บทที่ 385 สิ่งที่เหลืออยู่ก็ดูคุณแล้ว
กานต์เป็นคนที่ได้รับข่าวว่านรมนเกิดเรื่องก่อนคนแรก
หลังจากที่บุริศร์ออกจากบ้านไปอย่างเร่งรีบ คุณนายตระกูลโตเล็กก็เรียกพวกเขาพี่น้องทั้งสามคนมาเล่นด้วยกัน แล้วในตอนที่พูดว่าจะทำกิจกรรมอะไรที่เล่นเกมพี่น้องแท้ ๆ กันนั้น กานต์ก็รู้สึกไม่ปกติแล้ว
ปกติคุณนายตระกูลโตเล็กก็ชอบหยอกล้อเล่นกันกับพวกเขา แต่ว่าจริงจังและเคร่งครัดแบบนี้ก็พบได้ไม่บ่อยนัก
กานต์เป็นเด็กที่เจ้าสังเกต พอหลังจากที่เล่นกับคุณนายตระกูลโตเล็กไปได้สักพักหนึ่ง เขาก็รู้สึกได้ว่าคุณนายตระกูลโตเล็กนั้นสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในตอนที่เขาอ้างว่าไปเข้าห้องน้ำนั้น ก็ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาและเข้าอินเทอร์เน็ตดู
ถึงแม้ว่ารูปถ่ายที่ไม่ดีพวกนั้นจะถูกตระกูลโตเล็กบีบลงไปแล้ว แต่ว่าข่าวเสีย ๆ หาย ๆ พวกนั้นก็ยังคงโบยบินอยู่เต็มท้องฟ้า ชั่วขณะหนึ่งดวงตาของกานต์ก็แดงขึ้นมาเลย
ตกลงเป็นใครกันที่กำลังใส่ร้ายหม่ามี้อยู่?
แล้วตัวหม่ามี้ล่ะ?
แล้วเขาถึงเพิ่งจะนึกออกว่า เริ่มตั้งแต่ไม่นานมานี้ก็เหมือนว่าจะไม่เห็นตัวหม่ามี้แล้ว
และคิดต่อไปอีกครู่หนึ่ง ท่าทางที่บุริศร์รีบร้อนออกไป กานต์ก็รู้แล้วว่านรมนจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแล้วแน่นอน
มือของกานต์สั่นขึ้นมาไม่มากก็น้อย
เขาเดินออกไปจากห้องน้ำ แล้วเดินไปถึงหน้าคุณนายตระกูลโตเล็กและถามออกไปตรง ๆ ว่า “คุณย่าครับ หม่ามี้ของผมล่ะครับ?”
คำพูดนี้ทำให้คุณนายตระกูลโตเล็กนิ่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง แต่ว่าก็กลับยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “แด๊ดดี๊และหม่ามี้ของเธอมีธุระออกไปแล้ว ต้องรอดึก ๆ หน่อยถึงจะกลับมา”
“หม่ามี้ออกจากบ้านไปตัวคนเดียวใช่ไหมครับ? แด๊ดดี้ไปตามหาหม่ามี้แล้วใช่ไหมครับ?”
คำถามของกานต์ทำให้คุณนายตระกูลโตเล็กไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับยังไงดี
กมลกะพริบตาดวงโต ๆ แล้วถามขึ้นอย่างมึนงงว่า “แด๊ดดี้กับหม่ามี้ไม่ได้ออกไปพร้อมกันเหรอคะ? พี่ชาย พี่รู้ได้ยังไงเหรอ?”
กานต์มองท่าทางของกมลแล้วก็ไม่อาจจะพูดอะไรต่อไปได้ คงจะให้กมลรู้เรื่องพวกนี้ไม่ได้หรอกมั้ง
“ไม่มีอะไร ฉันก็แค่อยากจะถามเฉย ๆ”
แต่ว่าคุณนายตระกูลโตเล็กรู้ว่าหลานคนนี้ จะต้องไม่ใช่แค่ถามเฉย ๆ ง่าย ๆแบบนั้นแน่ เธอมองเห็นโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของกานต์ แล้วก็เข้าใจทุกอย่างขึ้นมาทันที
“กานต์ พาพี่ชายและน้องสาวเล่นอยู่ในบ้านสักพักนะ ช่วงนี้ข้างนอกไม่ค่อยสงบสุข อย่าให้พวกเขาออกไปรู้ไหม? หนูเป็นเด็กที่ฉลาดคนหนึ่ง ย่ารู้ว่าหนูจะต้องเข้าใจว่าควรจะทำยังไง”
กานต์พยักหน้า
เขาวางโทรศัพท์ลง แต่ว่าไม่ว่ายังไงอารมณ์ก็ยังดูหนักหน่วงอยู่เล็กน้อย และก็เล่นได้ไม่ค่อยสนุกนัก
กลมเป็นคนที่ไม่มีหัวจิตหัวใจ ขอแค่มีคนเล่นด้วยกันกับเขาก็พอแล้ว
คุณนายตระกูลโตเล็กสั่งให้คนรับใช้ระงับการใช้อินเทอร์เน็ต และในบ้านแม้แต่ทีวีก็ยังไม่ให้เปิด
กิจจาก็รู้สึกผิดปกติอยู่บ้าง แต่ว่าภายใต้บรรยากาศแบบนี้ เมื่อกานต์ยังไม่พูดอะไรเลย แน่นอนว่าเขาก็ต้องไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ อยู่แล้ว
และแน่นอนว่าทางด้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็รู้ข่าวคราวนี้แล้ว
ในตอนที่คุณนายทวีทรัพย์ธาดาเห็นรูปถ่ายพวกนี้เข้ามาสู่สายตานั้น ก็โกรธจนทุบข้าวของเลย
“ยังดีที่ฉันเห็นทางสว่างก่อน รู้จักไล่ยัยคนนอกคอกนี่ออกจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไปก่อน ไม่งั้นไม่รู้ว่าตอนนี้ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจะโดนคนเยาะเย้ยถึงขนาดไหนแล้ว พวกเธอดูซิ นี่มันเรื่องอะไรกัน! นี่มันช่างขายหน้ามากเลย! ยัยนรมนคนนี้ ตัวเองไม่เอาหน้าก็แล้วแต่ แต่กลับยังโดนคนถ่ายรูปไว้อีก นี่มันช่างไร้ยางอายจริง ๆ! นี่ยังดีที่คิมจากไปแล้ว ไม่งั้นนี่คงจะโดนเธอทำให้โกรธจนตายแน่”
“คุณนาย เรื่องนี้คงจะไม่ใช่เรื่องจริงหรอกมั้ง ฉันว่าคุณนรมนไม่เหมือนว่าจะเป็นคนแบบนั้น”
คนรับใช้เก่าทางด้านนี้อดไม่ได้ที่จะพูดมาประโยคหนึ่ง
“ไม่ใช่คนแบบนี้เหรอ? ไม่ใช่คนแบบนี้ แล้วยังจะมีคนมาใส่ร้ายเธออย่างงั้นเหรอ? รูปถ่ายที่หน้าไม่อายแบบนี้ คนทำไมไม่เอาไปใส่ร้ายคนอื่นล่ะ? โอ๊ย นี่ตาฉันก็จะบอดแล้ว เธอดูซินี่มันผู้ชายตั้งกี่คนแล้ว แล้วเธอมาดูบนอินเทอร์เน็ตนี่อีกซิ เขียนอะไรไว้บ้างแล้ว หน้าแก่ ๆ ของฉันนี่ถือได้ว่าโดนเหยียบไว้บนพื้นแล้ว!”
“คุณนาย ที่ข้างนอกก็ไม่ได้มีคนเท่าไหร่ที่รู้ว่าคุณนรมนมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาของเรา และที่สำคัญคุณก็พูดไปแล้ว ว่าเธอไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาของเราแล้ว คุณยังจะโกรธอะไรอีกละคะ?”
“ทำไมฉันจะไม่โกรธล่ะ? พูดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้วก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริง ๆ เหรอ? เลือดที่ไหลเวียนอยู่บนตัวเธอไม่ใช่เลือดของชินทรเหรอ? แล้วถ้าหากพ่อของเธอรู้เข้า ก็คงยังจะต้องคลานออกมาจากสุสานมาตีเธอให้ตายแน่! ยัยคนไม่รู้จักยางอาย! เอาแต่ทำเรื่องที่ให้ตระกูลเสื่อมเสีย เธอพูดมาซิ มีลูกสาวบ้านไหนที่มีหน้าตาเหมือนอย่างกับเธอบ้าง? คนแบบนี้ยังจะมีหน้ามีตาอีกเหรอ? ฉันถึงว่าทำไมถึงสามารถเอาชีวิตของแม่แท้ ๆ มาเป็นเหยื่อล่อได้ ที่แท้ตัวเองก็เป็นของที่ไม่รู้จักยางอายตั้งแต่แรกแล้ว!”
คุณนายตระกูลทวีทรัพย์ธาดายิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ จนสุดท้ายต้องทุบทุกอย่างที่สามารถทุบได้รอบตัว อารมณ์ถึงพอจะเย็นลงได้บ้าง
และแน่นอนว่าธรณีก็รู้ข่าวเรื่องนี้แล้ว แต่จะกลับมาจากเมืองนอกนั้นต้องใช้เวลา เขาโทรศัพท์ให้นรมน แต่ก็น่าเสียดายที่โทรศัพท์ของนรมนโทรไม่ติดตลอดเลย เมื่อไม่มีทางแล้ว ธรณีจึงได้แต่ใช้ความสัมพันธ์ของตระกูลทวีทรัพย์ธาดามาบีบให้ข่าวนี้สยบลงไป แต่ไม่รู้ทำไมพอเพิ่งจะบีบลงไปได้ไม่นาน ข่าวคราวก็ระเบิดขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
สื่อโทษว่าตระกูลโตเล็กใช้อำนาจรังแกคน ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตน นำพาข้อกังขาอย่างใหญ่หลวงมาให้กับตระกูลโตเล็ก
บุริศร์นั้นไม่สนใจเลยสักนิด
คนทั้งหมดต่างก็กำลังวุ่นวายกับเรื่องของนรมนอยู่
พอตุลยาเห็นภาพสถานการณ์แบบนี้แล้ว ก็ถือได้ว่าสามารถสะใจได้สักครั้งหนึ่งแล้ว
“นรมน ฉันจะดูว่าเธอยังจะพลิกตัวกลับมายังไงได้อีก เธอมีคนคอยคุ้มครองอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ว่าตัวเองรู้สึกว่าได้ครอบครองผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกแล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่เชื่อหรอก ว่าใจของผู้ชายคนหนึ่งจะกว้างขนาดนี้ได้ ของที่เคยโดนคนเป็นพันเป็นทับคนเป็นหมื่นนอนมาแล้ว เขายังจะมาเอาอกเอาใจเธออย่างกับเป็นพลอยอีกเหรอ? ตัวเธอเองยังรู้จักเขียนหนังสือสัญญาหย่า แต่น่าเสียดาย ไม่ว่ายังไงเธอก็สู้ฉันไม่ได้หรอก”
“ตุลยา คุณเห็นหรือยัง? บนอินเทอร์เน็ตมีแต่ข่าวของนรมน คุณว่าตอนนี้บุริศร์จะเป็นทุกข์มากหรือเปล่า? หรือผมไปดูบุริศร์สักหน่อยดี คุณอยู่บ้านคนเดียวไปก่อนนะ อย่าไปไหนนะรู้ไหม? ข้างนอกมันวุ่นวายมาก ผมกลัวว่าคุณจะเกิดอะไรขึ้น”
พอตุลยาได้ยินว่าไมค์จะไปหาบุริศร์ ก็อดไม่ได้ที่จะจิตใจหวั่นไหวขึ้นมา
“รอก่อน ฉันไปกับคุณด้วยดีกว่า ฉันเองก็ค่อนข้างเป็นห่วงพี่เขยของฉัน พี่สาวของฉันเกิดเรื่องแบบนี้เข้า ก็ไม่รู้ว่าเขาจะร้อนใจจนเป็นยังไงบ้างแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...