แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 166

หลังจากกลับไปยังบ้านเก่าตระกูลลั่ว ลั่วเหอซิ่งยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจ ไม่ว่าท่านย่าลั่วและฟ่านซื่อจะพากันหมุนเวียนเกลี้ยกล่อมยังไง สีหน้าลั่วเหอซิ่งก็ยังคงไม่ดีขึ้นมา

“เจ้าใหญ่ เจ้าคอยอยู่เป็นเพื่อนเหอซิ่ง ข้าจะไปย่างเนื้อให้เหอซิ่ง” ท่านย่าลั่วบอก จากนั้นก็วิ่งเข้าห้องครัวไป

หลังจากที่ลั่วเหอซิ่งแสดงพรสวรรค์ในด้านการร่ำเรียนออกมา ท่านย่าลั่วก็ยกลั่วเหอซิ่งขึ้นหิ้งเสมือนบรรพบุรุษมารักใคร่เลย และมีแต่ลั่วเหอซิ่งที่ทำให้ท่านย่าลั่วยอมเอาเนื้อมาทำอาหาร

แน่นอน เนื้อที่ท่านย่าลั่วย่างออกมาก็ให้ลั่วเหอซิ่งกินคนเดียว คนอื่นคิดจะแตะต้องไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก

ฟ่านซื่อเห็นแม่สามีตนจากไป ถึงหันไปบอกลั่วเหอซิ่งว่า “เหอซิ่ง ตอนนี้นังแพศยานั่นตัดขาดสัมพันธ์กับเราแล้ว เราจะทำอย่างไรดี?”

ลั่วเหอซิ่งกลับไม่ได้ตอบคำถามฟ่านซื่อในทันที แต่กลับมองฟ่านซื่อด้วยสายตามาดร้าย พลางถามว่า “เรื่องที่ห้าปีก่อนท่านย่าก็เขียนหนังสือตัดขาดสัมพันธ์ ท่านรู้หรือไม่?”

พอฟ่านซื่อได้ยินคำถามลั่วเหอซิ่ง ก็เบนสายตาหลบอย่างวัวสันหลังหวะ ไม่กล้ามองลั่วเหอซิ่ง

พอเห็นแม่ตนเองเป็นเช่นนี้ ลั่วเหอซิ่งยังมีอะไรไม่เข้าใจอีก?

ถ้าเขารู้แต่แรกว่ามีหนังสือนั่น ก็ไม่ถึงกับต้องเสียทั้งหน้าตาและเหตุผลไปในวันนี้แล้วมิใช่รึ? จำเป็นต้องแผนการล้มเหลวเยี่ยงนี้?

“เหอซิ่ง เจ้าฟังแม่นะ ตอนนั้นที่มีหนังสือนั่นเพราะท่านย่าเจ้ากังวล ว่านังแพศยานั่นจะเกาะติดบ้านเราเลยเขียนให้ผู้ใหญ่บ้าน แม่เองก็ลืมไปแล้ว” พอเห็นสายตาผิดหวังในดวงตาลูกชาย ฟ่านซื่อรีบอธิบายรัวเร็ว

ชาตินี้นางหวังว่าลูกชายคนนี้จะช่วยให้นางได้มีชีวิตสุขสบาย จะมาผิดใจกันเพราะเรื่องนี้ไม่ได้

“ลูกเอ้ย ถ้าเจ้าอยากได้บ้านนั้นของนาง แม่จะคิดหาทางอีกทีดีหรือไม่?” ฟ่านซื่อถามอย่างระมัดระวัง

จากนั้นต่อให้เจอกับการเอาอกเอาใจของฟ่านซื่อ ลั่วเหอซิ่งยังคงไม่สบอารมณ์อยู่ดี

“เอาล่ะท่านแม่ เรื่องนี้พอแค่นี้ ลูกจะไปอ่านหนังสือต่อแล้ว ขอตัวก่อน”

ลั่วเหอซิ่งพูด และไม่สนใจการรั้งตัวของฟ่านซื่อ เดินก้าวเท้าออกไป ฟ่านซื่อได้แต่ยัดเงินเล็กน้อยใส่มือลั่วเหอซิ่ง

ท่านย่าลั่วเดินออกมาจากห้องครัวเพราะได้ยินเสียง และได้เห็นแค่แผ่นหลังลั่วเหอซิ่งที่ผลุนผลันจากไป

รอจนลั่วเหอซิ่งมาถึงหน้าหมู่บ้าน ยังได้กลิ่นหอมของอาหาร และได้ยินเสียงบรรยากาศครื้นเครงในเรือนใหญ่นั่น มันทำให้สีหน้าเขายิ่งดุดันขึ้นมา

ลั่วเสี่ยวปิง ฝากไว้ก่อนเถอะ!

แววตาลั่วเหอซิ่งมีแววมาดร้าย จากนั้นสะบัดชายเสื้อจากไป

เพราะการจากไปของลั่วเหอซิ่ง อาหารกลางวันของบ้านเก่าตระกูลลั่วเลยช้าไปอีกหนึ่งชั่วยามกว่าเวลาปกติ

บนโต๊ะอาหาร สีหน้าฟ่านซื่อและท่านย่าลั่วล้วนไม่สู้ดีนัก และบนโต๊ะอาหารที่เดิมควรจะมีเนื้อ กลับมีเพียงผักกาดขาวต้มไม่กี่จาน ไม่เจอจานเนื้อเลยสักนิด

“ท่านย่า ข้าอยากกินเนื้อ...”

พอเห็นอาหารบนโต๊ะที่ไม่มีเนื้อเลย ลั่วว่างซิ่งร่ำร้องบอก

ทั้งๆที่เขาได้กลิ่นท่านย่าทำอาหารเนื้อแท้ๆ

“ปึ้ง!”

ในใจท่านย่าลั่วมีไฟสุมอยู่แล้ว พอลั่วว่างซิ่งร้องออกมา ก็ทำให้ไฟโกรธของนางระเบิดผลุงออกมา

“กินกินกิน ทำไมไม่กินตายไปเลย? ไม่ดูว่าตัวเองเป็นยังไง มีสิทธิ์ได้กินเนื้อรึ?” ท่านย่าลั่วด่ากราด

อันที่จริงในฐานะหลานชายคนเล็กของบ้านเก่าตระกูลลั่วอย่างลั่วว่างซิ่ง ถือว่าได้รับความรักมากอยู่ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ได้รับการเลี้ยงดูจนอ้วนอย่างนี้

แต่ความรักนั่นกลับเทียบไม่ติดกับลั่วเหอซิ่งเลย ต่อหน้าลั่วเหอซิ่ง ลั่วว่างซิ่งที่ได้รับความรักก็เป็นเพียงแค่หญ้าหางสุนัขปลายแถวเท่านั้น คนอื่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

หลานคนอื่นๆพากันทำตัวเงียบราวจักจั่นในหน้าหนาว ไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว

พวกบ้านสี่ยิ่งถอยหลังอย่างหวาดกลัว ช่วยไม่ได้ ฐานะของบ้านสี่ในตระกูลลั่วต่ำที่สุด เอะอะก็โดนด่าโดนตีตลอด

จากนั้นเวลานี้เอง กลับได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจจากลั่วเสี่ยวอวี่ของบ้านสอง “อ๊า พี่สี่ ท่านเหยียบโดนข้าแล้วนะ”

พอลั่วเสี่ยวอวี่อุทานคราวนี้ ทำให้สายตาทุกคนพุ่งมองไปที่ลั่วเสี่ยวจู๋ของบ้านสี่

เดิมลั่วเสี่ยวจู๋ก็เติบโตมาในบ้านสี่ที่โดนกดขี่เป็นเวลานาน เป็นคนขี้ขลาดมากด้วย พอเจอเรื่องนี้ ลั่วเสี่ยวจู๋หน้าซีดเผือดทันที “ไม่ ข้าไม่ได้...”

ลั่วเสี่ยวจู๋จะอธิบาย แต่ยังพูดไม่ทันจบ ชามใหญ่ของท่านย่าลั่วโยนใส่หัวลั่วเสี่ยวจู๋ทันที

“ปึ้ง---“

ชามแตกแล้ว!

ลั่วเสี่ยวจู๋หัวแตก เลือดไหลอาบหน้า ดูแล้วน่ากลัวนัก

หวางซื่อเห็นหัวลูกสาวตนเองเลือดอาบ ตกใจจะขึ้นหน้า ท่านย่าลั่วกลับเอ่ยขึ้นเสียงเย็นว่า “คนบ้านสี่ห้ามกินข้าว ขึ้นเขาไปเด็ดเห็ดมาให้ข้า”

พูดจบ ท่านย่าลั่วยังถุยออกมาหนึ่งคำ “เสียดายชามข้าจริงๆ น่ารำคาญ”

เป็นแบบนี้ ลั่วเสี่ยวจู๋เลือดอาบหัวอาบหน้าก็ถูกไล่ไปขึ้นเขา ใครก็ไม่ได้สังเกตเห็นแววตาได้ใจที่วาบผ่านในดวงตาของตัวต้นเหตุอย่างลั่วเสี่ยวอวี่

.....

ตกเย็น สภาพเละเทะของเรือนใหม่เก็บกวาดเรียบร้อย หลังจากบ้านจางต้าหลางกลับไป อาศัยตอนที่เด็กทั้งสองไปอาบน้ำ ลั่วเสี่ยวปิงถึงจะหันมองฉีเทียนเห้า

“ว่ามาสิ สินสอดนั่นของวันนี้มันเรื่องอะไรกัน?”

ตอนถามคำนี้ออกมา น้ำเสียงของลั่วเสี่ยวปิงราบเรียบ สายตาก็มองจับจ้องไปที่ฉีเทียนเห้า ไม่ยอมพลาดสีหน้าแม้สักขณะของฉีเทียนเห้าเลย

“เรื่องอะไรกันที่ไหน ในเมื่อวันที่หกเดือนหน้าพวกเราจะแต่งงานกัน ให้สินสอดเจ้าก็เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว” ฉีเทียนเห้าแกล้งโง่

ลั่วเสี่ยวปิงมองฉีเทียนเห้าเงียบๆ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ลั่วเสี่ยวปิงหมุนตัวทำท่าจะออกไป

ฉีเทียนเห้า “...เจ้าจะไปเยี่ยงนี้เลย?” ไม่ใช่ควรจะตามถามต่อรึ?

ลั่วเสี่ยวปิงพูดทั้งๆที่ไม่หันหลังกลับ “ในเมื่อท่านไม่อยากพูด ถือซะว่าข้าไม่ได้ถาม”

ฉีเทียนเห้า “...” ถ้าน้ำเสียงเจ้ามิเย็นชาเยี่ยงนั้น บางทีข้าอาจจะถือเสียว่าเจ้าไม่ได้ถามจริง

แต่คำพูดนี้ฉีเทียนเห้ากลับไม่กล้าพูดอย่างน่าประหลาด

ต้องรู้นะ ด้วยฐานะของเขา มีหรือจะมีเวลาที่ไม่กล้าพูด?

แต่ตอนนี้เขาไม่เพียงไม่กล้าพูด ยังไม่กล้าทำให้ลั่วเสี่ยวปิงโกรธอีกด้วย

เขามองออกแล้ว ถ้าตนไม่พูดเปิดอก ลั่วเสี่ยวปิงคงจะโกรธและไม่สนใจตนเองจริงๆแน่

“ข้าไม่ได้บอกว่าไม่อยากพูด” ฉีเทียนเห้าปรับตัว เห็นลั่วเสี่ยวปิงหมุนร่างหันมามองตน ฉีเทียนเห้าพูดต่อ “ของพวกนั้นข้าเอามาเป็นสินสอดให้เจ้าจริงๆ”

เพราะตอนนี้เขาไม่อยากแต่งงานหลอกๆแล้ว

ลั่วเสี่ยวปิงหมุนร่างเตรียมเดินจากไป ไม่อยากฟังฉีเทียนเห้าพูดจาเพ้อเจ้อ

อืม ถ้าจะไม่สนใจความเต้นเร็วแรงของหัวใจได้ล่ะก็.....

“แน่นอน ข้ามีประโยชน์อย่างอื่นเหมือนกัน” ฉีเทียนเห้าเพิ่มเติมทันเวลา

ลั่วเสี่ยวปิงหยุดฝีเท้าลง แต่ไม่ได้หมุนกลับมา

ฉีเทียนเห้าส่งสินสอดมามันไม่ธรรมดา นางรู้ดี ไม่งั้นระดับฝีมือของฉีเทียนเห้า ท่านย่าลั่วมีหรือจะสามารถเปิดกล่องใหญ่นั่นต่อหน้าทุกคนได้?

ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเป็นแค่สินสอด ฉีเทียนเห้าจะอาศัยจังหวะต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้? พวกขุนนางตำแหน่งใหญ่โตถึงจะใช้การให้สินสอดต่อหน้าทุกคนมาเพิ่มหน้าตาชื่อเสียง แต่ในชนบท เงินทองมากมายขนาดนั้นมีแต่จะดึงดูดความละโมบจากคนอื่น

มีเงินไม่ควรเปิดเผย ในชนบทเป็นเรื่องจำเป็นมาก

สำหรับฉีเทียนเห้าอยากจะทำอะไรอันที่จริงนางก็พอเดาได้อยู่บ้าง แต่การคาดเดาก็คือการคาดเดา นางอยากฟังว่าฉีเทียนเห้าจะพูดยังไง

“ข้าอยาก...”

“เสี่ยวปิง ช่วยด้วย---“

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง