แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 152

เมื่อเสียง‘แคว้ก’ดังขึ้น ลั่วเสี่ยวปิงไม่สนใจตัวเองที่กำลังล้มลงกับพื้น และมองไปที่เสียงนั้นตามสัญชาตญาณ

ในตอนนั้นสิ่งที่ดึงดูดสายตาของนางคือตูดที่ขาวราวกับกลีบดอกไม้ ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกว่าเลือดในกายกำลังแข็งตัว

ทำไม…ถึงเป็นแบบนี้?

ในหัวของลั่วเสี่ยวปิงว่างเปล่า มากเสียจนไม่ทันสังเกตว่ามือใหญ่คู่หนึ่งจับนางไว้แน่นจึงไม่ทำให้นางล้มลง ในใจของนางมีเพียงตูดที่ขาวราวกับกลีบดอกไม้ เท่านั้น

“เจ้าจะอยู่ในอ้อมแขนข้าอีกนานไหม?” เสียงแหบทุ้มดังขึ้นมาจากด้านบนของลั่วเสี่ยวปิง

ลั่วเสี่ยวปิงลืมตาขึ้นสบสายตากับฉีเทียนห้าว แล้วมองดูดอกไม้สีขาวโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง... ก็มันขาวจริงๆ...

ฉีเทียนห้าว “…”

ฉีเทียนห้าวรู้สึกว่าถ้าไม่ใช่ผู้หญิงตรงหน้าของเขาอาจจะเป็นแม่ของลูกเขา เขาคงจะ…

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาสายตาของเขาเห็นแต่ท่าทางงี่เง่าของลั่วเสี่ยวปิงที่นับวันก็มากขึ้นเรื่อยๆ ฉีเทียนห้าวก็ท้อแท้อย่างอธิบายไม่ถูก

ช่างเถอะ ถึงแม้ว่าอานอานเล่อเล่อจะไม่ใช่ลูกของเขา เขาก็ไม่สามารถปฏิบัติต่อผู้หญิงตรงหน้าเขาเหมือนกับผู้หญิงที่เขาไม่มีความเกี่ยวข้องคนอื่นๆ

เขาต้องยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้เข้ามาในหัวใจของเขาโดยไม่รู้ตัว

ถึงขนาดที่ว่า เมื่อเห็นท่าทีของนางตอบสนองความรู้สึกช้าเพราะตนเอง ที่จริงในใจของเขาก็มีความสุขมาก

แม้ในขณะที่ผู้หญิงคนนี้ฉีกกางเกงของเขา สีหน้าเขาก็ดำถมึงทึงเล็กน้อย

“น่าดูมากหรือ?” เมื่อเห็นลั่วเสี่ยวปิงยังคงจ้องมองที่บั้นท้ายของเขา ฉีเทียนห้าวก็พูดเบาๆ ในน้ำเสียงแหบแห้งของเขา มีความเย้ายวนบางส่วนอน่างไม่รู้สาเหตุ

“อืม” ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว “ทั้งขาวทั้งนุ่ม ข้าอยากลูบ…”

ฉีเทียนห้าว “…”

ครึ่งชั่วยามต่อมา…

ในห้องครัว รสชาติของซุปตุ๋นนั้นเข้มข้นมาก ด้วยรสชาติเพียงอย่างเดียวก็ทำให้คนอยากกลืนลิ้นได้

แต่ว่าน้ำซุปพะโล้กำลังตุ๋น ด้านข้างมีเนื้อหั่นไว้เต็มไปหมด หนัง เครื่องในและเนื้อไก่นิดหน่อย อีกทั้งยังมีเห็ดมันฝรั่งและของอื่นๆอีก ลั่วเสี่ยวปิงเพียงนั่งอยู่หน้าเตาจิตใจฟุ้งซ่าน ดูเหมือนไม่อยากลงมือทำอะไรเลย

ในที่สุด อานอานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป

เขาก้าวไปข้างหน้า เอื้อมมือออกไปแตะที่หน้าผากของลั่วเสี่ยวปิง

หลังจากนั้น เด็กที่ทำตัวเป็นเหมือนผู้ใหญ่ก็ขมวดคิ้ว แล้วแตะหน้าผากของตัวเอง คิ้วก็ขมวดแน่นขึ้น

ในตอนที่มือเล็กๆของอานอานวางลงบนหน้าผากของลั่วเสี่ยวปิง ลั่วเสี่ยวปิงก็ได้สติกลับมา เมื่อเห็นท่าทีของอานอาน ลั่วเสี่ยวปิงก็งงงวยเล็กน้อย

ในเวลานี้อานอานมีสีหน้าจริงจังสบตากับนาง “ท่านแม่ท่านก็ไม่ตัวร้อน แล้วเหตุใดหน้าจึงแดงเช่นนั้น?” แล้วยังนั่งนิ่งๆหน้าเตาไม่หือไม่อืออีก

แม้ว่าอานอานจะจับคู่พ่อกับแม่ของเขาโดยไม่รู้ตัว แต่ว่าอานอานก็อายุแค่นั้น ดังนั้นเขาจึงรู้แค่ว่าผู้ใหญ่เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังจะพัฒนาความสัมพันได้ แต่เขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่ ดังนั้นตอนนี้เขาจึงมีข้อสงสัย

ลั่วเสี่ยวปิง “...เอ่อ อาจจะเป็นเพราะไฟร้อนเกินไปกระมัง”

ใช่แล้ว เป็นเพราะไฟร้อนเกินไปนางจึงหน้าแดง

อานอาน “…” อารมณ์บนใบหน้าน้อยๆ จริงจังมากกว่าเดิม

แม่ปฏิบัติต่อเขาราวกับว่าเขาเป็นเด็กใช่หรือไม่?

ใบหน้าของนางแดงก่ำตั้งแต่ก่อนตั้งเตาไฟ เขาเห็นอยู่นะ

“ท่านแม่ น้ำซุปพะโล้ใกล้จะแห้งแล้ว” อานอานไม่ได้ซักไซร้คำโกหกของลั่วเสี่ยวปิง แต่ชี้ไปที่หม้ออย่างเคร่งขรึม

ลั่วเสี่ยวปิงจึงได้สติ โยนเนื้อและของต่างๆลงไปในน้ำซุปพะโล้อย่างรวดเร็ว

แค่มองไปยังของต่างๆที่อยู่ในหม้อ ลั่วเสี่ยวปิงอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา

ก่อนหน้านี้นางทำอะไรลงไป? พูดอะไรออกไป?

ทำไมนางถึงบอกว่านางต้องการสัมผัสดอกไม้สีขาวของฉีเทียนเห้า... น่าละอายมากจริงๆ

นางต้องบ้าไปแล้วถึงพูดแบบนั้นออกมาได้

อานอานมองไปยังท่าทางที่ฟุ้งซ่านของแม่เขาอีกครั้ง แล้วส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากนั้นจึงเดินออกไป

เล่อเล่อเห็นอานอานเดินออกมา ก็รีบถามว่า “ท่านพี่ ท่านแม่ป่วยใช่หรือไม่?”

เล่อเล่อกังวลใจมาก

อานอานสั่นหัวเมื่อได้ยิน "ไม่ ท่านแม่แค่อยู่ใกล้ไฟนาน จึงร้อน"

“อ้อ...” เล่อเล่อไม่ได้คิดมาก “ท่านแม่หน้าแดง ข้าคิดว่าท่านแม่เหนื่อยมากจนป่วยไข้ ท่านแม่ไม่ได้ป่วยไข้ก็ดีแล้ว”

“อืม ท่านแม่สบายดี”

ลั่วเสี่ยวปิงที่อยู่ในครัวฟังการสนทนาระหว่างสองพี่น้อง ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย

ที่แท้เด็กทั้งสองเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของนางจริงๆ

ถ้าหากเด็กสองคนแบบนี้ แล้วฉีเทียนห้าวล่ะ? เห็นด้วยหรือไม่?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของลั่วเสี่ยวปิงก็จริงจังขึ้นมาทันที ในหัวเริ่มคิดถึงวันที่ผ่านๆมา

ในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มไม่เป็นตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ

นางเป็นคนที่สงบ ฉลาด และมีเหตุผลมาโดยตลอด ไม่ค่อยได้รับอิทธิพลจากโลกภายนอกแล้วส่งผลต่อความสามารถในการคิดเช่นนี้

นางรู้มาตลอดว่าตนเองกำลังทำอะไร ทุกอย่างล้วนเป็นระเบียบเรียบร้อย

แต่ตัวเองในระยะนี้ สับสน ประมาท หากเจอเรื่อง...พูดให้ถูกคือ หากนางเจอเรื่องที่เกี่ยวกับฉีเทียนห้าว ในหัวของนางราวกับเต็มไปด้วยทราย ไม่สามารถสงบลงได้ และก็มักจะทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองรู้สึกขายหน้าอยู่เสมอ

แล้วยังหน้าแดงง่าย เขินอายง่าย

เหมือนกับตัวเองในวันนี้

เหมือนนางเอกหน้าหวานใสซื่อในนิยาย

แต่ว่า ทำไมกัน?

เป็นครั้งแรกที่ลั่วเสี่ยวปิงเริ่มเผชิญกับปัญหานี้อย่างตรงไปตรงมา

ที่มาของทุกอย่างคือฉีเทียนเห้า ส่วนนางเอง ถึงแม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับความรู้สึกพวกนี้เลยสักนิด อีกทั้งยังค่อนข้างประมาท แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางไม่ได้ไม่เข้าใจอะไรเลย

อย่างไรเสียนางก็เป็นผู้หญิงยุคใหม่ นิยายหรือละครโทรทัศน์นางก็ดูมาไม่น้อย อีกทั้งนางยังเคยแสดงละครสะเทือนอารมณ์อีกด้วย

ดังนั้นนางชอบฉีเทียนห้าวเข้าแล้วหรือ?

เมื่อลั่วเสี่ยวปิงวิเคราะห์ถึงตรงนี้ หัวใจของนางก็เต้นเร็วโดยไม่มีสาเหตุ

ในขณะนั้น ชั่วขณะหนึ่ง อารมณ์ที่ซับซ้อน เช่น ความตกใจ ความตื่นตระหนก ต่างๆก็กระทบหัวใจของนาง

ในฐานะผู้หญิงยุคใหม่ ลั่วเสี่ยวปิงไม่ใช่คนที่ไม่กล้ารักหรือเกลียดชัง

แต่ว่าในยุคสมัยนี้ นางต้องคิดให้มากหน่อย หากนางไม่คิดให้รอบคอบ

ฉีเทียนเห้า ฐานะไม่ธรรมดา เขาอาจจะเป็นแม่ทัพใหญ่ก็ได้

ส่วนตัวเอง ก็เป็นหญิงสาวชาวนาธรรมดาๆ แล้วยังเป็นสาวชาวนาที่มีบุตรนอกสมรสสองคนอีกด้วย

ทั้งฐานะ ตัวตน อะไรต่างๆล้วนไม่เหมาะสมกัน

นางไม่ใช่เด็กไร้เดียงสา ไม่คิดว่าเหมือนความกล่าวประเภทความรู้สึกจงเจริญ ขอเพียงมีความรู้สึกก็สามารถเอาชนะอุปสรรคทั้งหลายได้

เพราะนางรู้ดีว่าเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งถูกครอบงำด้วยความรักแบบนี้ นางก็จะกลายเป็นคนขี้แพ้ทางอารมณ์ก่อน

ท้ายที่สุดแล้วอารมณ์ของสตรี บุรุษย่อมไม่เหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม นางไม่ใช่คนที่จะทิ้งความรู้สึกไปง่ายๆเพราะความจริงเหล่านี้

ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกหรือเรื่องอื่นๆ หากไม่ลองพยายามให้ถึงที่สุดก็ยอมแพ้ง่ายๆ ล้วนถือว่าไม่กล้าหาร

ดังนั้นนางตัดสินใจจะปล่อยไปตามธรรมชาติ

ท้ายที่สุดนางไม่รู้ว่านางกำลังชอบพอฉีเทียนห้าวอยู่ฝ่ายเดียวหรือเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย

หากฉีเทียนห้าวก็สนใจในตัวนาง นางก็จะไม่วิ่งหนี นางจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยืนบนความสูงเท่ากับฉีเทียนห้าวและเดินเคียงข้างกัน

หากฉีเทียนห้าวไม่มีใจให้ตัวนาง นางจะเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจของนางและให้เวลากับมัน

หลังจากคิดอย่างชัดเจนแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกสบายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ในวันนี้ บ้านใหม่ของลั่วเสี่ยวปิงเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของหมูตุ๋น ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านบ้านของลั่วเสี่ยวปิงขึ้นภูเขาน้ำลายไหลไปหมด

และในตอนดึก ลั่วเสี่ยวปิงซึ่งควรจะหลับอยู่ก็ลุกขึ้นจากเตียง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง