บทที่ 525 จุดแดงเล็ก ๆ
นรมนผงะไปครู่หนึ่งแล้วรีบหันไปมองอย่างรวดเร็ว เธอรู้สึกเพียงว่าคนคนดูนี้คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างมาก แต่เธอจำไม่ได้ว่าเคยเห็นเขาที่ไหน
“คุณเป็นใคร”
เธอตื่นตัวขึ้นมาทันที กระทั่งยังเผลอมองไปที่ตรินท์แวบหนึ่งโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
อีกฝ่ายกล่าวเสียงเบาว่า “คุณนายบุริศร์ไม่ต้องกังวลไป พวกเราเคยพบกันมาก่อน ผมเป็นคนของประธานเคน พวกเราเคยติดต่อกันตอนระหว่างทางครั้งก่อน”
เมื่อได้ยินเขาพูดดังนั้น นรมนก็นึกภาพจำบางอย่างขึ้นมาได้ทันที
แล้วทำไมคนของประธานเคนถึงต้องมาหาเธอด้วยล่ะ
นรมนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“มีอะไรอย่างนั้นเหรอ”
“ประธานเคนของพวกเรามีเรื่องสำคัญอยากจะพบคุณนายบุริศร์ หรือจะเป็นคุณชายบุริศร์ก็ได้ ตอนนี้เขาไม่สะดวกที่จะขยับตัว จึงอยากขอให้คุณนายบุริศร์หาเวลามาพบเขาสักครั้ง เป็นเรื่องเกี่ยวกับตรินท์”
ผู้ชายคนนั้นกดเสียงพูดให้เบาลง เป็นน้ำเสียงที่สามารถได้ยินเพียงแค่สองคนเท่านั้น
นรมนขมวดคิ้วอีกครั้ง
เรื่องเกี่ยวกับตรินท์อย่างนั้นเหรอ
ตกลงแล้วประธานเคนเป็นใครกันแน่
เป็นมิตรหรือว่าศัตรูกัน
“ประธานเคนของพวกคุณเป็นใครกันแน่”
“คุณนายบุริศร์ครับ ขอให้คุณเชื่อมั่นในประธานเคนของพวกเรา ตรินท์ไม่ใช่คนดีอะไรนัก เขากำลังลอบกัดคุณชายบุริศร์ หากคุณนายบุริศร์คิดเพื่อคุณชายบุริศร์จริงๆ แล้วละก็ คืนนี้สองทุ่มให้มาพบกันที่Aegean Cafe”
พูดจบแล้วชายคนนั้นก็รีบลุกออกไปทันที
นรมนขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปมรวมกัน
เธอกับบุริศร์เองก็เพิ่งจะรู้เรื่องที่ตรินท์ทำเรื่องลอบกัดกับบุริศร์ แล้วประธานเคนนั่นรู้ได้ยังไงกันนะ
หรือว่าเรื่องนี้มีความลับอะไรซ่อนอยู่จริงๆ
นรมนมองไปทางตรินท์อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าตรินท์ไม่ได้จับจ้องมาที่นี่ ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
แต่เธอก็ยังคงไม่ค่อยเข้าใจนัก ดูเหมือนว่าคืนนี้จะต้องออกไปพบประธานเคนอะไรนั่นสักหน่อยแล้ว
นรมนอดกลุ้มใจไม่ได้
ตอนที่ตรินท์พาเด็กๆ กลับมา นรมนก็ยังคงจมอยู่ในห้วงความคิด ก่อนจะได้ยินเสียงกมลวิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น
“มันน่าตื่นเต้นมากเลยค่ะหม่ามี้! รถไฟเหาะตีลังกานั่นสนุกสุดยอดริงๆ ! วันหลังหม่ามี้ก็มานั่งด้วยกันดีไหมคะ”
เธอมองไปที่แก้มแดงๆ ของลูกสาว จึงยิ้มแล้วพูดว่า “ได้สิ รีบเช็ดเหงื่อเร็วเข้า ระวังไม่สบายนะ”
นรมนรีบเช็ดเหงื่อให้กมล
ตรินท์ไปซื้อน้ำกลับมาแล้วยื่นให้นรมน
“พี่สะใภ้ครับ วันนี้พวกเราเล่นกันได้ไม่เลวเลย เดี๋ยวพวกเราจะไปหาอะไรกินกันข้างนอกหรือจะกลับไปกินที่บ้านดีครับ”
“หนูอยากกินเคเอฟซี”
ทันใดนั้นแมวตะกละตัวน้อยอย่างกมลก็โพล่งขึ้นมา
ตรินท์ลูบศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปกินเคเอฟซีกันดีไหม”
ความจริงแล้วนรมนไม่ได้มีอารมณ์ร่วมเลยสักนิด และไม่รู้ว่าตรินท์กำลังมีลับลมคมในอะไรซ่อนอยู่กันแน่ แต่เดาได้เลยว่าถ้าเธอพูดว่าจะกลับต้องทำให้หมดสนุกแน่ๆ และอาจจะทำให้ตรินท์สังเกตเห็นอะไรบางอย่างได้เช่นกัน
“อย่ากินมากเกินไปล่ะ”
“ได้เลยค่ะ!”
เมื่อได้ยินว่านรมนก็เห็นด้วย เด็กหญิงก็กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขในทันที
ทุกคนพากันซ่อนเบาะแสของกานต์ให้ไกลจากกมล เพราะตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าเขากับกิจจาออกจากบ้านไป กมลก็กังวลอย่างมาก แต่พอกิจจาบอกว่ากานต์เพียงแค่ออกไปเรียนชั่วคราวเท่านั้น เด็กหญิงก็เชื่อจริงๆ
ใครให้กานต์เป็นอัจฉริยะกันล่ะ
ไม่ว่าอะไรก็สามารถเรียนรู้ได้หมด
กมลผู้ใสซื่อจึงได้ถูกหลอกเช่นนี้
อีกทั้งตอนนี้ยังได้ดื่มกินและเล่นสนุกอย่างมีความสุข เธอจะไม่ดีใจได้ยังไงกัน
นรมนพากมลกับกิจจาไปหาอะไรกินที่เคเอฟซีภายใต้การนำของตรินท์
ตลอดทั้งวันนี้ตรินท์เป็นเหมือนคุณอาที่แสนดีและเต็มไปด้วยความรัก บางคนยังมองว่าพวกเขาเป็นครอบครัวสี่คนเสียด้วยซ้ำ และตรินท์ก็ไม่ได้อธิบายอะไร
นรมนไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขากำลังต้องการอะไรกันแน่ ดังนั้นเมื่อกินข้าวเสร็จเธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ตรินท์ วันนี้เธอไม่มีงานที่บริษัทอย่างนั้นเหรอ”
“ก็พอใช้ได้ครับ แต่หลายวันนี้ผมเอาแต่ยุ่งอยู่ตลอด จึงทำให้ละเลยกิจจาไป จะว่าไปวันนั้นพี่ชายก็พูดถูกเหมือนกัน บางทีผมอาจจะรีบร้อนหวังเป็นมังกรมากเกินไปแล้วจริงๆ ถึงได้โยนลูกชายของตัวเองทิ้งไปแบบนั้น หลายวันมานี้ผมจึงพิจารณาตัวเองดูแล้ว เป็นผมที่ไม่ดีเอง หลังจากนี้ผมจะต้องดีกับกิจจาให้มากๆ”
พูดพลางเขาก็ลูบศีรษะลูกชาย แววตาเต็มไปด้วยความอาดูร
กิจจาชะงักไปเล็กน้อย รีบก้มหัวลงทันที อีกทั้งดวงตายังกลายเป็นสีแดงระเรื่อ
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าตรินท์จะพูดแบบนี้กับตัวเอง
ท้ายที่สุดแล้วหัวใจของเด็กก็ยังอ่อนไหว
นรมนเห็นกิจจาเป็นแบบนี้แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองยังสามารถที่จะพูดอะไรได้อีก
“อีกเดี๋ยว...”
“เดี๋ยวผมจะไปส่งพวกคุณกลับแล้วกัน”
นรมนกับตรินท์พูดออกมาพร้อมกัน
เดิมทีนรมนแค่อยากจะพูดว่าอีกเดี๋ยวจะยังไปที่ไหนต่อไหม
คิดไม่ถึงเลยว่าตรินท์จะบอกให้ตรงกลับบ้าน เธอจึงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าแล้วพูดว่า “ก็ดีนะ ฉันเองก็เหนื่อยนิดหน่อยแล้ว กมลกับกิจจาก็บ้าคลั่งมาทั้งเช้าแล้ว ควรจะกลับไปนอนเสียที”
เธอยังคงรู้สึกว่าการกลับไปที่ตระกูลโตเล็กนั้นค่อนข้างที่จะปลอดภัยกว่าสักหน่อย
ถึงแม้จะรู้สึกเหมือนถูกขังเอาไว้ แต่ก็ยังดีกว่าการที่ไม่รู้ว่าต่อไปตรินท์จะทำอะไรอยู่ดี เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตรินท์พากมลและกิจจาออกมาเล่นด้วยเจตนาอะไรกันแน่ ตกลงแล้วเขามีแผนร้ายอะไรซ่อนอยู่กัน
ความรู้สึกไม่สงบใจนี้ทำให้นรมนโหยหาความมั่นคงอยู่สักหน่อย
ตรินท์ยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “เอาละ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ ผมเองก็รู้สึกเหนื่อยพอดี กลับไปนอนกลางวันสักหน่อยดีกว่า”
เมื่อได้ยินว่าตรินท์จะไม่ออกไปไหน นรมนก็รู้สึกผิดหวังไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงออกผ่านทางสีหน้า กว่าทั้งสี่คนจะกลับไปถึงตระกูลโตเล็กก็เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าแล้ว
เป็นเพราะกมลเล่นอย่างบ้าคลั่งเกินไป จึงได้หลับไปตั้งแต่อยู่บนรถ ถึงแม้ว่ากิจจาจะยังไม่ได้หลับ แต่ก็ดูเหนื่อยเป็นอย่างมาก
นรมนอุ้มกมลลงจากรถ แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ฉันจะพากมลไปพักที่ห้องของตัวเอง นี่ก็นานมากแล้วที่ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนยายหนู”
“โอเค!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...