บทที่ 639 ไม่ใช่เขา
บุริศร์รู้สึกราวกับว่านรมนกำลังมองเขาผ่านกล้องวงจรปิด
ดวงตาของเธอยังใสสะอาด ยังคงทำให้เขาหลงใหล
บุริศร์ยื่นมือออกไป ลูบใบหน้านรมนบนหน้าจอเบาๆ
เธอผอมลง คล้ำลง แต่กลับดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
หรือว่าไปจากเขาแล้ว เธอก็ใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจถึงขนาดนี้?
บุริศร์พูดไม่ออกว่าตอนนี้ในใจมีความรู้สึกอย่างไร แค่ในใจรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก ราวกับมีมือเหล็กจับเข้าที่หัวใจของเขา แล้วบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“เป็นอะไรไป? พี่นรมน?มีปัญหาอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
ปัญญ์เห็นนรมนจ้องกล้องวงจรปิดบนเพดาน ก็อดไม่ได้ที่ถามออกมา
นรมนหันกลับมายิ้มแล้วส่ายหน้า แต่ยังคงมองไปที่กล้องวงจรปิดนั้นอีกครั้ง
เธอมีความรู้สึกบางอย่าง ราวกับว่ากำลังมีคนมองเธอผ่านกล้องวงจรปิดนั้น
ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นอย่างแปลกประหลาดมากและกะทันหัน มักจะรู้สึกจิตใจไม่สงบ
บุริศร์มองท่าทางระแวงของนรมนแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ประธานบุริศร์ คุณนายสงสัยแล้วคุณยังดีใจ?”
พฤกษ์รู้สึกว่ายิ่งเวลาผ่านไปยิ่งไม่เข้าใจบุริศร์แล้ว
ในเวลาหนึ่งเดือนมานี้ บุริศร์ตามหานรมนราวกับคนบ้า ไม่เป็นอันกินอันนอน ผอมลงไปเยอะมากจนหน้าผากและโหนกแก้มปูดโปนออกมา
แต่เมื่อได้เห็นนรมน ทั้งตัวเขาก็เหมือนกับอ่อนโยนขึ้น แม้แต่บรรยากาศรอบตัวเขาก็อบอุ่นขึ้นมาก
บุริศร์ยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางพูด “ไม่มีฉันอยู่ข้างๆ เธอยังสามารถรักษาความระมัดระวังได้แบบนี้ก็ไม่เลว”
พฤกษ์ไม่เข้าใจความคิดของบุริศร์ และไม่ได้ถามอะไรอีก
นรมนหันหน้ากลับมา ปัญญ์มองเธออย่างแปลกใจ แล้วมองที่กล้องวงจรปิดอีกครั้ง ยื่นมือออกไปเคาะลงบนโต๊ะ
“ฮัลโหล ก้องวงจรปิดนั้นต้นทางอยู่ที่ไหน?”
พนักงานฝ่ายการเงินตกใจ รีบพูดออกมาว่า “ห้องรักษาความปลอดภัย”
“พวกคุณทำงานภายใต้การสอดส่องผ่านกล้องวงจรปิดนั่นตลอดเลยเหรอ?”
ได้ยินปัญญ์ถามแบบนี้ ใบหน้าของพนักงานก็แดงขึ้นเล็กน้อย พูดอ้อมแอ้มว่า “ฝ่ายการเงินเป็นแผนกที่สำคัญที่สุดของบริษัท ดังนั้นกล้องวงจรปิดจึงค่อนข้างเยอะ”
“อ้อ”
ปัญญ์อ้ออย่างแฝงความหมายลึกซึ้ง ทำให้ฝ่ายการเงินประหม่าเล็กน้อย
นรมนเห็นปัญญ์ทำให้คนอื่นตกใจแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จับแขนเสื้อของเขาไว้
ท่าทางของหญิงสาวที่แสดงออกมาทำให้สีหน้าของบุริศร์อึดอัดขึ้นมาอีกครั้ง
นรมนไม่เคยมีท่าทางแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นมาก่อน นอกจากเขาแล้ว แม้แต่กับเจตต์ก็ไม่เคยมีมาก่อน ไม่คาดคิดว่าตอนนี้นรมนกลับมีท่าทีกับปัญญ์ สามารถเห็นได้ว่าตำแหน่งปัญญ์อยู่ตรงไหนในใจนรมน
บุริศร์ปวดใจขึ้นมาอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ที่ยังหานรมนไม่เจอ เขาบอกตัวเองเสมอว่าขอแค่นรมนมีความสุข เขาไม่มีคำขอร้องอะไรแล้ว
แต่ตอนนี้เห็นคนที่นรมนยิ้มให้ไม่ใช่เขาแล้ว แต่เป็นผู้ชายคนอื่น บุริศร์กลับพบว่าตนเองนั้นไม่มีทางรับได้
นรมนเป็นภรรยาของเขา!
เธอเป็นของเขา!
พฤกษ์เกรงว่าบุริศร์จะทนไม่ไหว พุ่งออกไปต่อยปัญญ์ เขาเตรียมพร้อมป้องกันตลอดเวลา คิดไม่ถึงว่าบุริศร์แค่สีหน้ามืดครึ้มลง ไม่ได้มีท่าทีอะไร
“ประธานบุริศร์ นี่คุณ......”
“ฉันไม่อยากให้เธอตกใจ”
บุริศร์พูดออกมาโดยที่ไม่ละสายตาจากนรมน
ปัญญ์รู้สึกว่าแขนเสื้อของตนเองถูกจับไว้ อดไม่ได้ที่จะมองไปทางนรมนแล้วพูดขึ้น “พี่นรมน พี่อย่าไปใจอ่อน คนแบบนี้ ต้อง.....”
นรมนส่ายหน้า สื่อความหมายชัดเจน
“ก็ได้ๆ เห็นแก่พี่นรมน ผมไม่ทำอะไรแล้ว แต่เงินเดือนพี่นรมนของพวกเราคุณรีบคำนวณให้ผมเร็วๆ”
ปัญญ์เคาะลงบนโต๊ะ
ฝ่ายการเงินรีบพยักหน้า คำนวณไปทีละบัญชี จากนั้นก็คำนวณเงินเดือนให้นรมนแล้ว
นรมนมองเงินเดือนของตนเอง แม้จะไม่เยอะมาก เทียบไม่ได้กับรายได้เมื่อก่อน แต่ก็สร้างความมั่นใจให้เธอได้เป็นอย่างมาก
“ครั้งหน้าก็อย่าผิดพลาดอีก โอนเงินเดือนให้ตรงเวลาเป็นหน้าที่ของพวกคุณที่ต้องทำให้ได้ เข้าใจไหม?”
คำพูดของปัญญ์ทำให้นรมนรู้สึกขำ
ฝ่ายการเงินรีบพยักหน้ารับปาก
นรมนเก็บเงินเรียบร้อยถึงจะลุกเดินออกมาพร้อมปัญญ์
บุริศร์เดินออกจากอีกห้องหนึ่งออกมา ฝ่ายการเงินจึงรีบทักทายเขาทันที
“ประธานบุริศร์ ฉันทำแบบนี้โอเคไหม?”
พฤกษ์จึงรีบพาฝ่ายการเงินออกไป
บุริศร์มองตาหลังพวกเขา แล้วรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
ตอนแรกพฤกษ์ก็บอกว่าคนนี้คือนรมน แต่เมื่อเขาตรวจสอบว่าเป็นปัญญ์ก็ละทิ้งไป เขาเสียเวลาไปหนึ่งเดือนโดยเปล่าประโยชน์ เดินวนไปวนมาจนสุดท้ายก็กลับมาที่นี่
ถ้าหนึ่งเดือนก่อนเขาหานรมนเจอ ระหว่างเธอกับปัญญ์คงไม่สนิทกันถึงขนาดนี้ใช่ไหม?
บุริศร์เอาแต่ถามตัวเอง แต่บนโลกนี้ไม่ได้มีคำว่าถ้าหากเยอะขนาดนั้น
เมื่อนรมนกับปัญญ์ออกมาจากบริษัทTENกรุ๊ป นรมนอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
เธอจับปลายแขนเสื้อของปัญญ์แล้วใช้มือทำท่าทางบอก “วันนี้ได้ค่าจ้างแล้ว ฉันเลี้ยงข้าวนาย?”
ปัญญ์ชะงักไป จากนั้นจึงเอ่ยอย่างดีใจ “จริงเหรอ? เลี้ยงข้าวผม? อย่าเสียใจทีหลังนะ!”
“ไม่หรอก”
นรมนรู้ว่า หนึ่งเดือนมานี้ ปัญญ์ช่วยเหลือเธอไว้เยอะมาก แม้แต่กิจจาก็ชอบและสนิทกับเขาแล้ว
“พี่พูดเองนะ เดี๋ยวอย่ามาพูดว่าผมขูดรีดพี่นะ ให้โอกาสพี่เปลี่ยนใจหนึ่งครั้ง พี่จะไม่เลี้ยงข้าวผมก็ได้”
คำพูดของปัญญ์ทำให้นรมนหัวเราะออกมา
บุริศร์เห็นท่าทางคิ้วและดวงตาของนรมนผ่านกระจก แล้วก็โทษตัวเองจริงๆ ว่าคนที่ทำให้เธอยิ้มออกไม่ใช่เขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...