แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 108

หลังจากลั่วเสี่ยวปิงเดินวนอยู่ในเมืองหนึ่งรอบ พบว่านอกจากตนเองจะเดินไปเรื่อยแล้ว ก็ไม่มีความคิดอะไรอย่างอื่นเลย เรื่องที่อานอานหายตัวไป ก็ไม่มีเบาะแสเลยสักนิด ไม่รู้ว่าจะต้องไปตามหาที่ไหน

สุดท้ายคิดถึงเล่อเล่อที่อยู่ที่บ้าน ลั่วเสี่ยวปิงจึงสิ้นสุดการตามหาอย่างไรหนทาง เตรียมตัวกลับบ้านไปรอฟังข่าว

เมื่อกลับมาถึงในหมู่บ้าน ลั่วเสี่ยวปิงก็ตรงไปรับเล่อเล่อที่สกุลจาง

หลังจากที่แม่ไป เล่อเล่อก็เอาแต่ร้องไห้ มองดูประตูใหญ่ของสกุลจางอย่างน่าสงสาร ดังนั้นเมื่อแม่ของตอนกลับมา เล่อเล่อก็จับแม่ของตนไว้ไม่ยอมปล่อยมืออีก

เห็นเล่อเล่อในสภาพเช่นนี้ ในใจลั่วเสี่ยวปิงโทษตัวเองอย่างมาก

อุ้มเล่อเล่อขึ้นมา ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่สนใจคนสกุลจางรั้งไว้ ตรงกลับไปที่บ้านของตนเอง

รู้ว่าเล่อเล่อยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยง ลั่วเสี่ยวปิงจริงเอาขนมขึ้นมาหลายชิ้นอย่างมีมีชีวิตชีวา แต่ทั้งสองแม่ลูกต่างคิดถึงความปลอดภัยของอานอาน ดังนั้นทั้งสองคนจึงต่างก็ไม่พูดไม่จา

จนถึงห้าโมงเย็น ด้านนอกมีเสียงกีบม้าดังขึ้น ลั่วเสี่ยวปิงค่อยได้สติกลับมาจากอาการมึนงง แล้งหันไปมองที่หน้าประตู

มองผ่านประตูห้องเก็บฟืนโทรมๆนั่น มองเห็นฉีเทียนเห้าที่ร่างสูงพลิกตัวลงมาจากม้า ลั่วเสี่ยวปิงเดินไปข้างหน้าหลายก้าว มองดูฉีเทียนเห้าด้วยแววตารอคอย

“มีข่าวอานอานหรือยัง?”

พูดตามความจริงแล้ว มองไม่เห็นอานอาน ลั่วเสี่ยวปิงผิดหวังอย่างมาก

แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะคาดหวังให้ฉีเทียนเห้า ขี่ม้ากลับมาเพื่อบอกข่าวดี

เห็นถึงความหวังในสายตาของลั่วเสี่ยวปิง ฉีเทียนเห้ารู้สึกผิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

เพราะตอนนี้ยังหาอานอานไม่เจอ

ทั้งที่สั่งงานให้ลูกน้องไปตามสืบหาแล้ว เขาเพียงแค่ต้องรอฟังข่าวก็พอแล้ว แต่เมื่อมาเห็นลั่วเสี่ยวปิง เห็นแววตาที่มีความหวังของนาง เขาถึงขั้นรู้สึกว่าตนเองไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เท่าที่ควรหรือเปล่า

กำลังจะอ้าปากพูด ภายใต้สายตาอย่างมีความหวังของลั่วเสี่ยวปิง ฉีเทียนเห้าพูดว่า “ยังหาลูกไม่เจอ แต่คนบ้านลั่วเคยมาปรากฏในหมู่บ้าน”

 

ตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินว่าหาอานอานยังไม่เจอ ในใจรู้สึกแน่น แต่ก็พยายามสงบลงเพื่อฟังฉีเทียนเห้าพูดจนจบ ไม่ช้าลั่วเสี่ยวปิงก็ฟังเข้าใจว่าในคำพูดของฉีเทียนเห้าผิดปกติ

“ความหมายของเจ้าก็คือเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนบ้านลั่วหรือ?”

หากเป็นปกติใครเข้าออกหมู่บ้านนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องน่าแปลกอะไร แต่ที่น่าแปลกก็คือฉีเทียนเห้าตั้งใจพูดถึงช่วงเวลาที่มาปรากฏตัว

เห็นฉีเทียนเห้าพยักหัว ลั่วเสี่ยวปิงยิ่งตกอยู่ในพวังครุ่นคิด

ไม่ช้า ลั่วเสี่ยวปิงก็คิดถึงตอนที่ตนเองเพิ่งข้ามภพมา เรื่องที่ป้าสะใภ้ใหญ่ฟ่านลี่ฮัวจะหาคู่ครองให่นาง

ฟ่านลี่ฮัวบอกว่าอีกฝ่ายคือนายท่านจางในเมือง ไม่มีลูกชายลูกสาว ดังนั้นจึงต้องการแต่งงานกับนางเพื่อให้อานอานสืบสกุล

งั้นนางก็รู้สึกแปลก คิดว่าเรื่องนี้ค่อนข้างไม่มีเหตุผล ต่อมาก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องกับอานอาน ดังนั้นจึงไม่เคยให้อานอานห่างคนมาตลอด กลับคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ทั้งๆที่มีคนเฝ้าดูแลอยู่ อานอานกลับถูกแย่งตัวไป

หรือว่า อานอานหายตัวไปจะเกี่ยวข้องกับนายท่านจาง?

ไม่ช้า ลั่วเสี่ยวปิงก็เล่าเรื่องที่ตนเองสงสัยออกมา

ฉีเทียนเห้าฟังด้วยสีหน้าหนักแน่น

“เจ้ารอข้าอยู่ที่บ้าน ค่ะจะไปสืบเดี๋ยวนี้”

พูดเสร็จ ฉีเทียนเห้าไม่รอให้ลั่วเสี่ยวปิงตอบ ก็กระโดดออกมาจากลานบ้าน ขี่ม้าออกไป

ไม่ช้า เสียงกีบม้าก็ค่อยๆไกลออกไป

“แม่....” เล่อเล่อวิ่งมาอย่างตาแดง ดึงมือลั่วเสี่ยวปิงไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ชายไม่เป็นอะไรใช่ไหม ใช่ไหม?”

ตั้งแต่เล่อเล่อคลอด ก็อยู่กับอานอานมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่แยกจากอานอาน เล่อเล่อไม่สบายใจอย่างมาก

ถึงแม้มีบางเรื่องที่นางไม่เข้าใจ แต่นางกลับรู้ว่า ตอนแรกคนพวกนั้นต้องการที่จะจับนางก่อน แต่พี่ชายผลักนาง ดังนั้นพี่ชายจึงถูกจับตัวไปก่อน

ถ้าหาก.... ถ้าหากตนเองว่องไวกว่านี้ วิ่งได้เร็วหน่อย พี่ชายก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว?

เล่อเล่อไม่สบายใจ ลั่วเสี่ยวปิงเองก็รู้

ไม่ว่าจะเป็นเล่อเล่อหรืออานอาน สำหรับลั่วเสี่ยวปิง ล้วนสำคัญเหมือนกัน

ดังนั้น ลั่วเสี่ยวปิงจึงคุกเข่าลงอย่างใจเย็น ลูบหลังเล่อเล่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ชายจะต้องไม่เป็นไร” น้ำเสียงลั่วเสี่ยวปิงแฝงไปด้วยความมั่นใจ เป็นการพูดให้เล่อเล่อฟัง และเป็นการพูดให้ตนเองฟัง

จากนั้น ลั่วเสี่ยวปิงกอดเล่อเล่อแนบอก เพียงแต่ สายตาของนางยังหันไปมองทางบ้านลั่ว

หากนางรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนบ้านลั่ว นางจะไม่ปล่อยคนบ้านเก่าตระกูลลั่วเด็ดขาด

เวลานี้ บ้านเก่าตระกูลลั่ว

ภายในห้อง ฟ่านลี่ฮัวกำลังนับเงินที่อยู่ในมือ

ยี่สิบตำลึง ทั้งหมดยี่สิบตำลึง

เพียงแค่บอกข่าว นางก็ได้ค่าตอบแทนมายี่สิบตำลึง

ฟ่านลี่ฮัวดีใจจนแทบนอนไม่หลับ เวลานี้แทบจะไม่คิดเลยว่า ลั่วเสี่ยวปิงจะสงสัยเรื่องนี้มาถึงนาน ยิ่งคิดไม่ถึงว่าลั่วเสี่ยวปิงจะสามารถแก้แค้นนางได้

นางรู้เพียงว่า เงินยี่สิบตำลึงนี้เป็นของตนเอง มีเงินยี่สิบตำลึงนี้ นางอยากทำอะไรก็ได้

ค่อยๆดึกลง นายอำเภอเมืองหลินอานกัวหงหยาง กำลังตกอยู่ในสภาวะกดดันกับคดีฆ่าคนตายในอำเภอ

ช่วงครึ่งปีมานี้ ในอำเภอมีคดีฆ่าคนตายสามคดีแล้ว แต่สามคดีนี้กลับไม่มีเบาะแสอะไรเลย สิ่งเดียวที่เหมือนกันก็คือผู้ตายเป็นผู้หญิง

ผ่านไปครึ่งปีคดีกับไม่มีความคืบหน้าเลยสักนิด หากเป็นเช่นนี้ต่อไป การประเมินในครั้งนี้ของเขาคงไม่มีความหวังแล้ว

ในขณะที่กำลังปวดหัวนวดขมับ จู่ๆก็ได้ยินเสียงดังขึ้น เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ไม่รู้ว่าในห้องมีคนมายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่

คนนั้นยืนอยู่ในความมืด มองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน

“เจ้า....เจ้าเป็นใคร?” ตื่นตระหนกครู่หนึ่ง แล้วกัวหงหยางก็กลับมาสงบสติ

คนคนหนึ่งที่สามารถมาปรากฏอยู่ในห้องหนังสือของตนเองได้อย่างเงียบๆ ต่อให้ร้องตะโกนไปก็ไม่มีประโยชน์ หากอีกฝ่ายต้องการที่จะทำอะไรเขา ตอนนี้ตนเองก็คงจะไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แต่แรกแล้ว

ท่าทีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงของกัวหงหยาง ล้วนอยู่ในสายตาของฉีเทียนเห้า สำหรับกัวหงหยางคนนี้ เขามีความประทับใจที่ดี

โบกยกมือขึ้น ป้ายสัญลักษณ์อันหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะกัวหงหยาง

กัวหงหยางหยิบเอาป้ายสัญลักษณ์ขึ้นมาดู แล้วก็ตกตะลึงขึ้นมาทันที รีบเดินออกมาจากด้านหลังโต๊ะ ยกมือประสานทำความเคารพฉีเทียนเห้า

“ไม่ทราบว่านายพลหวู่หยางมีรับสั่งอันใด?”

ป้ายสัญลักษณ์นั่น เป็นของนายพลพรมแดนตะวันตกเติ้งจื่อเฉิง กัวหงหยางจึงคิดว่าฉีเทียนเห้าคือคนที่เติ้งจื่อเฉิงส่งมา

“นายพลได้ยินว่าช่วงนี้ในเมืองหลินอาน ปิดคดีค้นหายบ่อยๆ จึงสั่งให้เจ้าไปสืบเรื่องนี้” ฉีเทียนเห้าพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา

กัวหงหยางได้ยินเรื่องนี้ ก็ตกตะลึงขึ้นมา

คนหาย นี่ไม่ใช่คดีธรรมดา

แต่ทำไมเขาถึงไม่เคยได้ยิน นายพลหวู่หยางกลับรู้เรื่องนี้?

ท่าทีกัวหงหยางหนักแน่น ยกมือประสาน พร้อมพูดขึ้นว่า “เชิญกลับไปรายงานนายพลหวู่หยาง ข้าน้อยจะสืบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด”

แต่หลังจากที่กัวหงหยางพูดเสร็จแล้ว กลับไม่ได้ยินเสียงตอบรับเนิ่นนาน

เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ไปในห้องหนังสือนอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครอื่น?

 

ต่อให้เป็นเช่นนี้ กัวหงหยางก็ไม่กล้าชักช้า รีบสั่งคนออกไปสืบเรื่องคดีคนหาย

ออกมาจากจวนนายอำเภอ ฉีเทียนเห้าก็ไม่อยู่ในเมืองต่อ รีบขี่ม้าไปยังหมู่บ้านต้าซิง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง