บทที่ 96 คุณเป็นแดดดี้ของผมใช่ไหม?
“นรมน! นรมน ฉันอยู่นี่!”
บุริศร์รีบเดินเข้าไปใกล้กอดนรมนเอาไว้แน่น แต่เธอกลับยังคงร้องไห้ตะโกนอยู่ ถึงกับต่อยเตะบุริศร์เลยทีเดียว
“บุริศร์ คุณใจร้ายมาก! นี่เป็นลูกของพวกเรา! ทำไมคุณถึงทำกับฉันอย่างนี้?”
น้ำตาของนรมนเหมือนกับน้ำท่วมที่กักเอาไว้แล้วเปิดให้ล้นเอ่อออกมา เสื้อเชิ้ตของบุริศร์ก็ค่อยๆเปียกซึมไปในทันที
“นรมน คุณลืมตา คุณมองฉัน คุณกำลังฝันอยู่! ตื่นขึ้นมาเร็ว!”
“ไม่เอา! เจ็บ! เจ็บมาก! ไฟเผาฉันเจ็บมาก! ใครจะมาช่วยฉันกับลูก?”
นรมนผลักบุริศร์ออกไปแล้ว กอดตนเองไว้แน่น แต่มือทั้งคู่ของเธอปกป้องท้องของตนเอาไว้ด้วยจิตใต้สำนึก ท่าทางก็เหมือนกับเมื่อห้าปีก่อนตอนที่กองเพลิงนั้นลุกไหม้ขึ้นมา
ใจของบุริศร์โดนฉีกขาดไปแล้วอย่างฉับพลัน
ห้าปีก่อนเขาไม่ได้เห็นกับตาที่นรมนต้องผ่านเรื่องทั้งหมดในกองเพลิงนั้น แต่ตอนนี้เขาได้เห็นฉากนี้ เขารู้สึกเหมือนใจของตนโดนฉีกขาดไปแล้ว
ห้าปีก่อนที่เธอดิ้นรนอยู่ในกองเพลิงไม่มีคนไปช่วยเธออย่างนั้นหรือ?
นาวินล่ะ?
ขณะนั้นเขาเป็นบอดี้การ์ดและผู้ช่วยที่มีความสามารถที่สุดของตน จึงตั้งใจส่งเขาไปปกป้องนรมนโดยเฉพาะ ทำไมถึงทำให้นรมนประสบกับเรื่องทั้งหมดนี้ล่ะ?
บุริศร์ยังอยากจะเข้าไปใกล้ แต่กลับได้ยินเสียงที่อ่อนนุ่มดังขึ้นมา
“คุณอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
บุริศร์หันกลับไปเล็กน้อย ก็เห็นกานต์ที่ดวงตาสะลึมสะลือกำลังมองมาที่เขาอย่างตื่นตัวขึ้นมาทันที
“กานต์ หม่ามี้ของเธอ......”
บุริศร์ยังพูดไม่จบ ก็เห็นกานต์รีบกระโดดลงจากเตียง รองเท้าก็ไม่ใส่แล้ว วิ่งมาที่ข้างกายของนรมนทันที จับมือของเธอเบาๆ นำมือของเธอวางไว้บนหน้าของตน พูดเบาๆ: “หม่ามี้ ผมยังอยู่ดีครับ ผมคือกานต์ กานต์ลูกชายของแม่ ไม่ต้องกลัวไม่ต้องกลัว ไฟดับไปหมดแล้วครับ ผมยังมีชีวิตอยู่ หม่ามี้ไม่ต้องกลัว”
พูดเสร็จ กานต์กางแขนออกกอดนรมนเอาไว้แน่นๆ
ถึงแม้เขาจะอายุยังน้อย แต่แขนเล็กๆคู่นั้นราวกับมีกำลังที่ไม่สิ้นสุด ไม่นึกว่าจะปลอบขวัญนรมนเอาไว้ได้อย่างมหัศจรรย์
ความตื่นเต้นของนรมนค่อยๆลดลงจนสงบ แต่ยังไม่ตื่นขึ้นมา เพียงแค่กอดกานต์ไว้แน่นๆ ในปากตะโกนชื่อของกานต์ออกมาไม่หยุด
กานต์ยื่นแขนข้างหนึ่งออกมา ตบเบาๆไปที่หลังของนรมน ก็เหมือนกับท่าทางของนรมนที่เอาใช้กับกานต์ตอนที่เขายังเล็ก
จู่ๆเบ้าตาของบุริศร์ก็แดงขึ้นมา
สถานการณ์นี้เขาพอจะมองออก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กานต์ทำอย่างนี้
มองร่างเล็กๆของลูกชายแต่กลับปลอบขวัญนรมนได้อย่างเชี่ยวชาญอย่างนั้น น้ำตาของบุริศร์ก็คลออยู่ในเบ้าตาแล้ว
“กี่ปีมานี้หม่ามี้ของเธอเป็นเช่นนี้ตลอดเลยไหม?”
“ชู่ว-----”
กานต์เอานิ้วชี้วางไว้ที่ข้างปาก แสดงเจตนาให้บุริศร์รู้ว่าอย่าพูด
ตอนที่บุริศร์เพิ่งจะเข้ามาในห้องนี้ยังรู้สึกว่าเต็มไปด้วยความอบอุ่นหวานชื่นและความสุข แต่ตอนนี้กลับอึดอัดจนจะทนไม่ไหว ราวกับความกดดันที่นับไม่ถ้วนพรั่งพรูเข้ามาจากทุกทิศทาง อีกนิดเดียวก็จะโจมตีเขาจนแย่แล้ว
เขาไม่เคยเห็นท่าทางหลังจากที่นรมนหลับสนิทมาก่อนเลย วันนี้ได้เห็นกลับปวดใจจนแทบจะหายใจไม่ได้แล้ว
นี่คือภรรยาของเขา ผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ!
แต่เขากลับทำให้เธอได้รับความทรมานอย่างนี้คนเดียว มาตั้งห้าปี!
ห้าปีมานี้คนที่อยู่ข้างกายของเธอไม่นึกว่าจะเป็นเด็กอายุประมาณสี่ขวบคนหนึ่ง!
เขาเป็นสามีภาษาอะไร?
เป็นพ่อภาษาอะไร?
บุริศร์กำลังตำหนิตนเอง กานต์ก็ปลอบขวัญนรมนจนดีขึ้นอย่างถึงที่สุดแล้ว
เขาเป่าปากอย่างผ่อนคลายลง หันไปมองบุริศร์ พูดเสียงต่ำ: “คุณช่วยผมอุ้มหม่ามี้ไปไว้บนเตียงได้ไหม? พื้นของที่นี่ชื้นมาก ผมกลัวว่าหม่ามี้จะทนไม่ไหว”
บุริศร์รีบลุกขึ้น อุ้มนรมนไปไว้บนเตียงอย่างระมัดระวัง
เขาอยากจะเปิดไฟ แต่กลับโดนกานต์ห้ามเอาไว้แล้ว
“หม่ามี้กลัวแสงตะเกียง กลัวไฟ ส่วนใหญ่ตอนกลางคืนหม่ามี้จะไม่จุดไฟ ถ้าไม่ใช่ต้องวาดรูปออกแบบ หม่ามี้ก็จะไม่นอนดึกอยู่แล้ว”
ใจของบุริศร์เจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
คนที่เคยโดนไฟเผามาก่อนล้วนแต่กลัวแสงกลัวไฟสินะ
เธอเคยเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สดใสร่าเริงขนาดนั้น วันนี้กลับทำได้เพียงมีชีวิตอยู่ในความมืดอย่างนั้นหรือ?
ในใจของบุริศร์เจ็บจนจะทนไม่ไหว ดึงผ้าห่มมาคลุมนรมนไว้อย่างเบามือ
กานต์ก็สวมรองเท้าอย่างรู้เรื่อง แล้วก็หยิบเสื้อมาใส่อย่างเรียบร้อย
“พวกเราออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ อย่าถ่วงเวลาพักผ่อนของหม่ามี้เลย การนอนของหม่ามี้ไม่ดีมากๆ”
ได้ยินกานต์พูดอย่างนี้ บุริศร์ก็มองลูกชายที่รู้เรื่องขนาดนี้อีกครั้ง ถอดเสื้อคลุมของตนออกแล้วก็คลุมไว้บนร่างของกานต์ ถือโอกาสอุ้มเขาขึ้นมาเสียเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...