แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 154

“ท่านแม่ รถม้าเยอะมากเลย” เล่อเล่อวิ่งมาจากหน้าประตูด้วยความตื่นเต้น

นางไม่เคยเห็นรถม้ามากมายขนาดนี้มาก่อน อาจจะมีมากกว่าสิบคันเลยทีเดียว อลังการมาก

ลั่วเสี่ยวปิงมองดูท่าทางตื่นเต้นของลูกสาว ถึงแม้ว่านางจะงง แต่นางก็วางงานลงและเดินไปที่ประตู

ทันทีที่เดินออกจากประตู ลั่วเสี่ยวปิงเห็นว่าในรถม้าที่ประณีต เถ้าแก่ฉินก็ออกมา

เมื่อเห็นลั่วเสี่ยวปิง เถ้าแก่ฉินก็ส่งยิ้มการค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา

“แม่นางลั่ว ข้านำของดีมาฝากเจ้า”

ของดี?

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วเสี่ยวปิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้คำตอบอยู่ในใจ ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“แม่นางลั่วท่านอาจจะไม่รู้ เจ้านายของพวกเราใช้กำลังไปมากแค่ไหนเพื่อหาของสิ่งเหล่านี้ ดีที่ยังหาจนพบ” ตอนที่เถ้าแก่ฉินพูด เขาก็ภูมิใจในตัวเองมาก

แต่หลังจากที่ภูมิใจแล้ว เถ้าแก่ฉินก็กังวลเล็กน้อย “แต่ว่าแม่นางลั่ว ของพวกนี้สามารถปลูกพริกพวกนั้นออกมาได้จริงๆหรือ?”

สิ่งที่อยู่ในรถม้านั่นเขาเห็นแล้ว แต่ในใจของเขาไม่เชื่อเลยสักนิด

ผ้าเหล่านั้นที่ทุ่มเทมากมาย ขนส่งด่วนจากแดนไกล แม้แต่ทำเสื้อผ้ายังรู้สึกไม่คุ้มต้นทุนแต่กลับแพงหูฉี่ สามารถปลูกพริกได้ในฤดูหนาวหรือ?

ไม่ว่าเถ้าแก่ฉินจะคิดอย่างไรก็รู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถือ เพราะเขาก็ไม่เคยได้ยินว่าใครปลูกผักด้วยผ้ามาก่อน

แต่อีกฝ่ายคือลั่วเสี่ยวปิง คนที่สามารถปลูกเห็ดได้ แกะเปลือกเมล็ดสนได้ แล้วยังให้สูตรออาหารมากมายกับเขา ทำให้หอฝูหม่านชนะหอว่านเซียง แม่นางลั่วทำให้เขาได้ความดีความชอบต่อหน้าเจ้านายอย่างใหญ่หลวง ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถือ เขาก็ไม่กล้าพูดออกมา

หวังว่าคราวนี้ แม่นางลั่วจะยังสามารถทำให้เขาประหลาดใจได้ ไม่เสียทีที่เจ้านายเชื่อมั่นในนาง

ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้ตอบคำถามเถ้าแก่โดยตรง แต่เดินไปยังรถม้าคันที่สอง

เรื่อนกระจกอุ่นของนางจะสำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับผ้าน้ำมันกันน้ำที่โอหยางฉี่หยู่นำมาว่าจะเป็นอย่างไร

ไม่เห็นของจริง ก็พูดไม่ได้ว่านางทำได้

แต่สิ่งที่ลั่วเสี่ยวปิงคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงก็คือเมื่อม่านถูกเปิดออก นางก็พบกับความสุขที่คาดไม่ถึง

ในรถม้ามีผ้าน้ำมันสีน้ำตาลกองอยู่เต็มไปหมด

แต่ว่าผ้าน้ำมันพวกนั้นไม่เหมือนกับที่นางคิดไว้โดยสิ้นเชิง

เมื่อก่อนตอนที่นางไม่มีอะไรทำนางเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับข้อมูลโบราณ และรู้ว่าผ้าน้ำมันโบราณจำนวนมากทำจากผ้าที่เคลือบด้วยชั้นของน้ำมัน เพื่อให้การกันน้ำและกันความร้อนได้ผลดี

ตัวอย่างเช่นร่มกระดาษน้ำมันก็เป็นหลักการดังกล่าว

แต่ผ้าชนิดนี้ก็มีข้อเสียอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผ้าหนักและทึบแสง

และด้วยเหตุผลนี้เอง เมื่อนางตัดสินใจหาผ้าชนิดนี้ ก็ตัดสินใจแทนที่แสงแดดด้วยแสงเทียนเพื่อส่งเสริมการสังเคราะห์แสงของพืช

แต่ผ้าใบผ้าน้ำมันที่โอหยางฉี่หยู่นำมา ไม่เพียงเบาและเรียบเนียน แต่ยังกึ่งโปร่งแสงอีกด้วย

ถึงแม้ว่าความโปร่งใสจะน้อยกว่าฟิล์มพลาสติกมาก แต่ก็ยังส่งผ่านแสงได้

แต่เมื่อดูจากวัสดุแล้ว ผ้าน้ำมันเหล่านี้ไม่ได้ทำมาจากผ้าและน้ำมัน แต่ดูเหมือนหนังของปลาบางชนิดมากกว่า

ที่คาดเดาเช่นนี้ก็เพราะว่า เมื่อม่านของรถม้าเปิดออก นางได้กลิ่นคาวของอาหารทะเล

กลิ่นนี้เบาบางมาก แต่นางสามารถดมรู้ได้ทั้งหมดเพราะประสาทรับกลิ่นที่ว่องไวของนาง

ทั้งหมดนี้เป็นความประหลาดใจที่น่ายินดี

“เถ้าแก่ฉินวางใจ มีของพวกนี้อยู่ ให้เวลาข้าแค่หนึ่งเดือนข้าก็ปลูกพริกออกมาได้แล้ว” พริกธรรมดาหนึ่งเดือนตามธรรมชาตินั้นไม่เพียงพอ แต่นางตัดสินใจที่จะมอบต้นกล้าที่เปลี่ยนแปลงมาจากน้ำแร่วิญญาณให้กับชาวบ้าน

ด้วยวิธีนี้ วงจรการเจริญเติบโตสามารถสั้นลงได้เยอะมาก และคุณภาพของพริกเองก็ดีขึ้นเช่นกัน

แต่ก่อนตะถึงตอนนั้น ต้องพูดเรื่องผ้าน้ำมันให้ชัดเจน

“ผ้าน้ำมันพวกนี้ราคาเท่าไหร่?” ผ้าน้ำมันเป็นนางที่ต้องการใช้ แน่นอนว่านางต้องถามราคาให้ชัดเจนและจ่ายเงิน

ถึงแม้ว่านางจะมีลางสังหรณ์ว่าผ้าน้ำมันเหล่านี้จะต้องมีราคาแพง

แต่เมื่อเทียบกับกำไรของเรือนกระจกอุ่น นางก็ยังมั่นใจมาก

แต่โอหยางฉี่หยู่ต้องยินยอมให้ติดเงินไว้ก่อน

ถึงอย่างไรหากให้นางเอาเงินมากขนาดนี้ออกมา นางก็ไม่สามารถเอาเงินมากขนาดนี้ออกมาได้เช่นกัน

เมื่อเถ้าแก่ฉินได้ยินก็โบกมือทันที “เจ้านายของพวกเราพูดแล้วว่า ผ้าน้ำมันนี้มอบให้แม่นางลั่ว ขอเพียงแค่แม่นางลั่วขายของที่ปลูกออกมาได้ให้พวกเราเท่านั้นก็ถือเป็นการร่วมมือกัน”

เถ้าแก่ฉินคิดว่าผลประโยชน์มหาศาลเช่นนี้ ลั่วเสี่ยวปิงจะต้องพยักหน้าเห็นด้วยอย่างแน่นอน

ถึงอย่างไรของพวกนี้ก็ไม่ใช่ราคาถูกๆ แล้วยังได้มาเปล่าๆ ใครจะไม่ตกลงได้?

แต่อย่างไรลั่วเสี่ยวปิงก็มีเหตุผลของตัวเอง

พริก นางตัดสินใจที่จะวางแผนร่วมมือกับโอหยางฉี่หยู่ แต่ว่าในเรือนกระจกอุ่นของนาง นางไม่เพียงแต่จะปลูกพริกเท่านั้น

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเตรียมเปิดร้านขายผักนอกฤดู ถึงแม้ว่านางจะไม่เปิดร้าน นางก็จะเก็บของในเรือนกระจกอุ่นไว้ใช้เอง

เพื่อได้ของฟรีๆ มาในตอนนี้ จำเป็นต้องรับการผูกขาดการซื้อของในเรือนกระจกอุ่น คนขาดทุนก็คือนางเอง

ดังนั้นไม่จำเป็นต้องคิดเลย ลั่วเสี่ยวปิงก็ยังคงปฏิเสธ

“ผ้าน้ำมันข้าจะจ่ายเงินซื้อ ส่วนความร่วมมือ เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ ตอนนี้ข้ายังไม่คิดจะร่วมมือกับผู้อื่น แต่สิ่งที่ปลูกออกมาข้าไม่สามารถขายให้พวกเจ้าทั้งหมดได้”

เถ้าแก่ฉินแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้ แต่เขาก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว “ความหมายของแม่นางลั่วคือ…”

ไม่ร่วมมือกับผู้อื่น แล้วยังไม่ขายให้กับหอฝูหม่านทั้งหมด หรือว่าแม่นางลั่วตั้งใจจะเปิดร้านเอง?

คิดถึงตรงนี้ สีหน้าของเถ้าแก่ฉินก็เปลี่ยนเป็นไม่น่ามองทันที

เขารู้ถึงความสามารถของลั่วเสี่ยวปิง อย่างเรื่อยเปื่อยก็เอาสูตรให้หอฝูหม่านกอบกู้สถานการณ์ได้ นี่ไม่ว่านางนางยังมีสูตรมากกว่านี้

หากลั่วเสี่ยวปิงเปิดร้านอาหารเอง แล้วหอฝูหม่านของพวกเขาจะอยู่ได้หรือ?

ลั่วเสี่ยวปิงเห็นสีหน้าของเถ้าแก่ฉินเปลี่ยนไปอยู่ในสายตา พอเดาได้ว่าเถ้าแก่ฉินกำลังคิดอะไรอยู่ ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้อธิบายมากนัก แต่ให้ความมั่นใจกับเถ้าแก่ฉินเท่านั้น

“เถ้าแก่ฉินวางใจเถอะ ถึงข้าอยากทำการค้า ก็ไม่คิดจะแย่งการค้ากับหอฝูหม่าน”

นอกจากจะเปิดร้านขายผักและผลไม้นอกฤดูแล้ว นางยังวางแผนที่จะเปิดร้านเนื้อย่างและหม้อไฟแบบบริการตนเองอีกด้วย

ถึงจะเป็นร้านอาหารเหมือนกัน แต่ต่างที่ประเภท ไม่จัดว่าแย่งการค้า

ถึงอย่างไรลูกค้าก็ต่างกัน

ตัวอย่างเช่น บางคนชอบเนื้อย่าง บางคนชอบกินหม้อไฟ แต่เนื้อย่างหม้อไฟไม่ได้กินได้ทุกมื้อเหมือนอาหาร

นอกจากนี้ นางยังมีแผนอื่นๆสำหรับหอฝูหม่าน

เถ้าแก่ฉินมองไปที่ลั่วเสี่ยวปิง และในที่สุดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าคำพูดของลั่วเสี่ยวปิงดูเหมือนจะไม่ได้โกหก

แค่ลั่วเสี่ยวปิงไม่คิดแย่งการค้ากับหอฝูหม่านก็ดีแล้ว

ลั่วเสี่ยวปิงเหมือนจะไม่เห็นการถอนหายใจด้วยความโล่งอกของเถ้าแก่ฉิน แล้วถามอีกครั้ง “ตอนนี้เถ้าแก่ฉินสามารถบอกราคาของผ้าน้ำมันได้แล้วกระมัง?”

เถ้าแก่ฉิน “ห้าพันตำลึง”

ก่อนมาที่นี่ เจ้านายบอกว่าถ้าลั่วเสี่ยวปิงยืนยันที่จะใช้เงินซื้อผ้าน้ำมัน ก็ให้บอกราคาต้นทุนกับนาง

ที่แท้ เจ้านายก็คือเจ้านาย คาดเดาได้ถูกต้องจริงๆ

ลั่วเสี่ยวปิง “…”

ห้าพันตำลึง…สำหรับนางแล้ว ช่างเป็นตัวเลขสูงเฉียดฟ้าจริงๆ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง