แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 583

บทที่ 583 จะต้องให้ฉันลงมือด้วยตัวเองไหม

สีหน้าของบุริศร์นั้นดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าหากว่าเป็นตระกูลจันทรวงศ์ที่เขาคิดไว้จริง ๆ ถ้าอย่างงั้นก็คงจะวุ่นวายมากจริง ๆ แน่

รเมศมีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลจันทรวงศ์งั้นเหรอ? ทำไมจะต้องทำให้นรมนมีหน้าตาที่คล้ายกับลูกสาวของบ้านตระกูลจันทรวงศ์ด้วย?

ปัญหานี้บุริศร์ไม่ค่อยชัดเจน และตอนนี้ก็ไม่มีเวลาไปตรวจสอบ ได้แต่รออีกหน่อยค่อยว่ากันแล้ว

นภดลไปหากิจจาแล้ว และมายด์ก็มานั่งลงข้าง ๆ บุริศร์

บุริศร์นั้นเป็นห่วงนรมนอยู่ จิตใจที่ร้อนรนทำให้เขาไม่มีทางที่จะสงบลงมาได้ แล้วตอนนี้พอเห็นมายด์ขยับนั่งเข้ามา ก็เลยอดไม่ได้ที่จะมองเธอทีหนึ่ง

มายด์เอากระดาษและปากกาเขียนขึ้นมาว่า “ขอโทษด้วยนะ เป็นเพราะว่าฉันทำให้เธอเสียเวลาที่จะมาพบพวกคุณ เป็นเพราะว่าฉันให้เธอลงโทษแก้วตาของโรงแรมอิมพีเรียลก่อน ถึงจะยอมบอกที่อยู่ของพวกคุณให้เธอรู้ มันเป็นความผิดของฉันเอง”

“แก้วตาเหรอ? เธอทำอะไรคุณ?”

บุริศร์จ้องมองมายด์ รู้สึกมาตลอดว่าเด็กผู้หญิงอย่างเธอคงจะทำเรื่องอะไรเกินเลยมากไปไม่เป็น และที่สามารถทำให้เธอถึงกับทำได้ขนาดนี้ ก็แสดงว่าแก้วตาคงจะทำเกินไปมากแน่ ๆ แต่เขาก็ยังอยากจะรู้ว่าตกลงเธอทำอะไรกับมายด์กันแน่

มายด์พูดเรื่องที่ตัวเองเกือบจะตายคามือแก้วตาออกมา แล้วก็พูดว่านรมนช่วยเธอไว้ เพราะฉะนั้นในใจเด็กสาวคนนี้นั้นขัดแย้งกันอยู่ ทั้งรู้สึกผิดอยู่ แล้วก็ยิ่งโทษตัวเองอยู่ด้วย

เธอมองไปทางห้องผ่าตัด แล้วเขียนขึ้นมาว่า “ถ้าหากว่าเธอเป็นอะไรไป ชีวิตนี้ของฉันจะชดใช้ให้เธอเอง”

“เธอจะต้องไม่เป็นอะไร คุณอย่าคิดมากเลย กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

บุริศร์รู้ว่าในใจของมายด์นั้นคงจะไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ แล้วก็ไม่อยากจะโทษอะไรเธอด้วย

มายด์อยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด แล้วก็เดินจากไป

ในตอนที่ระเบียงทางเดินเหลือแค่บุริศร์เพียงคนเดียวนั้น อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกหนาวขึ้นมา ความหนาวแบบนี้มันแผ่ออกมาภายในจิตใจ

เขาจ้องมองไปทางห้องผ่าตัด แล้วนึกภาพตลอดระยะเวลาที่มีนรมนอยู่ข้างกายมาห้าปี ความกังวลและความกลัวแบบต่าง ๆ ก็ถาโถมเข้ามาใส่หัวสมองอีกครั้ง

ยมราชจะต้องช่วยนรมนได้แน่!

จะต้องได้แน่ใช่ไหม?

บุริศร์ปลอบใจตัวเองไปอย่างนี้

การผ่าตัดผ่านไปสิบสี่สิบห้าชั่วโมง บุริศร์เฝ้ารออยู่ข้างนอกโดยที่ไม่กินอะไร ไรหนวดก็งอกออกมาแล้ว แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะไปจัดการกับภาพลักษณ์ภายนอกของตัวเอง

นภดลกลับมาแล้ว แล้วก็พากิจจากลับมาด้วย

ตอนที่กิจจาเห็นบุริศร์นั้น ก็ร้องไห้แล้วพูดว่า “คุณลุง ขอโทษครับ เป็นความผิดของแด๊ดดี้ผมทั้งนั้น หนี้ของบิดามีบุตรมาชดใช้ คุณลุงให้ผมอยู่เรียนการแพทย์กับผู้หญิงคนนั้นเถอะนะครับ และที่สำคัญผมก็อยากจะเรียนการแพทย์กับเธอจริง ๆ ผมไม่มีความสนใจทางด้านธุรกิจเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากกลับไปที่ตระกูลโตเล็ก แด๊ดดี้ก็จะต้องบังคับให้ผมเรียนธุรกิจอีก ผมไม่เอาครับ คุณลุง และผมก็ยิ่งไม่อยากจะเห็นภาพที่แด๊ดดี้เป็นศัตรูกับพวกคุณ คุณลุงให้ผมอยู่ที่นี่ต่อเถอะนะครับ ขอร้องละครับคุณลุง”

บุริศร์ได้ยินพวกนี้แล้ว ในใจก็เป็นทุกข์อย่างมาก

นี่เป็นเด็กที่เขาเลี้ยงมาเองกับมือ แต่วันนี้กลับไม่มีรอยยิ้มเหมือนเมื่อก่อนแล้ว และกลายเป็นคนเงียบขรึมเช่นนี้

บุริศร์อุ้มกิจจาขึ้นมาวางไว้บนขา แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “หนูรู้ความหมายของการห่างบ้านไปเป็นสิบปีมันจะเป็นยังไงไหม? หนูจะต้องสูญเสียสิทธิ์ทุกอย่างไป แล้วหนูก็จะไม่มีใครคอยรับใช้ หนูอาจจะยังต้องรับใช้ยมราชคนนั้นด้วย หนูเคยคิดบ้างหรือเปล่า?”

“ผมคิดเคยคิดแล้วครับ หม่ามี้เคยพูดไว้แล้ว ต้องทนลำบากในความลำบาก ถึงจะเป็นคนยอดคนได้ ผมเติบโตมาภายใต้การปกป้องและดูแลของพวกคุณลุงขนาดนี้แล้ว ผมก็ควรจะต้องโตเป็นผู้ใหญ่ด้วยตัวเองบ้างแล้ว”

คำพูดของกิจจายิ่งทำให้บุริศร์เจ็บใจจี๊ด ๆ มากขึ้น

เด็กคนนี้ต้องมาเผชิญกับความเจ็บปวดของการจากลากับแม่เร็วเกินไป แล้วตอนนี้ก็ยังต้องมาพบเจอกับความเข้มงวดและการแปรพักตร์ไปของแด๊ดดี้ตัวเองอีก และยังต้องมาเห็นกับตาได้ยินกับหูว่าแด๊ดดี้จะทำอะไรกานต์และที่ทำกับนรมนทุกอย่าง พูดตามตรงแล้ว บุริศร์เองก็กลัวว่าเขาจะแบกรับไม่ไหวจริง ๆ

พอมาวันนี้เขาอยากจะออกจากบ้าน ออกจากสายตาของบุริศร์ น่าจะเป็นเพราะว่าแบกรับไม่ไหวแล้วละมั้ง?

ก็น่าจะใช่ แค่เด็กสี่ขวบคนหนึ่ง กลับต้องมาแบกรับเรื่องราวเยอะเกินไปแล้วจริง ๆ

บุริศร์จ้องมองกิจจา แล้วไม่รู้ว่าควรจะเลือกยังไงดี

“หนูคิดดีแล้วเหรอ? กิจจา ถ้าหนูตอบตกลงไปแล้ว ก็จะไม่ได้กลับบ้านสิบปีจริง ๆ นะ”

“ผมคิดดีแล้วครับ ผมจะเรียนการแพทย์ครับ”

กิจจาจ้องมองบุริศร์ แล้วตอบอย่างมั่นใจ

บุริศร์ไม่รู้ว่าควรจะให้กิจจาอยู่ต่อดีหรือเปล่า แต่ในเมื่อเขามั่นใจซะขนาดนี้ บุริศร์ก็ได้แต่ยอมตอบตกลงไปเท่านั้น

“ลุงจะส่งคนมาคอยปกป้องอยู่ข้างกายหนู จะไม่รบกวนการใช้ชีวิตของหนูหรอก แล้วก็จะไม่แทรกแซงการเรียนแพทย์ของหนูด้วย แต่ถ้าหากว่าหนูมีอะไรผิดปกติขึ้นมานิดเดียว ลุงก็จะมารับตัวหนูกลับไปทันที หรือถ้าหนูเปลี่ยนใจ และอยากจะกลับบ้าน ลุงก็จะมารับหนูกลับทันที”

“ขอบคุณครับคุณลุง”

กิจจาพยักหน้าเล็กน้อย

อยู่ ๆ บุริศร์ก็พบว่าไม่ได้เห็นรอยยิ้มของกิจจามานานมากแล้ว ก่อนหน้านั้นตอนที่เขมิกายังมีชีวิตอยู่นั้น กิจจาก็เป็นแค่เด็กธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง เขาขี้กลัว อ่อนแอ และก็เอาแต่ใจอยู่บ้าง แต่ว่าก็มีชีวิตอยู่อย่างธรรมดา อิสรเสรี และมีความสุขทุก ๆ วัน

หลังจากที่เขมิกาตายแล้ว ถึงแม้ว่ากิจจาจะมีช่วงเงียบขรึมไปช่วงหนึ่ง แต่ว่าพอมาอยู่กับกานต์ เขาก็ยังร่าเริงขึ้นกว่าเดิม

แต่ว่าตั้งแต่ตรินท์กลับมาแล้ว ก็เหมือนกับว่ากิจจาจะเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ

เขาไปชอบยิ้มอีกแล้ว และยังไม่ค่อยมาใกล้ชิดพวกเขาแล้ว ได้แต่เอาเรื่องทุกอย่างเก็บไว้ให้ใจ

เหมือนว่าเด็กคนนี้จะโตขึ้นมากะทันหัน เป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้ว แต่กลับเงียบขรึมลง เก็บกดมากขึ้น จนทำให้คนปวดใจจนแทบทนไม่ไหว

บุริศร์อุ้มกิจจาไว้แน่น และพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “จำไว้นะ ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หนูก็จะเป็นลูกชายที่ฉันรักมากที่สุดตลอดไป”

ดวงตาของกิจจาเปียกชื้นขึ้นมาทันที

“แด๊ดดี้!”

เขากอดบุริศร์ไว้แน่นเหมือนกับเมื่อก่อน แล้วก็ปล่อยตัวให้ร้องไห้เต็มที่

จนในที่สุดเขาก็ร้องไห้อยู่กับอกของบุริศร์ แล้วนอนหลับไป

จ้องมองคราบน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าของกิจจา ใจของบุริศร์ก็ไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกยังไงแล้ว

เขาอุ้มกิจจาไว้ ไม่ได้ปล่อยมือเลย แล้วก็รอนรมนออกมาพร้อมกับกิจจาที่นอนหลับอยู่อย่างนั้นอยู่ตลอด

หลังจากการรอคอยที่ยาวนาน ในที่สุดนรมนก็ออกมาจากห้องผ่าตัด

สีหน้าของยมราชดูซีดเซียวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเหน็ดเหนื่อยเกินไปแล้ว

ตอนที่เธอเห็นกิจจาอยู่ในอ้อมอกของบุริศร์นั้น ก็รีบเดินเข้ามาก้าวหนึ่ง แล้วก็กระชากทีหนึ่งแย่งกิจจาไปจากอกของบุริศร์ จากนั้นก็อุ้มไว้แน่น ๆ

“นี่เป็นเรื่องที่พวกคุณตอบตกลงไว้ก่อนแล้วนะ ตอนนี้ห้ามมากลับคำนะ นี่เป็นลูกศิษย์ของฉัน พูดไว้แล้วว่าสิบปีก็ต้องสิบปีซิ ตอนนี้พวกคุณอย่าคิดว่าจะแย่งเขากลับไปนะ”

พอกิจจาโดนกระชากไปแบบนี้ ก็ตื่นขึ้นมาทันที

เขามองไปรอบด้านอย่างมึนงงเล็กน้อย ในตอนที่เห็นว่าตัวเองอยู่ในอ้อมอกของยมราชก็อึ้งไปเล็กน้อย

บุริศร์จ้องมองกิจจาแล้วพูดขึ้นว่า “ตอนนี้หนูยังมีโอกาสเปลี่ยนใจนะ ขอแค่หนูพูดว่าอยากกลับบ้าน แด๊ดดี้ก็จะพาหนูกลับบ้านทันที”

กิจจารู้สึกราวกับว่าได้กลับเป็นเหมือนเมื่อก่อน กลับไปตอนที่เขมิกายังมีชีวิตอยู่ กลับไปตอนที่บุริศร์เลิกงานกลับมาก็จะมาอุ้มเขาทุกวัน

ที่จริงเขาอยากจะเรียกบุริศร์ว่าแด๊ดดี้มาตลอด อยากจะเรียกเขาตลอดชีวิต แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้

เขาเป็นคุณลุงของตัวเองนี่!

เป็นแด๊ดดี้ของกานต์!

เมื่อก่อนไม่รู้ก็ช่างเถอะ แต่ในเมื่อตอนนี้รู้แล้ว ยังจะมายึดครองแด๊ดดี้ของกานต์อีกได้ยังไง?

เขายึดครองแด๊ดดี้ของกานต์มาห้าปีแล้วไม่ใช่เหรอ? มันถึงเวลาที่จะต้องคืนให้เขาแล้ว

แล้วอีกอย่างตอนนี้ตัวเองก็ไม่มีหม่ามี้แล้ว แด๊ดดี้ก็ไม่ชอบเขาเท่าไหร่ เขายังจะอยู่ในตระกูลโตเล็กไปอีกทำไม?

ตอนนี้มาอยู่ยมราช ตัวเองยังสามารถช่วยหม่ามี้ได้ มันก็ไม่เลวไม่ใช่เหรอ?

กิจจาพูดทั้งหมดนี้อยู่ในใจ แล้วอยู่ ๆ ก็หันหน้าไปมองยมราชแล้วถามขึ้นว่า “หม่ามี้ของผมเป็นยังไงบ้างครับ?”

เมื่อกี้ยมราชยังดูตื่นตกใจมากอยู่เลย แต่พอตอนที่กิจจาหันมาถามตัวเองนั้นก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนมากเลย

“วางใจเถอะ อาจารย์ของหนูอย่างฉันออกหน้าเอง จะต้องไม่มีปัญหาแน่ ขอแค่กลับไปพักรักษาตัวดี ๆ ก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง”

“จริง ๆ เหรอครับ? คุณไม่ได้หรอกผมนะครับ? ผมจะไม่เรียนการแพทย์กับคนโกหกหรอกนะครับ”

“แน่นอนว่าไม่โกหกอยู่แล้ว”

คำพูดของยมราชทำให้บุริศร์โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง

เขาเดินขึ้นหน้าไปถึงหน้าเตียงของนรมนอย่างรวดเร็ว จ้องมองใบหน้าที่ขาวซีดของเธอ แล้วก็แอบสาบานอยู่ในใจว่า เขาจะไม่ให้เธอต้องลำบากอะไรอีกแล้ว

ที่สุดแล้วกิจจาก็ยังตัดสินใจอยู่กับยมราชต่อ

บุริศร์บอกว่ากิจจาสามารถอยู่กับเธอต่อได้ แต่จะต้องมีบอดี้การ์ดเหลือไว้สองคนอยู่กับกิจจาด้วย และที่สำคัญกิจจาจะต้องสามารถโทรศัพท์กลับบ้านได้ทุกเมื่อ

ข้อเรียกร้องพวกนี้ยมราชล้วนตอบตกลงแล้ว

ปฏิกิริยาที่เธอมองกิจจานั้นอ่อนโยนเป็นอย่างมาก และยังแฝงไว้ด้วยความรักเสี้ยวหนึ่ง สิ่งเหล่านี้กลับทำให้บุริศร์รู้สึกสงสัยขึ้นเล็กน้อย แต่กลับไม่มีเวลาให้ถามอะไรมาก

นรมนโดนส่งตัวเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย หลังจากที่เฝ้าสังเกตอาการมาคืนหนึ่งก็ไม่มีอาการเป็นไข้ ยมราชก็บอกว่าไม่เป็นอะไรแล้ว

เช้าวันที่สอง คนของบุริศร์มาถึงแล้ว

พอท่านขุนอินในเมืองใต้ดินเห็นคนของบุริศร์เข้า ก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

ลูกน้องถามขึ้นว่า “ท่านขุนอิน ให้พวกเขาจากไปทั้งอย่างนี้เลยเหรอ? ถ้าเกิดบุริศร์ไม่ให้ของที่คุณต้องการขึ้นมาคุณจะทำยังไงล่ะ?”

“ฉันยังมีแผนสำรองอีก ถ้าหากว่าเขาไม่ให้ขึ้นมาจริง ๆ ก็อย่ามาโทษฉันละกัน แต่ว่าชื่อเสียงของคุณชายบุริศร์แห่งเมืองชลธีก็ไม่ได้เรียกขึ้นมาเล่น ๆ เขาจะต้องให้แน่ ในเมื่อนรมนคือจุดอ่อนของเขา ถ้าเกิดว่าผู้หญิงคนนี้ตายไปจริง ๆ งั้นเขาก็ไม่มีจุดอ่อนแล้ว เพราะฉะนั้นให้นรมนมีชีวิตอยู่ต่อจะดีกว่า”

ท่านขุนอินสูบซีก้าร์ไป และพูดขึ้นอย่างเชื่อมั่นเป็นอย่างสูง

บุริศร์ใช้เฮลิคอปเตอร์พาตัวนรมนกลับไปถึงเมืองชลธี

ในตอนที่เขาอุ้มนรมนกลับไปถึงบ้านใหญ่ตระกูลโตเล็กนั้น ตรินท์ก็อึ้งไปเล็กน้อย เหมือนกับว่าคิดไม่ถึงว่าบุริศร์จะกลับมาได้

“พี่?”

บุริศร์เพียงแค่มองเขาทีหนึ่ง ไม่พูดอะไร แล้วก็อุ้มนรมนขึ้นไปบนตึกเลย เข้าไปในห้องนอน หลังจากที่จัดแจงนรมนเสร็จแล้วถึงได้ออกมา

“เปลี่ยนคนเก่ากลับมาให้ฉันให้หมด แล้วก็รับแม่กลับมาด้วย อย่าบีบให้ฉันต้องลงมือกับนาย”

หลังจากที่บุริศร์พูดจบแล้ว ก็ไปเตรียมโจ๊กอะไรสักหน่อยให้นรมนในครัวเลย

ท่าทางของเขาเชี่ยวชาญ บนตัวนั้นไม่มีแรงอาฆาตเลยสักนิด แต่ว่าตรินท์กลับรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว

บุริศร์ที่เป็นแบบนี้ทำให้ตรินท์มองไม่ออกจริง ๆ

จากทุกอย่างในเมืองA ตรินท์เชื่อว่าบุริศร์น่าจะพอเดาอะไรได้บ้างแล้ว และคำพูดทั้งหมดของบุริศร์เมื่อกี้ก็มากพอที่จะแสดงให้เห็นได้ชัดแล้วว่าบุริศร์รู้เรื่องทุกอย่างแล้ว ในเมื่อฉีกหน้ากันแล้ว แต่ก็ยังคงมีท่าทีไม่เดือดไม่ร้อนอะไรต่อเขา ตรินท์ไม่รู้แล้วว่าควรจะตอบสนองเขายังไงดีแล้ว

ตอนที่บุริศร์ออกมานั้น เห็นว่าตรินท์ยังคงยืนอยู่ที่ห้องรับแขก แล้วก็พูดเสียงเย็นขึ้นว่า “ยังไง? คนของนายจะต้องให้ฉันลงมือจับพวกเขาโยนออกไปเองไหม?”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวผมให้พวกเขาไปเอง”

ตรินท์อยากจะมองอะไรให้ออกจากดวงตาของบุริศร์บ้าง แต่ว่าในดวงตาของบุริศร์นอกจากความสงบแล้วก็มีแต่ความสงบ

ทำไมถึงได้สงบขนาดนี้ล่ะ?

เขาก็พอได้ยินสถานการณ์ของนรมนมาบ้างแล้ว และพูดได้ว่า เขาเป็นคนบีบให้นรมนเดินไปถึงขั้นนี้เอง ถ้าหากไม่ใช้เพราะเขาอยากจะใช้นรมนตามหาประธานเคนให้เจอ บางทีนรมนก็อาจจะยังไม่มีสภาพอย่างตอนนี้ก็ได้

ตอนนี้นรมนยังคงนอนสลบอยู่ บุริศร์รักนรมนที่สุดไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงยังไม่ลงมือกับเขาล่ะ?

หัวสมองของตรินท์เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะเปิดปากถามยังไง

เขาให้คนของตัวเองถอยออกไป แล้วก็ให้คนไปพาคุณนายตระกูลโตเล็กกลับมา

พอคุณนายตระกูลโตเล็กเห็นตรินท์ ก็ถอนหายใจออกมาฟอดใหญ่ ในแววตามีแต่ปฏิกิริยาของความผิดหวัง แต่กลับไม่พูดอะไร แล้วในตอนที่เห็นบุริศร์นั้นกลับรีบถามขึ้นอย่างร้อนใจว่า “นรมนเป็นยังไงบ้าง?”

“ไม่เป็นอะไรมากแล้ว แต่จะต้องพักรักษาตัวสักระยะ”

แล้วบุริศร์ก็ส่งคุณนายตระกูลโตเล็กกลับห้องไปด้วยตัวเอง

หลังจากที่จัดแจงทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ในตอนที่บุริศร์อยากจะพูดอะไรกับตรินท์สักหน่อยนั้น พฤกษ์ก็มาถึงพอดี ในมือถือรายงานผลการตรวจไว้แผ่นหนึ่งด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย