บทที่ 456 ไม่มีเหตุผลเกินไปแล้วหรือเปล่า
ราวกับเป็นการโทรจิต โทรศัพท์บุริศร์ก็ดังขึ้นมาทันที
เขามองไปโดยไม่รู้ตัว เห็นว่าเป็นเบอร์บ้านตระกูลธนาศักดิ์ธน ก็อดไม่ได้ที่จะคาดหวังนิดหน่อย แล้วก็หวาดกลัวนิดหน่อย
นรมนเหรอ?
ถ้าเธอถามว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาต้องตอบอย่างไร?
บุริศร์รีบเอาคอมพิวเตอร์ออกมา แสร้งทำเป็นยุ่งมากเป็นพิเศษ ถึงขนาดเปิดบันทึกวิดีโอคอลก่อนหน้านี้ จากนั้นก็หายใจเข้าลึกๆ หนึ่งทีแล้วรับสาย
“ฮัลโหล”
เสียงของบุริศร์มีความสั่นและระมัดระวังนิดหน่อย
“แด๊ดดี้!”
เสียงหวานของกมลดังขึ้นมา ทำให้บุริศร์ผิดหวังนิดหน่อยทันที แต่ก็ยังยิ้มแล้วพูดขึ้น “ลูกรัก ทำไม? คิดถึงแด๊ดดี้เหรอ?”
“ใช่ค่ะ หม่ามี้บอกว่าแด๊ดดี้ไปต่างประเทศ แด๊ดดี้ไม่ได้บอกว่าจะพาเราไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันเหรอ? ทำไมไปคนเดียวล่ะ? แด๊ดดี้ ไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว”
กมลพูดบ่นเล็กน้อย
บุริศร์ก็รู้สึกหัวเราะทั้งน้ำตา
ถ้าเป็นไปได้ ตอนนี้เขาก็ไม่อยากมาต่างประเทศหรอกนะ น่าเสียดายที่เขาก็น้ำท่วมปาก
“แด๊ดดี้ต้องมาชั่วคราว ไม่นานก็จะกลับไป ถึงตอนนั้นแด๊ดดี้จะพาพวกคุณออกมาเที่ยวด้วยกันดีไหม?”
“แด๊ดดี้โกหก! ก่อนหน้านี้แด๊ดดี้ก็พูดแบบนี้ ตอนนี้ก็พูดแบบนี้อีก แด๊ดดี้เป็นจอมโกหก!”
เห็นได้ชัดว่ากมลไม่ฟังคำอธิบายของบุริศร์
บุริศร์หมดหนทางอย่างมาก
“โอเคๆๆ แด๊ดดี้ผิดไปแล้ว แด๊ดดี้ขอโทษนะโอเคไหม? ตอนนี้หนูอยู่บ้านคุณยายเชื่อฟังหรือเปล่า?”
“เชื่อฟังค่ะ หนูเชื่อฟังมาก หม่ามี้ป่วยหนูก็ไม่ไปเสียงดังโวยวายใส่หม่ามี้”
กมลพูดขึ้นอย่างรู้ความ
“หม่ามี้ป่วยเหรอ?”
“ใช่ค่ะ มีคุณน้าสวมเสื้อคลุมสีขาวมาที่บ้านเรา ให้น้ำเกลือหม่ามี้ น้าคมทิพย์ก็มาด้วย กำลังดูแลหม่ามี้อยู่ คุณยายบอกหนูว่า หม่ามี้ป่วย หนูห้ามไปเสียงดังโวยวายใส่หม่ามี้ หนูก็เชื่อฟังมาก แด๊ดดี้ คุณว่าหม่ามี้เป็นหวัดใช่ไหม? เมื่อไรคุณจะกลับมา? คุณไม่อยู่ข้างๆ หม่ามี้จะคิดถึงคุณมากนะคะ หนูก็คิดถึงคุณมากๆ เลย”
คำพูดของกมลทำให้บุริศร์ยิ่งกังวลใจอยู่บ้าง
“หม่ามี้ให้น้ำเกลือด้วยเหรอ? หนูไม่ได้ดูผิดใช่ไหม?”
“หนูจะดูผิดได้ยังไงคะ? หนูได้ยินน้าคมทิพย์พูดว่าหม่ามี้ต้องให้สามอันแน่ะ คุณหมอหญิงคนนั้นเพิ่งไปเอง บอกว่าเดี๋ยวจะกลับมา หม่ามี้น่าสงสารมากเลยค่ะ หน้าซีดมาก และหม่ามี้ก็หลับตลอดเลย”
ได้ยินกมลพูดแบบนี้ บุริศร์ก็นั่งไม่ติดพื้นแล้ว
“ตอนนี้หม่ามี้กำลังทำอะไรอยู่?”
“น่าจะพักผ่อนอยู่นะคะ คุณยายกำลังทำอาหารอร่อยๆ คุณหมอหญิงคนนั้นบอกว่าต้องเตรียมยาที่ทำจากอาหาร แด๊ดดี้ อะไรคือยาที่ทำจากอาหารเหรอคะ? หนูกินได้ไหม? ดูมันน่าอร่อย”
กมลจอมกินจุคนนี้มักสนใจเรื่องอาหารเป็นพิเศษ
แต่บุริศร์แค่ได้ยินคำว่า “ยาที่ทำจากอาหาร”
ป้องบอกว่านรมนประจำเดือนมาไม่ใช่เหรอ?
จะให้น้ำเกลือได้อย่างไร?
บุริศร์ค่อนข้างนั่งไม่ติดพื้นแล้ว
“กมล ไม่มีอะไรแล้วพ่อวางก่อนนะ พ่อจะโทรหาหม่ามี้ว่าสบายดีไหม?”
“ได้ค่ะ ใครใช้ให้ตอนนี้หม่ามี้ป่วยล่ะ? หนูไม่อยากแย่งพ่อไปจากหม่ามี้”
กมลพูดเหมือนผู้ใหญ่ จากนั้นก็วางสายไป
บุริศร์รีบโทรหานรมน แต่โทรไปเขาก็วางสายอีกครั้ง
ตอนนี้เขาจะพูดอะไรกับนรมนได้?
เขาสัญญาอะไรกับเธอไม่ได้ทั้งนั้น ไม่มีทางกลับไปหาเธอด้วย ได้ยินเสียงนรมน เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้ไหม
เป็นครั้งแรกที่บุริศร์รู้สึกว่าการโทรมันลำบากใจแบบนี้
เขาคิดสักพัก แล้วโทรหาคมทิพย์
เมื่อคมทิพย์ได้ยินโทรศัพท์ดังขึ้น กลัวว่าจะเสียงดังรบกวนนรมนที่นอนอยู่ ก็รีบหยิบโทรศัพท์ไปที่ระเบียง
“ฮัลโหล?”
“คมทิพย์ ฉันเอง บุริศร์”
บุริศร์เอ่ยปากขึ้นทันที
คมทิพย์ตกตะลึงเล็กน้อย ถามขึ้น “คุณโทรหาฉันทำไม? คุณควรโทรหานรมนสิ?”
“ฉันได้ยินกมลบอกว่าเธอหลับอยู่ เลยไม่โทรไปรบกวนเธอ เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ฉันได้ยินว่าเธอให้น้ำเกลือด้วย? เธอป่วยเหรอ?”
ความกังวลของบุริศร์สามารถถ่ายทอดผ่านโทรศัพท์มาได้อย่างชัดเจน
คมทิพย์ได้ยินเขาเป็นห่วงนรมนแบบนี้ ก็พูดขึ้นเสียงทุ้ม “คุณยังรู้จักรักภรรยาคุณสินะ? ถ้ารู้ว่ารัก ทำไมต้องไปต่างประเทศด้วยล่ะ? ธุรกิจมันสำคัญขนาดนั้นเชียวเหรอ? นอกจากคุณก็ไม่มีใครแทนได้แล้วเหรอ? ไปตอนไหนไม่ไป ดันไปตอนนี้อะนะ”
ได้ยินการกล่าวโทษจากคมทิพย์ บุริศร์ก็ไม่มีคำอธิบายแม้แต่ประโยคเดียว
“เกิดอะไรขึ้นกับนรมนกันแน่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...