บทที่ 504 พวกเขาหนีออกจากบ้านไปแล้ว
ตระกูลโตเล็กไม่รู้เลยสักนิดว่ากานต์กับกิจจาออกไปแล้ว
เมื่อนรมนตื่นแต่เช้า รู้สึกว่าจิตใจสดชื่น ได้เห็นชายที่ตนรักที่สุดนอนข้างกาย ได้ยินเสียงลมหายใจเขา นรมนก็รู้สึกนี่คือเสียงเพลงที่ไพเราะที่สุดในโลก
เธอยื่นมือไปแตะคิ้วบุริศร์เบาๆ ยิ่งรู้สึกขึ้นเรื่อยๆ ว่าผู้ชายคนนี้มีรสชาติ
ทันใดนั้น มือเธอที่ถูกมือใหญ่กุมอยู่ตลอด จากนั้นเจ้าของมือก็ลืมตา
ดวงตาสดใสคู่นั้นมีความสับสนนิดหน่อย
“คุณตื่นนานแล้วเหรอ?”
“ไม่ตื่นจะรู้ได้ยังไงว่าคุณชอบแอบมองฉันมาก”
คำพูดบุริศร์ทำให้นรมนค่อนข้างหน้าแดง
“ใครแอบมองคุณ? ฉันแค่มองด้วยความจริงใจโอเคไหม”
“ด้วยความจริงใจเหรอ!”
บุริศร์รู้สึกว่านรมนในตอนนี้สวยและน่าอร่อยเกินไปแล้ว
เขาก้มหน้าลงทันที จูบอรุณสวัสดิ์นรมน
นรมนอยากจะหลบ แต่หลบไม่พ้น ให้บุริศร์จูบจนแทบหมดแรง
ทั้งสองคนปล่อยกันและหอบหายใจ
นรมนรู้สึกถึงความคับแน่นและความอึดอัดของร่างกายบุริศร์
เธอหน้าแดง แล้วพูดเสียงทุ้ม “จริงๆ ถ้าคุณอึดอัด ฉันช่วยคุณได้นะ”
“ว่าไงนะ?”
บุริศร์ไม่คิดว่านรมนจะพูดอะไรแบบนี้
ภรรยาตัวน้อยที่เขินอายคนนั้นของเขา เปิดหูเปิดตาแล้วเหรอ?
เห็นบุริศร์รู้สึกแปลกใจแบบนี้ นรมนก็เสียใจแล้ว รีบพูดขึ้น “ช่างเถอะ ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ฉันลุกขึ้นไปดูเด็กๆ ดีกว่าว่าตื่นหรือยัง”
“สายไปแล้ว ฉันได้ยินหมดแล้ว”
บุริศร์จะให้นรมนออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร?
ล้อเล่นหน่า!
กว่าจะได้รับประโยชน์แบบนี้ เขาจะโง่ปล่อยนรมนไปเหรอ
นรมนเขินอาย ดิ้นรน แต่ไม่สามารถหลุดพ้นการรบกวนของบุริศร์ได้ สูญเสียตัวเองไปภายใต้การจูบอันลึกซึ้งของบุริศร์โดยที่กึ่งยอมและไม่ยอม
เมื่อทั้งสองคนลุกขึ้นจากเตียงอีกครั้ง ก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว
นรมนมองนาฬิกา กรีดร้องทันที
“จบแล้ว! สายแล้ว!”
เธอผลักบุริศร์ออก สวมรองเท้าจัดการตัวเองก่อนวิ่งลงไปข้างล่าง
ทันใดนั้นบุริศร์ก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนโดนทอดทิ้ง
ไม่ใช่เหรอ?
ใช่เรื่องที่เด็กสองคนต้องไปโรงเรียนอนุบาลไหม?
นี่มันเจ็ดโมงกว่า ค่อยไปส่งตอนแปดโมงกว่าก็ได้ ทำไมต้องรีบร้อน?
อีกอย่าง ก็ยังมีป้าหวานไม่ใช่เหรอ?
แต่ถึงตอนนี้บุริศร์อยากพูดอะไรอีก ตอนนี้ก็พูดไม่ออก
ลมหายใจคลุมเครือยังคงอบอวลอยู่ในอากาศ ภรรยาตัวน้อยของเขาหายไปตั้งนานแล้ว
บุริศร์รู้สึกว่าตัวเองน่าจะเปลี่ยนเป็นส่งเด็กน้อยสองคนไปโรงเรียนประจำดีกว่า จะได้ไม่เอาเวลาของนรมนไป
นรมนไม่รู้ว่าบุริศร์กำลังใส่ร้ายป้ายสีอะไรในใจ แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ไปที่ห้องกมลทันที
“กมล ตื่นได้แล้วลูก!”
กมลนอนขดตัวเหมือนกุ้งอยู่ตรงนั้น ยังไม่ตื่น ดึงผ้าห่มแล้วพูดขึ้น “ให้หนูนอนอีกหน่อยนะ อีกหน่อย! หม่ามี้ ไปปลุกพี่ชายก่อน”
“สาวน้อยขี้เกียจคนนี้ รีบเลยนะ แม่จะไปเรียกพี่ชายหนู หนูรีบลุกขึ้นมาเลยได้ยินไหม?”
นรมนตีก้นกมลหนึ่งที จากนั้นก็หันตัวไปห้องกานต์
“กานต์ กิจจา ตื่นหรือยังลูก? แม่จะเข้าไปแล้วนะ!”
ปกติเวลานี้ กานต์ตื่นตั้งนานแล้ว ตอนนี้มีกิจจาอีกคน นรมนต้องเตือนก่อนถาม
แต่ในห้องไม่มีเสียงอะไรสักนิดเลย
นรมนรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยแล้ว
หรือเด็กทั้งสองยังไม่ตื่น?
นรมนเคาะประตูอีกครั้ง แต่ด้านในยังคงไม่มีเสียงใดๆ
เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
เด็กสองคนคงไม่ได้คุยกันจนดึก นอนดึกเกินไป แล้วตอนนี้ยังไม่ตื่นหรอกนะ?
นรมนคิดแบบนี้ จากนั้นก็เปิดประตูห้องเบาๆ
แต่ในห้องไม่มีกานต์กับกิจจาเลย?
เตียงสะอาดสะอ้าน ไม่มีร่องรอยการนอนเลยสักนิด
นรมนไม่สบายใจทันที
เธอรีบเดินไปข้างเตียง ลูบเตียงดู
มันเย็น!
กล่าวอีกอย่างคือเด็กสองคนนี้ไม่ได้พักผ่อนที่นี่!
นรมนรีบหันตัวไป มีกระดาษแผ่นหนึ่งปลิวลงมาบนพื้น น่าเสียดายที่นรมนเดินกระตือรือร้นเกินไป ไม่เห็นมันเลย
เธอรีบไปที่ห้องกิจจา เปิดห้องกิจจา ไม่คิดว่าจะสะอาดกว่าห้องกานต์
นรมนเวียนศีรษะนิดหน่อย
“บุริศร์ บุริศร์!”
นรมนรีบวิ่งออกมา
บุริศร์ได้ยินเสียงตะโกนของนรมนมีความกลุ้มใจเล็กน้อย จึงรีบเปลี่ยนชุดนอนเดินออกมา
“เกิดอะไรขึ้น?”
“กานต์กับกิจจาหายตัวไปแล้ว”
มือและเท้านรมนเย็นเฉียบ
“อะไรคือหายตัวไป?”
บุริศร์รีบประคองนรมนเอาไว้
“ฉันก็ไม่รู้ พวกเขาสองคนไม่อยู่ในห้อง และไม่รู้ว่าไปไหนด้วย ฉันลูบเตียงพวกเขามันเย็นมาก”
ความไม่สบายใจของนรมนยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
หรือว่ามีคนเข้ามาในบ้าน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...