แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 104

เมี่ยวชุ่ยหลานคิดไปคิดมาก็มีเพียงเรื่องนี้ที่ตนพูดความจริง นางไม่ได้โกหก

และนางคิดว่า หากความจริงที่ลั่วเสี่ยวปิงใจง่ายเป็นที่ประจักษ์ งั้นพวกชาวบ้านก็จะเกิดความสงสัยในคำพูดของนาง

เมื่อคิดเช่นนี้ เมี่ยวชุ่ยหลานก็ลืมความรู้สึกที่ได้รับก่อนหน้านี้ หัวร้อนขึ้นมา คำพูดก็หลุดออกจากปากไป

แต่ในขณะที่กำลังพูดอยู่ เมี่ยวชุ่ยหลานก็รู้สึกเย็นไปทั้งตัว เหมือนกำลังถูกสัตว์ร้ายจ้องจะกิน

ด้วยสัญชาตญาณ เมี่ยวชุ่ยหลานหันไปมองฉีเทียนเห้า

แล้วก็มองเห็นสายตาเฉียบคมคู่นั้นของฉีเทียนเห้าเมี่ยวชุ่ยหลานตกใจจนก้าวถอยหลัง จนเกือบล้ม

ในขณะที่จิตใจเมี่ยวชุ่ยหลานกำลังกระวนกระวาย ฉีเทียนเห้าก้าวเดินไปข้างหน้า เพราะยืนอยู่ข้างหลังลั่วเสี่ยวปิงเพียงหนึ่งก้าว มายืนข้างลั่วเสี่ยวปิง จากนั้นฉีเทียนเห้าเอื้อมมือไปโอบกอดเอวลั่วเสี่ยวปิงอย่างไม่คาดคิด

“เมื่อห้าปีก่อน เราเคยไหว้ฟ้าดินร่วมกันแล้ว ใครบอกว่านางมีลูกก่อนแต่งงาน?” ฉีเทียนเห้ามองดูเมี่ยวชุ่ยหลาน สายตาเย็นชา น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความปกป้องลั่วเสี่ยวปิง

คำพูดของฉีเทียนเห้า ลั่วเสี่ยวปิงก็อึ้งเล็กน้อย แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก

นางคิดว่า นี่น่าจะเป็นเพราะฉีเทียนเห้าเห็นแก่ ความร่วมมือที่พวกเขาตัดสินใจจะแต่งงานกัน จึงยืนออกมาช่วยนางพูดแก้ต่างต่อหน้าทุกคน

คำหลอกลวงที่เขาเป็นพ่อแท้ๆของลูกก็มีแล้ว ยังจะสนใจเรื่องที่ไหว้ฟ้าดินร่วมกันแล้วหรือ?

อีกอย่าง นี่ก็ถือเป็นโอกาสในการแสดงให้ลูกๆได้เห็นด้วย ลั่วเสี่ยวปิงให้ความร่วมมืออย่างแน่นอน ปล่อยให้ฉีเทียนเห้าโอบกอดตนเองอย่างตามสบาย

และแล้ว เมี่ยวชุ่ยหลานกลับตกตะลึงอย่างมาก แล้วก็ปฏิเสธทันที

“เป็นไปไม่ได้”

นางไม่เชื่อ

ลั่วเสี่ยวปิงท้องโดยที่ไม่ได้แต่งงาน

เด็กสองคนนั้นเป็นเด็กนอกคอก

ดังนั้น ลั่วเสี่ยวปิงจะเคยแต่งงานกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ได้ยังไง?จะต้องเป็นเพราะผู้ชายคนนี้ต้องการที่จะปกป้องลั่วเสี่ยวปิงจึงแต่งเรื่องพูดโกหก

เมี่ยวชุ่ยหลานไม่เชื่อคำพูดของฉีเทียนเห้า เพียงเพราะตอนนั้น ตอนที่เมี่ยวชุ่ยหลานกลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ตนเองถูกแม่สามีลงโทษ จึงรีบหนีกลับมาบ้านอย่างร้อนตัว เรื่องที่ฉีเทียนเห้าเป็นพ่อของอานอานกับเล่อเล่อ ยังไม่เป็นที่รู้กัน ดังนั้นเมี่ยวชุ่ยหลานจึงไม่รู้เรื่องนี้

แต่เมื่อเมี่ยวชุ่ยหลานไม่ยอมรับคำพูดของฉีเทียนเห้า ด้วยความกลัว จึงหันไปมองฉีเทียนเห้าแวบหนึ่ง สายตากลับมองไปที่ใบหน้าฉีเทียนเห้าข้างที่ไม่มีบาดแผลพอดี

หากไม่ดูก็ไม่เป็นไร เมื่อดูแล้ว เมี่ยวชุ่ยหลานตกตะลึงอย่างมาก

นางต้องตาฟาดไปแล้วแน่ ไม่อย่างนั้นจะมองเงาของเด็กอานอานคนนั้นบนใบหน้าของผู้ชายน่ากลัวนั้นได้อย่างไร?

เมี่ยวชุ่ยหลานอยากมองดูให้ชัดเจน กลับสบกับสายตาเย็นชาแฝงไปด้วยความเกลียดชังของฉีเทียนเห้า เมี่ยวชุ่ยหลานตกใจจนรีบหลบสายตาไป แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ในใจเมี่ยวชุ่ยหลานปกคลุมไปด้วยความอันตรายขึ้นมาทันที

ในเมื่อเป็นความจริง งั้นผู้ชายคนนั้น ก็เป็นพ่อที่แท้จริงของอานอานเล่อเล่อ

เป็นไปได้อย่างไร? เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?

ไม่มีเหตุผลโจมตีลั่วเสี่ยวปิงแล้ว ในใจเมี่ยวชุ่ยหลานเกิดความรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ รู้สึกเพียงว่าวันนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว

ในใจเมี่ยวชุ่ยหลานคิดอะไรอยู่ ฉีเทียนเห้าไม่รู้ และก็ไม่อยากรู้

แค่สายตาเหลือบมองเห็นผู้หญิงคนนั้นเพียงแวบเดียว เขาก็รู้สึกรังเกียจอย่างที่สุด

ฉีเทียนเห้าหันไปทางอื่น หันตัวไปหาผู้ใหญ่บ้านจางเต๋อหวั่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ผู้ใหญ่บ้าน ตอนนั้นข้ากับเสี่ยวปิงแต่งงานกัน ไม่มีคนที่นางรู้จักเป็นพยาน จนทำให้หลายปีมานี้นางต้องเผชิญหน้าแบกรับคนตำหนิเพียงลำพัง รบกวนหลังจากกลับไปแล้ว ผู้ใหญ่บ้านช่วยเลือกวันมงคล ถึงตอนนั้นข้าจะแต่งงานกับเสี่ยวปิงอีกครั้ง พร้อมจัดงานเลี้ยงเชิญทุกคนมาร่วมฉลอง”

จางเต๋อหวั่งได้ยินฉีเทียนเห้าพูดเช่นนี้ ก็เข้าใจอยู่แล้วว่าฉีเทียนเห้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าทุกคน เพราะต้องการกู้หน้าลั่วเสี่ยวปิง กอบกู้ชื่อเสียงของลั่วเสี่ยวปิง จึงพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ข้ารับปาก หลังจากกลับไปแล้วข้าจะดูวันมงคลให้พวกเจ้า”

พูดเสร็จ จางเต๋อหวั่งหันไปมองเมี่ยวเต๋อ พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องเป็นแบบนี้ คาดว่าในใจเจ้าคงรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว คนบ้านเมี่ยวกุ้ยรังแกคนสกุลจาง วันนี้ยังไงก็จะเรียกร้องความยุติธรรมนี้ แค่อยากถามว่า พวกเจ้าคนหมู่บ้านเมี่ยวเจีย มั่นใจว่าจะมีส่วนร่วมด้วย?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง