แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 151

“เอ่อ…”

ไม่รอให้จางฮั่วเหมยสารภาพจนหมด เล่อเล่อก็ขัดจังหวะจางฮั่วเหมยด้วยการอุทานออกมา

จางฮั่วเหมยเงยหน้าขึ้นมองไปที่เล่อเล่ออย่างงุนงง เล่อเล่อแสดงสีหน้าสับสนแล้วพูดว่า “แต่ว่าท่านพ่อข้ามีท่านแม่แล้วนะ”

“ข้า…”ไม่รังเกียจ

บ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้ ใครจะสนใจว่าชายผู้นั้นจะแต่งงานแล้วหรือไม่?

“ท่านป้ามิได้งามเหมือนแม่ของข้า หาเงินไม่เก่งเหมือนท่านแม่ข้า และเอาอกเอาใจท่านพ่อข้าไม่เก่งเหมือนท่านแม่ข้าด้วย…” เล่อเล่อไม่รอให้จางฮั่วเหมยพูด ก็เริ่มยกนิ้วเล็กๆขึ้นมาเพื่อนับข้อบกพร่องของจางฮั่วเหมย

เมื่อตอนที่เล่อเล่อพูดว่า“เอาอกเอาใจท่านพ่อข้าไม่เก่งเหมือนท่านแม่ข้า” สีหน้าของลั่วเสี่ยวปิงก็แข็งทื่อไปทันที

เอาอกเอาใจฉีเทียนเห้า?

ไม่ นางไม่ได้ทำ!

นี่ไม่ใช่นาง นางไม่เคยทำอะไรเพื่อเอาใจผู้ชาย

ลั่วเสี่ยวปิงอยากให้เล่อเล่อเลิกใส่ร้ายนางตามใจชอบ แต่เมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของจางฮั่วเหมย ลั่วเสี่ยวปิงก็ตัดสินใจหุบปากฉับ

ช่างเถอะ ถือเสียว่าเป็นคำพูดไร้สาระของเด็กแล้วกัน

ยังไงลูกสาวของนางก็ช่วยกำจัดคนที่นางไม่ชอบออกไป นางก็สบายใจขึ้น

“ดังนั้น ท่านป้า ท่านตัดใจเสียเถอะ ท่านพ่อไม่มีทางเสียท่านแม่ไปเพื่อท่านหรอก”

ในตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงกำลังมึนงงอยู่นั้น ในที่สุดเล่อเล่อก็นับข้อบกพร่องของจางฮั่วเหมยที่มากกว่าลั่วเสี่ยวปิงเสร็จ หลังจากนั้นก็ได้ข้อสรุปสุดท้าย

เมื่อมองไปที่จางฮั่วเหมยอีกครั้ง ใบหน้าของนางขาวซีดราวกับกระดาษ ดวงตาของนางแดงก่ำเต็มไปด้วยน้ำตา และความอับอาย ไม่เพียงแต่ความคับข้องใจของการถูกรังแกแต่ยังมีความละอายและความโกรธด้วย

ลั่วเสี่ยวปิงประหลาดใจมาก ถึงอย่างไรเล่อเล่อก็เป็นเด็กที่อ่อนโยนและน่ารักมาตลอด แทบจะไม่มีพิษมีภัยเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อคิดดูแล้วเล่อเล่อก็มีไอสังหารอยู่บ้างเหมือนกัน

แต่จากสถานการณ์วันนี้ แทบจะลบล้างความคิดที่นางคิดว่านางรู้จักเล่อเล่อไปหมด

แต่ว่า ต้องบอกเลยว่าเล่อเล่อแบบนี้น่ารักจริงๆ

เพราะนางมองออกว่า การที่เล่อเล่อชันหนามบนร่างกายก็เพื่อปกป้องแม่ของตัวเอง

จางฮั่วเหมยภาคภูมิใจมาตลอด ไม่มีดอกไม้ใดหมู่บ้านจะงามไปกว่านาง

เมื่อถูกเด็กห้าขวบมาดูถูกดูแคลนจนเหลือแค่ฝุ่นผงแบบนี้ นางโกรธจนอยากจะแยกคนออกเป็นชิ้นๆ

นางเทียบลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้ตรงไหนกัน? ลั่วเสี่ยวปิงเป็นเพียงแค่หญิงสาวอายุยี่สิบคนหนึ่ง จะเทียบความเยาว์วัยงดงามของนางได้ที่ไหนกัน?

จางฮั่วเหมยคำรามในใจ แต่เมื่อคิดว่าฉีเทียนเห้าอยู่ตรงหน้า นางก็อดทนเป็นเวลานาน ในที่สุดนางก็ระงับความโกรธของตัวเองได้ แล้วมองไปที่ฉีเทียนเห้าอย่างน่าสงสาร “พี่ฉี…”

เสียงนี้ นุ่มนวลเว้าวอนจนเกินเหตุ จนลั่วเสี่ยวปิงอดขนลุกไม่ได้

“ไสหัวออกไป”

ใบหน้าของฉีเทียนเห้าเย็นชา พูดออกมาอย่างเยือกเย็น โดยไม่ไว้หน้าจางฮั่วเหมยสักนิด

ถ้าหากหนานเฉินและคนอื่นๆอยู่ที่นี่ พวกเขาคงคิดว่าจางฮั่วเหมยโชคดีมาก

ถ้าหากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน นายท่านของพวกเขาคงโยนนางออกไปนานแล้ว ไหนเลยจะให้สตรีมาร้องคร่ำครวญอยู่ต่อหน้าเช่นนี้?

นี่เป็นความประสงค์ของฉีเทียนเห้าที่ให้เล่อเล่อเล่นละคร จึงปล่อยให้จางฮั่วเหมยทำแบบนี้

ในเมื่อตอนนี้เล่อเล่อพูดสิ่งที่ควรพูดออกไปหมดแล้ว ฉีเทียนเห้าจึงไม่เกรงใจนางอีก

จางฮั่วเหมยแสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ

ถนอมหญิงสาวที่ว่าล่ะ?

ไม่ใช่สิ หากบุรุษเห็นนางแบบนี้ ควรจะใจอ่อนเข้ามาปลอบโยนนางมิใช่หรือ?

ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้

จางฮั่วเหมยมองไปที่ฉีเทียนเห้าด้วยความตะลึง ด้วยท่าทีที่เข้าใจยาก

“ออกไปซะ อย่าให้ข้าต้องโยนเจ้าออกไป”

ฉีเทียนเห้าไม่อยากจะมองจางฮั่วเหมยอีกแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นเขาจึงขู่อย่างหมดความอดทน

คราวนี้ฉีเทียนเห้าไม่ลังเลที่จะปลดปล่อยแรงกดดันออกมา จางฮั่วเหมยกลัวจนหัวสมองว่างเปล่าไม่ทันคิดอะไร ก็รีบวิ่งออกไปจากปกประตู

เมื่อนางวิ่งออกมาจากประตูบ้านของลั่วเสี่ยวปิง และได้ยินเสียงปิดประตู นางก็ยังไม่ได้สติ เมื่อกี้ฉีเทียนเห้าคนนั้น น่ากลัวมากจริงๆ

ในตอนนี้จางฮั่วเหมยได้ล้มเลิกความคิดที่จะเข้าใกล้ฉีเทียนเห้าอีกครั้ง ชายคนนั้น นอกจากมีเงินนิดหน่อยแล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนใจอีก

หน้าตาก็น่าเกลียด อารมณ์ยังจะไม่ดีอีก ยังเทียบกับคุณชายโอหยางในวันนั้นไม่ได้เลยสักนิด

แต่ว่าเมื่อจางฮั่วเหมยคิดถึงตอนที่โอหยางฉี่หยู่โยนเนื้อที่เต็มไปด้วยเลือดใส่นาง สีหน้าของนางก็ซีดลงอีกครั้ง

ทันใดนั้น นางก็รู้สึกว่าชีวิตของนางทุกข์จริงๆ

ในเมื่อสวรรค์ทำให้นางมีรูปลักษณ์ที่งดงามเช่นนี้ ทำไมจึงไม่หาคนรักมาให้นางด้วยเล่า?

นางอยากจะแต่งงานกับคนดีๆ ยังต้องมาอดทนกับเรื่องแย่ๆพวกนี้ด้วยตัวเอง ชีวิตของนางช่างยากเย็นเสียจริง

จางฮั่วเหมยเดินไปที่หมู่บ้านอย่างมั่นคง แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ก้าว มือของนางก็วางบนปกเสื้อผ้าของนาง ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยแสง

ดีเลย ครั้งนี้มาไม่เสียเปล่าแล้ว

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้จางฮั่วเหมยก็รู้สึกดีขึ้นมาก

หลังจากที่จางฮั่วเหมยออกไป บ้านก็เงียบลงในที่สุด

ลั่วเสี่ยวปิงก็อารมณ์ดี โดยคิดว่างานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่จะจัดขึ้นในอีกสามวัน ดังนั้นนางจึงไม่รีบร้อนในการผลิตยา และพูดกับอานอานและเล่อเล่อ

“พวกเจ้ารอก่อน แม่จะไปทำพะโล้มาให้พวกเจ้ากิน”

ลั่วเสี่ยวปิงในเวลานี้ เพียงต้องการทำอะไรอร่อยๆ เพื่อให้รางวัลกับเล่อเล่อ ส่วนทำไมถึงให้รับรางวัลและทำไมนางถึงอารมณ์ดี ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้คิดลึกซึ้ง

ในเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก ลั่วเสี่ยวปิงคิดช้าจริงๆ

เมื่อมองยังที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของลั่วเสี่ยวปิง พ่อและลูกทั้งสองก็พลอยเป็นไปด้วย

เมื่อเล่อเล่อได้ยินว่าแม่ของตนจะทำพะโล้ ดวงตาก็เป็นประกาย และถามออกไปว่า “ท่านแม่ อะไรคือพะโล้”ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอะไรคือพะโล้ แต่เมื่อฟังดูแล้วก็น่าอร่อยดี

อืม อย่างไรเสีย ของที่ท่านแม่ทำถึงแม้ว่านางจะไม่เคยได้ยินชื่อแต่ก็อร่อยทุกอย่าง ดังนั้นพะโล้นี่ต้องอร่อยแน่นอน

สำหรับลั่วเสี่ยวปิง เล่อเล่อมั่นใจในตัวนางมาก

พะโล้คืออะไร ลั่วเสี่ยวปิงไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำเพียงคำเดียว ดังนั้นลั่วเสี่ยวปิงจึงพูดอย่างลึกลับว่า "อีกหนึ่งชั่วโมงเจ้าจะรู้"

พะโล้ใช้เวลานาน แต่ของง่ายๆ บางอย่างก็ปรุงได้เร็ว ดังนั้นหนึ่งชั่วโมงจึงเหมาะสม

เมื่อพูดจบ ลั่วเสี่ยวปิงก็ไปที่ห้องด้านหลัง

แต่เมื่อเห็นท่าทีของลั่วเสี่ยวปิงแล้ว ฉีเทียนเห้าก็รีบวางเล่อเล่อที่อุ้มอยู่ในมือแล้วตามลั่วเสี่ยวปิงไป

เล่อเล่อจะตามไป แต่ก็ถูกอานอานห้ามไว้

แค่ดึงมือของเล่อเล่อไว้ อานอานก็มีสีหน้าหงุดหงิด

เขาอยู่ข้างท่านแม่ เขายังไม่ยกโทษให้ท่านพ่อ จับมือน้องสาวไปทำไมกัน?

“เจ้าดึงข้าไว้ทำไม?”

ในเวลานั้นเอง เล่อเล่อก็ถามด้วยสีหน้าที่งุนงง

อานอาน “...ท่านแม่ต้องไปขนเนื้อแน่ๆ พวกเราไปรออยู่ที่ครัวเถิด อย่าไปยุ่งกับเรื่องของท่านแม่เลย”

อืม ที่เขาจับมือของน้องสาวไว้เหตุผลก็เพราะ เขาไม่มีทางสร้างโอกาสให้ท่านพ่อและท่านแม่แน่นอน

อานอานปลอบตัวเองในใจแล้วจูงเล่อเล่อไปที่ด้านหน้า

เล่อเล่อรู้สึกว่าสิ่งที่อานอานพูดนั้นสมเหตุสมผล ดังนั้นนางจึงไม่คัดค้าน

หลังจากเข้ามาในห้องแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงมองไปยังเนื้อที่แขวนอยู่บนคาน และกำลังจะหยิบมันขึ้นมาด้วยการเขย่ง แต่ในขณะนั้นมืออีกข้างหนึ่งก็เอื้อมมือไปหยิบเนื้อ

“อ่า”

ลั่วเสี่ยวปิงกำลังคิดว่าจะทำพะโล้แบบไหน และนางก็จดจ่ออยู่กับมันมากจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนมาอยู่ข้างหลังเขา

ยื่นมือออกมาอย่างไม่ทันระวังอย่างนี้ ทำให้นางสะดุ้งขึ้นมาทันที

นางตกใจไม่เท่าไหร่ แต่กลับมีปฏิกิริยารุนแรง

เมื่อนางถอยกลับไปด้านข้าง นางก็เหยียบชายกระโปรงของตัวเอง และล้มลงไปด้านข้าง เมื่อนางต้องการจับอะไรบางอย่าง โดยไม่รู้ตัวนางก็คว้าผ้าที่ก้นของฉีเทียนห้าว

จากนั้นก็ได้ยินเสียง “แคว้ก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง