยังไงบ้างแล้ว”

ตอนแรกไมค์อยากจะตอบตกลง แต่ว่าพอมาคิดถึงความไม่ถูกกันของบุริศร์และตุลยาแล้ว และตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาละเอียดอ่อนแบบนี้ เขาก็ยังคงพอมีสติอยู่นะ

“ครั้งหน้าเถอะ รอให้เรื่องนี้ซาลงไปหน่อย แล้วผมค่อยพาคุณไป พอถึงตอนนั้นทุกคนก็คงจะมีความสุขกันมากขึ้นแล้ว”

พอเห็นว่าไมค์ปฏิเสธตัวเองแล้ว ตุลยาก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาไม่มากก็น้อย

ผู้ชายคนนี้มักจะเป็นแบบนี้เสมอ มันทำให้คนไม่พอใจมากจริง ๆ

แต่ไม่ว่ายังไงตุลยาก็ยังคงต้องการความช่วยเหลือของไมค์อยู่ จึงก้มหน้าลงอย่างอดไม่ได้ต้อง และพูดอย่างน้อยใจขึ้นว่า “ฉันรู้แล้ว พี่เขยไม่ชอบหน้าฉัน เมื่อก่อนฉันอายุยังน้อยไม่รู้ความ พูดและทำเรื่องผิดไปบ้าง จนทำให้เขารู้สึกไม่ดีกับฉัน คุณไม่พูดฉันก็รู้ ก็ได้ ฉันไม่ไปแล้ว คุณไปดูเองคนเดียวเถอะ ถ้าหากว่าสามารถช่วยอะไรได้ก็รีบช่วยเลยนะ”

“คุณอย่าคิดมากเลย บุริศร์เขาก็เป็นคนแบบนี้ นรมนอยู่ในใจเขานั้นสำคัญมากเกินไป แล้ววันนี้ก็เกิดเรื่องแบบนี้เข้า ถ้าหากคุณไปแล้ว กลัวว่าคงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

พอไมค์เห็นว่าตุลยาเป็นทุกข์ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา แต่ว่าเขาก็ยังคงยืนหยัดตามหลักการของตัวเองอยู่

ตุลยาพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันรู้แล้วค่ะ ฉันไม่โทษคุณหรอก คุณรีบไปเถอะ อ๋อ ใช่แล้ว เวลาแบบนี้ พี่เขยจะต้องเป็นทุกข์ในใจมากแน่ แล้วคนอย่างเขาไม่ดื่มเหล้า ที่ฉันมีบุหรี่ดี ๆ อยู่ห่อหนึ่ง คุณเอาไปสูบกับเขาสักไม่กี่ม้วนเถอะ อย่างน้อยก็จะสามารถช่วยให้ผ่อนคลายได้บ้าง”

พูดแล้ว ตุลยาก็ล้วงบุหรี่ห่อหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก มันเป็นของนำเข้าจากญี่ปุ่น

ไมค์พูดขึ้นอย่างรู้สึกชื่นชมเล็กน้อยว่า “ในที่สุดคุณก็โตขึ้นแล้ว”

“รีบไปเถอะ!”

ตุลยาหลบมือของเขาออก แล้วก็ผลักไมค์ออกนอกประตูไป

ไมค์ก็ไม่กล้าเสียเวลา ไม่รู้ว่าทางด้านบุริศร์จะเป็นยังไงบ้างแล้ว จึงได้แต่รีบวิ่งไปอย่างรวดเร็วเลย

หลังจากที่ไมค์จากไปไม่นาน ตุลยาก็ออกจากไปข้างนอก ตามอยู่ข้างหลังไมค์ โทรศัพท์ที่อยู่ข้างมือก็กดโทรออกไปด้วย

“ฮัลโล? ฉันเอาของให้ไมค์แล้วนะ ขอแค่เขากับบุริศร์สูบ ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหาแล้ว ”

“อืม ที่เหลืออยู่ก็ดูคุณแล้ว!”

โทรศัพท์ของอีกฝ่ายวางไปแล้ว

ตอนที่ไมค์มาถึงทางด้านบุริศร์นั้น บุริศร์กำลังโกรธที่หานรมนไม่เจอ และร้อนใจจนหัวหมุนอยู่

“บุริศร์ เป็นยังไงบ้าง? ยังไม่มีข่าวคราวอีกเหรอ?”

การมาถึงของไมค์ทำให้บุริศร์รู้สึกแปลกใจอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่ว่าก็ยังคงพยักหน้าให้เล็กน้อย

“ใช่ ที่ที่ควรหา ที่ที่สามารถหาได้ฉันก็ไปหามาหมดแล้ว แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาของเธอเลย นายว่าเมืองชลธีก็กว้างแค่นี้ เธอจะสามารถไปไหนได้นะ? ตอนนี้สถานการณ์ก็เป็นอย่างนี้ แล้วเธอก็ยังมาตัดสัมพันธ์กับตระกูลโตเล็กอีก ไม่แน่คนมากมายอาจจะกำลังจ้องจะหาเรื่องเธออยู่ก็ได้”

สิ่งที่บุริศร์กลัวก็คือจุดนี้

พวกนักข่าวพวกนั้นช่างบ้าคลั่ง ถ้าเกิดว่าเจอกับนรมนเข้า จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมานั้น ไม่มีทางคาดคิดได้จริง ๆ

พอไมค์เห็นเขาร้อนใจแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะร้อนใจตามไปด้วย

“ตอนนี้เอาแต่ร้อนใจก็ไม่มีทางออกนี่ คนส่งออกไปหมดหรือยัง?”

“ส่งออกไปหมดแล้ว แต่ว่าข่าวแม้แต่นิดเดียวก็ไม่มี”

หัวคิ้วของบุริศร์ขมวดเข้าหากันแน่น

ไมค์ล้วงบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้กับบุริศร์และพูดขึ้นว่า “สูบสักม้วนเถอะ อย่างน้อยก็จะได้ผ่อนคลายอารมณ์บ้าง เรื่องนี้เรายังต้องวางแผนกันยาว ๆ อีก ไม่แน่เธออาจจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนก็ได้”

บุริศร์ไม่ได้ระแวงเขา จึงรับบุหรี่มาแล้วก็เริ่มสูบ

“รู้จักกับเธอมานานขนาดนี้ แม้แต่คมทิพย์ก็ยังหาเธอไม่เจอ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเธอจะสามารถซ่อนตัวอยู่ที่ไหนได้ ถ้าหากว่าตัวเธอซ่อนตัวเองไว้ก็ช่างเถอะ แต่ว่าถ้าโดนคนที่ไหนจับตัวไป หรือว่าเจอกับเรื่องอะไรอย่างอื่นเข้า ฉันไม่กล้าคิดถึงผลที่จะตามมาว่าจะเป็นยังไงเลยจริง ๆ”

พอคิดถึงพวกนี้แล้ว ใจของบุริศร์ก็เริ่มว้าวุ่นอยู่ไม่สุขมากขึ้นมาเลย

เขาสูบบุหรี่เข้าไปลึก ๆ คำหนึ่ง กลิ่นหอม ๆ หวาน ๆ ทำให้หัวคิ้วของเขาขมวดขึ้นเล็กน้อย

“นี่เป็นบุหรี่อะไรเหรอ?”

“ของนำเข้าจากญี่ปุ่น ฉันก็เพิ่งสูบครั้งแรกเหมือนกัน แต่ว่าทำไมรู้สึกว่าจะหวาน ๆ อยู่นิดหน่อยนะ?”

ผู้ชายอย่างไมค์กับบุริศร์แบบนี้ แน่นอนว่าไม่คุ้นเคยกับการสูบบุหรี่กลิ่นแบบนี้ แต่ว่าในเมื่อจุดติดขึ้นมาแล้ว ทั้งสองคนก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก มันก็แค่บุหรี่ม้วนหนึ่งก็เท่านั้น

แล้วบุริศร์ก็สูดเข้าไปอีกคำหนึ่ง และถามขึ้นลอย ๆ ว่า “นายชอบบุหรี่กลิ่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? นี่มันเป็นแบบที่ผู้หญิงสูบชัด ๆ คราวหน้าบุหรี่แบบนี้ไม่ต้องเอาให้ฉันแล้วนะ ฉันสูบไม่ไหว”

“นี่ไม่ใช่ของที่ฉันซื้อ ตุลยาเป็นคนให้ฉันเอง ฉันเห็นว่าเป็นบุหรี่จากญี่ปุ่นก็เลยรับเอาไว้เลย”

คำพูดของไมค์เพิ่งจะพูดจบ อยู่ ๆ บุริศร์ก็ตื่นตัวขึ้นมา

“นายว่าใครให้นายนะ?”

“ตุลยาไง ตุลยาน่ะ ทำไมเหรอ?”

ไมค์ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น บุริศร์ก็โยนบุหรี่ทิ้งไปแล้ว แต่ว่าเขาก็ยังคงรู้สึกถึงความวิงเวียนระลอกหนึ่ง

“ไมค์ แกนี่มัน!”

พอคำพูดนี้พูดจบลง ตัวเขาทั้งตัวก็เซไปทีหนึ่ง แล้วก็ล้มลงไปเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย