แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 111

เวลานี้ สถานที่ลั่วเสี่ยวปิงมาก็คือร้านขายเสื้อผ้าของจิ่นเหนียง

เพราะยังเช้า ร้านขายเสื้อผ้าเพิ่งเปิดได้ไม่นาน จึงยังไม่มีแขก

เดิมจิ่นเหนียงนึกว่ามีแขกมา เมื่อเงยหน้าดูก็ยังดูไม่ออก หลังจากรู้ว่าเป็นลั่วเสี่ยวปิง สีหน้าก็แสดงออกถึงความไม่น่า

ยังไงเพิ่งไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่วัน ลั่วเสี่ยวปิงเหมือนเปลี่ยนหน้าไปเป็นคนละคน บนใบหน้าไม่มีรอยแผลเป็นแล้ว ผิวก็ขาวอย่างมีน้ำมีนวล บอกว่าลั่วเสี่ยวปิงเพิ่งเป็นสาวอายุสิบห้าก็มีคนเชื่อ ใครจะไปคิดว่าเป็นแม่ที่มีลูกสองคนแล้ว?

จิ่นเหนียงรู้สึกว่า หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นลั่วเสี่ยวปิง รอยแผลเป็นบนใบหน้าของนางจางลงมากแล้ว พอดูออกว่าลั่วเสี่ยวปิงเป็นคนสวยคนหนึ่ง บวกกับลั่วเสี่ยวปิงยังสวมเสื้อผ้าเหมือนอย่างที่นางเห็นก่อนหน้านี้ นางคงยากที่จะรู้ว่าเป็นคนคนเดียวกัน

เห็นจิ่นเหนียงตกตะลึง ลั่วเสี่ยวปิงไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด และก็คิดไว้แต่แรกแล้ว

ก่อนหน้านี้นางไม่อยากให้คนอื่นสงสัย ดังนั้นจึงปรุงยาลบรอยแผลอย่างธรรมดา คิดว่าปล่อยให้รอยแผลเป็นค่อยๆจางหายไปก็พอ ภายใต้การซึมซับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมและสิ่งอื่นๆเข้าไปโดยไม่รู้ตัว คนอื่นจะยอมรับได้ง่ายขึ้น

แต่ว่าเมื่อคืน มาเปลี่ยนความคิดแล้ว

นี้ไม่เพียงเพราะนางเลือกอยากเดินเส้นทางหมอเทวดา แต่เป็นเพราะเพื่อช่วยอานอาน

ดังนั้นนางจึงปรุงยาลบรอยแผลเป็นทั้งคืน ยังเพิ่มน้ำแร่วิญญาณเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น เวลาในตอนนี้ ประสิทธิผลน่าจะเห็นได้ชัดยิ่งกว่าตอนเช้าที่เล่อเล่อเห็น ดังนั้นเมื่อเห็นจิ่นเหนียงตกตะลึง นางจึงไม่รู้สึกแปลกเลยสักนิด

หลังจากรู้ว่าคือลั่วเสี่ยวปิง ถึงแม้จิ่นเหนียงจะสงสัย แต่ก็ไม่ได้จ้องมองถึงความงามของลั่วเสี่ยวปิง แต่เล่าให้ลั่วเสี่ยวปิงฟังอย่างตื่นเต้น ถึงสถานการณ์ในการขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปภายในร้านในช่วงหลายวันนี้

“เสี่ยวปิง เจ้าไม่รู้ หลังจากวันนั้น ก็มีหญิงสาวไม่น้อยมาถามถึงเรื่องเสื้อผ้าสำเร็จรูป รายการสั่งจองภายในร้านตอนนี้ต่อคิวไปจนถึงหลังสิบห้าวันแล้ว แต่กำลังคิดอยู่ว่าจะขยายกิจการดีไหม เจ้ามาได้จังหวะพอดี.....”

จิ่นเหนียงยังไม่รู้เรื่องที่ลูกชายของลั่วเสี่ยวปิงหายตัวไป เพียงแค่คิดถึงกิจการค้าขายในช่วงหลายวันนี้ก็ยิ้มหน้าบาน

ลั่วเสี่ยวปิงกลับยังไม่มีกระจิดกระใจคุยเรื่องพวกนี้ จึงพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ยังไม่ต้องขยายกิจการ แต่ข้ายังมีสองแบบอยู่ในมือของซิ่งฮวา เจ้าสามารถทำตามแบบนั้นเปิดขายตัวใหม่”

เห็นจิ่นเหนียงเหมือนมีคำถาม ลั่วเสี่ยวปิงจึงรีบพูดจุดประสงค์ของตนเองออกมาว่า “จิ่นเหนียง วันนี้ที่ข้ามาหาเจ้า เพราะมีเรื่องต้องการให้เจ้าช่วย”

จิ่นเหนียงได้ยินว่าลั่วเสี่ยวปิงมีเรื่องต้องการให้ตนช่วย และท่าทีสีหน้าจริงจัง จึงลืมเรื่องธุรกิจไปเลยในทันใด

“เจ้าพูดมา หากสามารถด้วยได้ ข้าต้องช่วยแน่”

สำหรับจิ่นเหนียง หากไม่มีลั่วเสี่ยวปิง ร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปของตนคงไม่สามารถขายต่อไปได้ ดังนั้นความรู้สึกที่มีต่อลั่วเสี่ยวปิง จิ่นเหนียงรู้สึกซาบซึ้ง

หลังจากชาสามถ้วย สาวสวยผ้าคลุมหน้าในชุดสีชมพูเดินออกมาจากด้านหลังร้านเสื้อผ้าพร้อมกระเป๋าคาดหลัง

คนคนนี้ก็คือลั่วเสี่ยวปิง

ในเวลานี้ กระโปรงสีชมพูที่นางใส่เป็นแบบทั่วไปในยุคสมัยนี้ แต่เป็นแบบที่เด็กผู้หญิงอายุสิบสี่หรือสิบห้าปีใส่กัน ผ้าที่ใช้ยังเป็นผ้าฝ้ายละเอียดธรรมดา

ตอนนี้ ผมเปียของลั่วเสี่ยวปิง จิ่นเหนียงมวยเป็นผมทรงเลขสิบอย่างมีชีวิตชีวา แต่งเป็นเด็กผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่ง ไม่มีความรู้สึกไม่สอดคล้องกันเลย

หลังออกมาจากร้านเสื้อผ้า ลั่วเสี่ยวปิงก็ตรงไปยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งของเจิ้นซี

เจิ้นซี เป็นพื้นที่ที่ยากจนที่สุดในเมือง ดังนั้นโรงเตี๊ยมของเจิ้นซีก็เก่าอย่างมาก แต่กลับเป็นโรงเตี๊ยมที่คนภายนอกชอบมาพักบ่อยๆ

หลังจากลั่วเสี่ยวปิงเข้าไปแล้ว ก็หันไปมองรอบๆ จากนั้นก็ถามเถ้าแก่ว่ามีห้องว่างไหม ค่าห้องคืนล่ะเท่าไหร่

ปกติราคาพักโรงเตี๊ยมล้วนสิบสองเหรียญต่อคืน ห้องที่ดียังจะแพงยิ่งกว่า แต่ที่นี่กลับจ่ายแค่เจ็ดเหรียญ

ลั่วเสี่ยวปิงจึงพูดว่าขอดูห้องก่อน เถ้าแก่เห็นว่าเป็นเด็กสาวน้อยอ่อนหวาน จึงไม่ปฏิเสธ

แต่สุดท้ายลั่วเสี่ยวปิงขึ้นไปดูห้อง แล้วก็ขมวดคิ้วเดินลงมา เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยพอใจกับสภาพห้อง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง