บทที่ 501 บางครั้งพี่ชายก็โดนหลอกเหมือนกันนะ
“เกิดอะไรขึ้น? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
นรมนรีบเดินเข้าไป
กานต์กลับทำท่ามีชัยใส่กิจจาอยู่ด้านหลังนรมน
เมื่อนรมนเดินมาถึงกิจจาก็ลืมตา
“หม่ามี้”
“บาดเจ็บตรงไหนไหม?”
นรมนสงสารเด็กคนนี้อย่างมาก
กิจจาส่ายหน้า “ผมดีขึ้นแล้ว ขอบคุณฮะหม่ามี้”
กำลังคิดว่าตัวเองจะออกจากบ้านกับกานต์ในตอนเย็น จากลาหม่ามี้ที่ดีของเขา ทันใดนั้นกิจจาก็รู้สึกแย่เล็กน้อย
“หม่ามี้ กอดผมหน่อยได้ไหมฮะ?”
คำขอร้องของกิจจาทำให้นรมนตกตะลึง
ตอนนี้เด็กคนนี้เสียใจถึงขีดสุดจริงๆ
“ได้สิจ๊ะ!”
นรมนกอดกิจจาทันทีโดยไม่คิด
ร่างกิจจาผอมลงกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อย แต่ก็แข็งแกร่งเช่นกัน
ขณะที่เขากอดนรมนก็พูดขึ้นเสียงทุ้ม “หม่ามี้ คุณเป็นหม่ามี้ที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้ ถ้าคุณเป็นหม่ามี้แท้ๆ ของผมก็ดีสิฮะ”
ประโยคนี้ทำให้นรมนแสบจมูก
“ฉันก็คือหม่ามี้ของหนู ไม่ว่าหนูจะอายุเท่าไร ไม่ว่าหนูจะไปที่ไหน ฉันก็คือหม่ามี้ของหนู หนูเห็นฉันเป็นหม่ามี้ของหนูตลอดชีวิตเลยก็ได้นะ”
“ขอบคุณฮะหม่ามี้”
กิจจาประทับใจจนอยากร้องไห้
เขามองกานต์ เห็นกานต์ไม่ได้ไม่พอใจ ก็ปล่อยนรมนแล้วพูดขึ้น “ผมไปล้างหน้าก่อนนะฮะ”
“โอเค รีบไปนะ เดี๋ยวลงไปกับกานต์กินข้าว”
นรมนเห็นอารมณ์กิจจาดีขึ้นเยอะแล้ว ใบหน้าก็มีรอยยิ้มเพิ่มขึ้น
“ฉันจะไปกับนาย!”
ตอนนี้กานต์กับกิจจาเหมือนฝาแฝดกันเลย
นรมนเห็นแล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง
เห็นเด็กทั้งสองคนไปห้องน้ำ นรมนจัดเตียงสักหน่อย จากนั้นก็ลงไปก่อน
ตรินท์ถูกปล่อยออกมาแล้ว แต่ความสัมพันธ์กับบุริศร์ก็ยังคงแข็งกระด้าง
คุณนายตระกูลโตเล็กเห็นพวกเขาสองคนเป็นแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “พวกเธอสองคนสงบกันก่อน วันนี้มาร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำกับแม่ ทำไม? ไม่ยุติธรรมกับพวกเธอเหรอ?”
“เปล่าครับ แม่ แม่พูดอะไรน่ะ?”
บุริศร์รีบเอ่ยปาก
ถึงตรินท์ไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าก็ผ่อนคลายลงมาก
ผ่านไปไม่นาน นรมนก็ลงมาแล้ว
กมลนั่งข้างคุณนายตระกูลโตเล็ก ถามขึ้นเสียงทุ้ม “คุณย่าคะ วันนี้มีของอร่อยเยอะมาก หนูกินเยอะๆ ได้ไหม?”
“ไม่ได้จ่ะ”
คำพูดของคุณนายตระกูลโตเล็กทำให้หน้ายิ้มของกมลพังทลายลงทันที
“ทำไมล่ะคะ?”
“เพราะกินอาหารเย็นอิ่มเกินไปจะย่อยยาก”
“แล้วถ้าหนูกินเสร็จแล้วออกไปเดินเล่นกับพี่ชายล่ะคะ?”
เพื่อการกิน กมลก็ไม่ลังเลที่จะหยิบยกกานต์มาเป็นเพื่อน
บุริศร์และนรมนก็หัวเราะขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เด็กคนนี้ชอบกินมาก ตามใครกันนะ? หรือจะบอกว่าสี่ปีนี้ไม่ได้ให้เธอกินอาหารอร่อยๆ ปล่อยให้ลูกหิวเหรอ?
สีหน้าคุณนายตระกูลโตเล็กก็ผ่อนคลายลงมากเช่นกัน
“เดี๋ยวถามพี่หนูสิ ถ้าเขาออกไปเป็นเพื่อนหนูย่าก็ไม่ว่าอะไร”
“เย้!”
กมลรีบดีใจขึ้นมา
เมื่อกิจจาและกานต์มาถึงห้องอาหาร ก็มองตำแหน่งที่นั่งที่เหลืออยู่
กิจจาต้องการนั่งข้างตรินท์ ละกานต์นั่งกับนรมน
ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาของกานต์หรือเปล่า เขาพบว่าหลังจากกิจจาเข้าใกล้ตรินท์ดูเหมือนจะประหม่าอย่างมาก
เขาแอบรู้สึกว่าพากิจจาออกไปเป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาด
“เอาล่ะ ทุกคนครบแล้ว ทุกคนกินข้าวกัน!”
คุณนายตระกูลโตเล็กเอ่ยสั่ง ทุกคนก็เริ่มขยับตะเกียบ
เดี๋ยวกมลก็ต้องการเนื้อวัวผัดน้ำส้มสายชู เดี๋ยวก็ต้องการซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน เลือกแต่เนื้อมากินโดยเฉพาะ
นรมนกลัวนิดหน่อยว่าเธอจะกินเยอะเกินไป จึงพูดเสียงทุ้ม “กมล ลูกกินผักหน่อยนะ”
“ไม่เอาค่ะ วันนี้ตอนกลางวันที่โรงเรียนอนุบาลกินผักแล้ว ตอนเย็นต้องกินเนื้อ อีกอย่างเดี๋ยวให้พี่ชายออกไปเดินเล่นกับหนู ก็ย่อยหมดแล้ว”
คำพูดกมลทำให้กานต์ตกตะลึงนิดหน่อย
“พี่พาเธอไปเดินเล่นเหรอ?”
“ใช่ พี่ชายดีที่สุด!”
กมลเผยรอยยิ้มที่น่าหลงใหลทันที
แต่กานต์กลับยิ้มแล้วพูดขึ้น “เธอถามพี่หรือยัง? พี่ตกลงหรือยัง?”
“พี่จะไม่ตกลงเหรอ? งั้นฉันให้พี่กิจจาไปเป็นเพื่อนฉันได้ไหม?”
พอคำพูดกมลพูดจบ ตรินท์ก็เอ่ยปาก
“กิจจากินข้าวเสร็จแล้วต้องอ่านหนังสือ”
ประโยคนี้ทำให้กิจจาชะงักมือที่ตักอาหารอยู่ แต่ไม่ได้พูดอะไรตามปกติ
คุณนายตระกูลโตเล็กพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองนิดหน่อย “อ่านหนังสืออะไรกัน? หลานชายฉันกลับมาวันนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ร่างกายเขาก็บาดเจ็บ วันนี้ออกไปเดินเล่นด้วยกันกับกมลและกานต์เถอะ”
ได้ยินคุณแม่พูดแบบนี้ ตรินท์ก็ชะงัก สุดท้ายก็ไม่ได้คัดค้าน
กิจจาเห็นว่าวันนี้ตัวเองไม่ต้องอ่านหนังสือ ก็โล่งใจ
อาหารหนึ่งมื้อถือว่าค่อนข้างมีความกลมกลืน
ตรินท์กินข้าวเสร็จแล้วก็ไปที่ห้องทำงานทันที บอกว่าที่บริษัทยังมีธุระให้จัดการมากมาย
บุริศร์เห็นเขามีท่าทางแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ฉันอยากคุยอะไรกับเขาหน่อย”
“วันหลังดีกว่า วันนี้พวกคุณทะเลาะกันมา พูดอะไรก็ไม่ฟังกันหรอก วันหลังค่อยหาเวลาคุยกันลำพัง”
นรมนห้ามบุริศร์
คุณนายตระกูลโตเล็กก็พูดขึ้น “จริงด้วย วันนี้ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว”
“ก็ได้ครับ”
คิ้วบุริศร์ยังคงไม่คลายออก
เพราะกมลกินข้าวอิ่มเกินไป จึงนั่งบนโซฟาไม่สามารถขยับตัวได้ เธอลูบท้องเล็กกลมของตัวเองแล้วกรีดร้องโอ๊ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...