แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 103

ไม่มีใครคาดคิดว่า ฉีเทียนเห้าจะลงมือในตอนนี้....ไม่ พูดอย่างถูกต้องก็คือ ลงเท้า

เขาใช้เท้าเตะเมี่ยวชุ่ยหลานจนลอยออกไป

ตอนนี้เวลานี้ สีหน้าฉีเทียนเห้ามืดมนราวกับอสุรภูมิ ปลดปล่อยพลังทั่วทั้งร่างกาย ทำให้ทุกคนต่างไม่สามารถมองข้าม และก็ทำให้ทุกคนหวาดกลัวผู้ชายคนนี้จับใจ

ตอนนี้เวลานี้ ฉีเทียนเห้าโกรธจัดมากจริงๆ

เขาโกรธที่ลั่วเสี่ยวปิงถูกคนอื่นพูดว่าใจง่าย โกรธที่เมี่ยวชุ่ยหลานพูดว่าอานอานเล่อเล่อเป็นเด็กนอกคอก

แต่ที่ยิ่งทำให้เขาโกรธก็คือ ผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบตั้งแต่แรกคนนั้น หลังจากทำให้ลั่วเสี่ยวปิงท้อง แล้วก็ทอดทิ้งนาง ทำให้นางต้องเผชิญหน้ากับการถูกนินทาว่าร้ายอยู่คนเดียว

ตอนนี้เวลานี้ เขาอยากที่จะสับผู้ชายคนนั้นเป็นพันหมื่นชิ้น

ในพจนานุกรมของเขาไม่เคยมีประโยคที่ว่าไม่ทำร้ายผู้หญิง เพียงแค่ปกติไม่อยากลงมือเท่านั้นเอง

 แต่วินาทีนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้

ภายใต้สายตาหวาดกลัวของทุกคน ฉีเทียนเห้าเดินไปหาเมี่ยวชุ่ยหลานที่สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวทีละก้าวทีละก้าว

เมี่ยวชุ่ยหลานถูกเตะลอยออกไป จนนิ่งอึ้งไปทั้งตัว ตอนที่หล่นตกลงพื้นนางไม่ได้รู้สึกเพียงเจ็บปวดไปทั้งร่างกาย อวัยวะภายในก็สั่นสะเทือนเจ็บปวดไปด้วย

ยังไม่ทันรอให้นางได้สติกลับมาจากความเจ็บปวดนั้น ก็มองเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีบาดแผลบนใบหน้าท่าทีน่ากลัวอย่างมาก กำลังเดินเข้ามาใกล้ตนเองทีละก้าว เวลานี้ นางรู้สึกได้ถึงเงาแห่งความตายกำลังปกคลุมครอบงำนางไว้

ด้วยสัญชาตญาณ เมี่ยวชุ่ยหลานใช้มือยันแล้วก็ถอยหลังไปเรื่อยๆ

“เจ้าว่าใครนอกคอก? พูดอีกครั้งสิ?” น้ำเสียงถามขึ้นอย่างเยือกเย็นของฉีเทียนเห้า ดังเข้าหูเมี่ยวชุ่ยหลาน

เผชิญหน้ากับฉีเทียนเห้าที่เป็นเช่นนี้ ในใจเมี่ยวชุ่ยหลานมีเพียงความหวาดกลัว จะกล้าพูดประโยคที่พูดเมื่อกี้อีกครั้งได้อย่างไร?

แล้วทันใดนั้น ฉีเทียนเห้าก็เดินมาถึงตรงหน้าเมี่ยวชุ่ยหลาน ยกเท้า แลัวเหยียบไปที่เมี่ยวชุ่ยหลาน

“อ้าก.....”

 เมี่ยวชุ่ยหลานกรีดร้องอย่างหวาดกลัว กลัวมากจนควบคุมตัวเองไม่ได้

ส่วนคนอื่น อยู่ในอาการหลีกเลี่ยงอันตรายด้วยสัญชาตญาณ ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้าม

ตอนนี้ฉีเทียนเห้าดูแข็งแกร่งมาก ชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกเขาพวกนี้ไม่สามารถรับมือได้

และในตอนนี้ มือของลั่วเสี่ยวปิง กลับคว้ากับฉีเทียนเห้าไว้ ทำให้ฉีเทียนเห้าที่ตกอยู่ในสภาวะโกรธจัดรุนแรงนั้นบรรเทาลงในทันที

“เรื่องนี้ ให้ข้าจัดการเอง” ลั่วเสี่ยวปิงมองดูฉีเทียนเห้า

ช่วงเวลาเมื่อกี้นั้น หากนางรู้สึกไม่ผิด ฉีเทียนเห้าเกิดความอาฆาตถึงขั้นจะฆ่าคน

หนังไม่อยากให้มือของฉีเทียนเห้า เปื้อนเลือดเพราะตนเอง

ยิ่งไปกว่านั้นในยุคสมัยนี้ การฆ่าคนจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต เพื่อคนอย่างเมี่ยวชุ่ยหลานเช่นนี้ ไม่คุ้มค่า

ฉีเทียนเห้ามองดูลั่วเสี่ยวปิง เห็นสีหน้าลั่วเสี่ยวปิงสงบนิ่ง ไม่มีท่าทีเจ็บปวดเลยสักนิด

ไม่รู้ว่าทำไม ลั่วเสี่ยวปิงที่เป็นแบบนี้ สำหรับเขา กลับทำให้เขายิ่งเจ็บปวด

เพราะฟังคำพูดพวกนั้นจนเคยชินแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงไม่รู้สึกอะไรเลยใช่ไหม?

สุดท้าย ฉีเทียนเห้ายังคงไม่พูดไม่จา เพียงแค่ถอยไปด้านข้างอย่าเงียบๆ ยืนอยู่ข้างหลังห่างจากลั่วเสี่ยวปิงเพียงหนึ่งก้าว ยืนอยู่ข้างหลังลั่วเสี่ยวปิงด้วยท่าทีปกป้องคุ้มกัน

ฉีเทียนเห้าในตอนนี้เวลานี้ สีหน้านิ่ง ท่าทีเรียบเฉย เทียบกับเมื่อกี้ที่เป็นเหมือนดั่งปีศาจมาจากนรกนั้น แตกต่างกันราวกับเป็นคนละคน

พลังนั้นส่งผลกระทบต่อความกดดันของทุกคนที่อยู่ในลานสูญหายไป ในใจทุกคนค่อยโล่งอก เมี่ยวชุ่ยหลานตกใจร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาไหล ทางร่างกายอ่อนแรงกองอยู่บนพื้น ก็ค่อยโล่งอกขึ้นมา

แต่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมา เมี่ยวชุ่ยหลานก็สบกับสายตากลั้นหัวเราะของลั่วเสี่ยวปิง ทันใดนั้น สีหน้าของเมี่ยวชุ่ยหลานก็เปลี่ยนสลับเขียวซีด มีความหวาดกลัว มีความอับอาย และก็มีความโกรธจัด

ลั่วเสี่ยวปิงคนที่เป็นรองเท้าพังไม่มีคนเอา ทำไมถึงบีบบังคับให้นางตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้?

“เจ้าบอกว่าเจ้าเห็นกับตาตัวเองว่าข้ายั่วยุจางเอ้อหลาง เจ้าบอกว่าข้าพูดจาไปเรื่อยๆ งั้นเจ้ากล้าสาบานต่อฟ้าไหม หากเจ้าพูดความเท็จ ก็ขอให้ถูกฟ้าผ่า?” ลั่วเสี่ยวปิงมองดูเมี่ยวชุ่ยหลาน

เมี่ยวชุ่ยหลานอยากพูดว่า ทำไมนางจะต้องสาบาน?

แต่เวลานี้ ลั่วเสี่ยวปิงพูดต่อว่า “หากเจ้ากล้าสาบาน เรื่องในวันนี้ก็จะจบลงเท่านี้ หากเจ้าไม่สาบาน งั้นเราก็ไปเจอกันที่ทำการปกครอง”

แน่นอน นางบอกว่าเรื่องของวันนี้ หมายถึงเรื่องของนาง ไม่ใช่เรื่องของจางต้าหลาง

ส่วนเรื่องสาบาน.....คนยุคสมัยนี้ มีความเชื่อและให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องสาบานอย่างมาก หากเมี่ยวชุ่ยหลานกล้าสาบาน นางก็สามารถเห็นแกความกล้าของนาง แล้วปล่อยนางไปสักครั้ง

เมี่ยวชุ่ยหลานได้ยินว่าหากตนเองสาบานแล้วเรื่องวันนี้ก็จะจบลง ในใจก็ครุ่นคิดขึ้นมา

สาบาน ที่จริงนางก็หวาดกลัว

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ หากไม่จบลงอย่างสวยงาม ตนเองก็จะตกอยู่ในสภาพย่ำแย่

ส่วนในเรื่องการสาบาน ในละแวกหมู่บ้านใกล้เคียงนี้ ก็ไม่เคยได้ยินว่ามีใครถูกฟ้าผ่าจากการสาบาน

เมื่อในใจคิดว่าตนจะโชคดี เมี่ยวชุ่ยหลานก็ไม่สนใจว่าตอนนี้ตนเองจะย่ำแย่แค่ไหน คลานลุกขึ้นมาจากพื้น

“เดิมข้าก็ไม่ได้พูดความเท็จ จึงไม่กลัวการสาบานอยู่แล้ว” เมี่ยวชุ่ยหลานเงยคางขึ้น ท่าทีมั่นใจ

แน่นอน หากหางตาของนางไม่หันไปมองฉีเทียนเห้าอย่างระแวดระวัง นั่นจะถือว่าดีมาก

เมี่ยวชุ่ยหลานเห็นฉีเทียนเห้า ยืนอยู่ข้างหลังลั่วเสี่ยวปิงอย่างสงบเสงี่ยม รู้ว่าเขาไม่ลงมือกับตนอีกแน่ ในใจค่อยโล่งอก จึงชูมือขึ้นมาพูดสาบานว่า “ข้าเมี่ยวชุ่ยหลานขอสาบานว่า หากข้าพูดเท็จ ก็.....”

“โครม เพล้ง.....”

“อ๊าก...”

ในขณะที่เมี่ยวชุ่ยหลานกำลังจะสาบาน ก็เกิดเสียงฟ้าร้องในขณะที่ท้องฟ้าสดใสในทันใด เมี่ยวชุ่ยหลานตกใจจนกรีดร้องอย่างต่อเนื่องขึ้นมาอีกครั้ง

ลั่วเสี่ยวปิงเงยหน้ามองฟ้า สายตาฉายแววอดไม่ได้ที่จะงุนงงขึ้นมาเหมือนกัน

คงไม่บังเอิญขนาดนี้มั้ง?

แต่เมี่ยวชุ่ยหลานตื่นตระหนกตกใจจนสีหน้าขาวซีด เทียบกับการถูกข่มขู่จากฉีเทียนเห้า ยังแลดูมีท่าทางหวาดกลัวกว่ายิ่งนัก ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้เป็นความบังเอิญหรือไม่ แต่พูดเร่งเร้าต่อว่า “หากเจ้าโกหกจะเป็นอย่างไร? ทำไมถึงไม่สาบานต่อล่ะ?”

เมี่ยวชุ่ยหลานหลบสายตา ไม่กล้ามองลั่วเสี่ยวปิง ยิ่งไม่กล้ามองสายตาพวกชาวบ้านที่ฉายแววเค้นถามพวกนั้น

เดิมคนที่มีความมั่นใจ ก็ไม่กล้าที่จะพูดสาบานต่อ

ในสายตาคนหมู่บ้านเมี่ยวเจียเห็นสภาพแบบนี้ ทุกคนต่างก็ไม่ใช่คนโง่ จะมีอะไรที่ยังไม่เข้าใจอีก?

ทันใดนั้น สีหน้าแต่ละคนต่างก็ย่ำแย่อย่างที่สุด

โดยเฉพาะผู้ใหญ่บ้านเมี่ยวเต๋อ ยิ่งดูมืดมนไปทั้งหน้า

เขาไม่คาดคิดว่า ในหมู่บ้านของตนมีคนน่ากลัวแบบนี้อยู่ด้วย แม้แต่สวรรค์ก็ยังทนมองดูไม่ได้

“เชอะ.....”

เวลานี้ จางเต๋อหวั่งพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “คนที่แม้แต่สวรรค์ก็ยังทนมองดูไม่ได้ มีแต่คนหมู่บ้านเมี่ยวเจียพวกเจ้าเท่านั้นแหละที่เห็นว่ามีค่า”

ทุกคนในหมู่บ้านเมี่ยวเจีย “....” ไม่ พวกเขาเปล่า พวกเขาเพียงแค่ถูกปิดบังความจริงไว้

แต่สถานการณ์ในตอนนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถโต้เถียงได้ แต่ละคนจึงหันไปมองเมี่ยวชุ่ยหลานอย่างโกรธแค้น

เพราะผู้หญิงคนนี้ ทำให้พวกเขาต้องตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่แบบนี้

เผชิญกับสายตาโกรธเคืองของทุกคน ในใจเมี่ยวชุ่ยหลานตื่นตระหนก พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้า สิ่งที่ข้าพูดไม่ได้เป็นความเท็จทั้งหมด.....”

เมี่ยวชุ่ยหลานพูดถึงตรงนี้ แล้วจู่ๆก็พูดต่อไปไม่ได้

ที่นางพูด ดูเหมือนจะเป็นความเท็จทั้งหมด ไม่สามารถที่จะเถียงโต้แย้งอะไรได้

นางกลัวว่าหากตนเองเถียงไปเรื่อย ฟ้าก็จะผ่าลงมาหานางจริงๆ

แต่เมี่ยวชุ่ยหลานก็ยังคิดที่จะดิ้นรน จึงพูดขึ้นว่า “ผู้หญิงคนนี้นางชื่อลั่วเสี่ยวปิง นางตั้งครรภ์โดยที่ไม่ได้แต่งงานจริงๆ และยังคลอดลูกสองคน....”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง