แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 167

“เสี่ยวปิง ช่วยด้วย---“

“ปึ้งปึ้ง---“

ในตอนที่ฉีเทียนเห้าจะพูดถึงแผนการที่ตนเองทำในวันนี้ พลันได้ยินเสียงตะโกนเรียกอย่างร้อนใจจากด้านนอกประตู จากนั้นก็เป็นเสียงเคาะประตูอย่างร้อนใจรัวๆ

เสียงนี้ดูคุ้นหูนัก

เพียงแต่ลั่วเสี่ยวปิงกลับคิดไม่ออกว่าเป็นใคร

“ข้าจะไปเปิดประตู” ฉีเทียนเห้าพูดพลางเดินไปทางประตู

ตอนประตูใหญ่ถูกเปิดออก ก็เห็นสตรีมีอายุคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างุลักทุเลสะดุดล้มแล้วล้มอีก ฉีเทียนเห้าขมวดคิ้ว ขี้นขวางหน้าลั่วเสี่ยวปิงเพื่อปกป้องนางทันที

ถึงท้องฟ้าจะมืดแล้ว แต่ลั่วเสี่ยวปิงก็เห็นรอยเลือดบนร่างนาง อดขมวดคิ้วไม่ได้

“ปุ้ก”ดังขึ้น นางคุกเข่าให้ลั่วเสี่ยวปิง “เสี่ยวปิง ขอร้องล่ะ ช่วยเสี่ยวจู๋ด้วย ขอร้องล่ะ”

เสี่ยวจู๋?

ลั่วเสี่ยวจู๋?

ลั่วเสี่ยวปิงคิดถึงชื่อนี้ ถึงได้มองสังเกตคนที่อยู่ที่พื้น นางคือหวางซื่อจากบ้านสี่ของตระกูลลั่ว

ในความทรงจำของนาง หวางซื่อมีนิสัยเชื่อฟังว่าง่ายมาตลอด พูดจาเสียงเบาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นหวางซื่อร้อนรนขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้ยินหวางซื่อพูดเสียงดังขนาดนี้ บวกกับสภาพหวางซื่อดูอนาถเล็กน้อย ท้องฟ้ามืดดำแล้ว มิน่าตอนแรกนางถึงจำไม่ได้

ส่วนหวางซื่อนี่ ไม่ว่าจะเป็นตัวลั่วเสี่ยวปิงเองหรือเจ้าของเดิม ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่

บวกกับเห็นหวางซื่อเป็นแบบนี้ ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้ว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ ดังนั้นลั่วเสี่ยวปิงเลยไม่ได้ขับไล่ เพียงถามว่า “เกิดอะไรขึ้นรึ?”

“เสี่ยวจู๋นางจะตายแล้ว เจ้ารู้การแพทย์ เจ้าต้องช่วยเสี่ยวจู๋ได้ใช่หรือไม่?” หวางซื่อเห็นลั่วเสี่ยวปิง เหมือนเห็นฟางช่วงชีวิตเส้นสุดท้ายก็ไม่ปาน

ลั่วเสี่ยวปิงเห็นแววอ้อนวอนและสิ้นหวังในดวงตาหวางซื่อชัดเจน รวมถึงความเศร้าโศกเสียใจอย่างหนักหน่วงด้วย

“ข้าไม่แนว่าจะช่วยได้” ลั่วเสี่ยวปิงขมวดคิ้ว นางรู้การแพทย์น่ะจริง และการแพทย์ของนางก็เป็นแบบรอบด้าน ดังนั้นเลยเก่งกว่าคนอื่น แต่นางยังไม่รู้อาการของลั่วเสี่ยวจู๋ ดังนั้นนางเลยรับรองอะไรไม่ได้

หวางซื่ออึ้ง สภาพเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออก

แต่แค่แวบเดียว หวางซื่อก็โขกศีรษะให้ลั่วเสี่ยวปิงอย่างแรง “เสี่ยวปิง ขอร้องล่ะ เจ้าไปดูเสี่ยวจู๋ให้หน่อย หมอสูบอกว่าวิชาแพทย์ของเจ้าดีกว่า บางทีอาจจะมีหวัง ข้าขอร้องเจ้าล่ะ”

ระหว่างพูด หวางซื่อร้องไห้ออกมา อย่างน่าสงสาร อย่างน่าอนาถมาก

หวางซื่อในตอนนี้ นางแค้นนัก

แค้นตระกูลลั่ว แค้นท่านย่าลั่ว

ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขา ลูกสาวนางจะกลายเป็นเช่นนี้รึ?

ตอนนี้สามีนางไปเอาเงินที่บ้าน แต่จะได้เงินมาหรือไม่ก็ยังไม่รู้ ดังนั้นนางจึงร้อนใจนัก

“พาข้าไปดู” อันที่จริงลั่วเสี่ยวปิงไม่อยากข้องเกี่ยวอะไรกับบ้านเก่าแล้ว

คนบ้านเก่าก็เหมือนปลิง ถ้าเกาะสิ่งที่มีเลือด มิดูดเลือดอย่างเอาเป็นเอาตายเลย

ดังนั้นต่อให้รู้ว่าอาการของลั่วเสี่ยวจู๋อาจจะอันตรายมาก นางก็ไม่ได้บอกแต่แรกว่าจะไป

เพียงแต่เห็นหวางซื่อร้องไห้อย่างน่าอนาถขนาดนี้ นางใจอ่อนละ

ในความทรงจำทั้งหมดของนาง หวางซื่อคือนกกระทาตัวหนึ่ง นกกระทาตัวหนึ่งที่ลูกโดนรังแกก็ช่วยพูดอะไรให้ไม่ได้เลยสักคำ แต่หวางซื่อในตอนนี้กลับเหมือนแม่คนหนึ่งยิ่งนัก

อย่างน้อยนางก็ทำในสิ่งที่แม่คนหนึ่งควรทำ

ฉีเทียนเห้าได้ยินลั่วเสี่ยวปิงจะเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ก็ขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ห้ามปรามอะไร

เพราะเขารู้ดีว่าตนห้ามไม่ได้

พอหวางซื่อได้ยินลั่วเสี่ยวปิงรับปาก ก็ถอนหายใจโล่งอก ลุกขึ้นจะวิ่งไปข้างนอก

แต่พอลุกขึ้น หวางซื่อก็ขาอ่อนยวบ แทบจะล้มลงไป

ลั่วเสี่ยวปิงเข้าไปพยุงโดยไม่รู้ตัว มือจับเข้าที่จุดชีพจรของหวางซื่อ

ไม่นานลั่วเสี่ยวปิงก็ขมวดคิ้ว

น้ำตาลในเลือดต่ำ ขาดสารอาหาร และยังมีอาการตรากตรำทำงานหนักเกินไป

ดูท่าหวางซื่อนี่อยู่อย่างน่าอนาภในบ้านตระกูลลั่วเหมือนกัน

ในใจลั่วเสี่ยวปิงคิดแบบนี้ แต่ไม่ได้พูดอะไร และดึงมือตัวเองกลับเงียบๆ

ไม่ใช่นางดูดาย แต่คนบางคนเรื่องบางเรื่องนางยุ่งไม่ได้

ถ้าคนเราไม่ยืนหยัดด้วยตัวเอง คนรอบข้างช่วยเหลือแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ การที่บ้านสี่โดนกดขี่ ก็เพราะลั่วต้าโซ่วและหวางซื่อไม่รู้จักตอบโต้ถึงเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือไง?

หวางซื่อในตอนนี้ก็ค่อยยังชั่วแล้ว นางมองลั่วเสี่ยวปิงอย่างลุแก่โทษเล็กน้อย จากนั้นก็เดินไปทางหน้าประตู

เดิมลั่วเสี่ยวปิงคิดว่าตนจะไปดูอาการลั่วเสี่ยวจู๋ที่บ้านตระกูลลั่ว แต่พอถึงข้างๆกระท่อมมุงจากหน้าหมู่บ้าน ก็เห็นลั่วสื้อซิ่งที่อายุสิบสี่ปีและลั่วฝูซิ่งที่อายุเจ็ดปีกำลังนั่งยองๆเฝ้าลั่วเสี่ยวจู๋ที่สลบไม่ได้สติ

อย่าเห็นว่าลั่วสื้อซิ่งอายุสิบสี่ปีแล้ว แต่กลับขาดสารอาหารจนดูเหมือนเด็กอายุสิบเอ็ดสิบสองปีเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลั่วฝูซิ่งที่อายุเจ็ดปีด้วยเลย ยังเทียบกับลั่วว่างซิ่งที่อายุหกขวบไม่ได้ เท่าที่ดูน้ำหนักลั่วว่างซิ่งน่าจะเป็นสามเท่าของลั่วฝูซิ่ง

บ้านเก่าตระกูลลั่วลำเอียง ช่างลำเอียงอย่าเหลือเชื่อจริงๆ

ลั่วเสี่ยวปิงมองไปตรวจสอบไป แต่ฝีเท้ากลับไม่ได้ลดช้าลงเลย

เพียงแต่ตอนลั่วเสี่ยวปิงมองลั่วเสี่ยวจู๋ที่นอนอยู่ที่พื้น ขนาดลั่วเสี่ยวปิงเตรียมใจมาแล้วยังอดขมวดคิ้วไม่ได้

ถึงท้องฟ้าจะมืด แต่นางก็ยังเป็นสีหน้าซีดเผือดขาวซีดของลั่วเสี่ยวจู๋ได้

ตอนนี้บนหัวบนหน้าและเสื้อผ้าของลั่วเสี่ยวจู๋ รวมถึงบนตัวลั่วสื้อซิ่งและลั่วฝูซิ่งสองพี่น้อง ล้วนเต็มไปด้วยเลือด

พอเห็นแผลที่ข้างขมับ บาดแผลของลั่วเสี่ยวจู๋กลับยังไม่ได้ห้ามเลือด และไม่รู้ว่าเจ็บมานานแค่ไหนแล้ว

ลั่วเสี่ยวปิงรีบเข้าไปจับชีพจรให้ลั่วเสี่ยวจู๋ สีหน้าดูปั้นยากมากขึ้นเรื่อยๆ

เหมือนกับหวางซื่อ ทั้งน้ำตาลในเลือดต่ำ ขาดสารอาหารและโรคต่างๆในร่างกาย ที่คับขันไปกว่านั้นคือลั่วเสี่ยวจู๋เสียเลือดมากเกินครึ่งแล้ว ร่างกายเริ่มเย็นเยียบ สถานการณ์อันตรายมาก

คิดเล็กน้อย ลั่วเสี่ยวปิงก็ตัดสินใจ “ยกนางเข้าไป”

ลั่วเสี่ยวปิงชี้ไปที่กระท่อมมุงจากของตัวเอง

นางไม่ใช่แม่พระ ไม่มีทางยกลั่วเสี่ยวจู๋เข้าบ้านใหม่ของตัวเองในเวลานี้

ให้ลั่วเสี่ยวจู๋เข้ากระท่อมมุงจากของตัวเอง ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว

เพราะไม่ว่าจะใครก็ตามในตระกูลลั่ว นางก็ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวด้วยทั้งนั้น นางเกลียดเรื่องยุ่งยาก

โชคดีที่การสั่งการของลั่วเสี่ยวปิงไม่มีใครในบ้านสี่คัดค้าน ลั่วสื้อซิ่งและหวางซื่อทั้งสองคนเลยช่วยกันยกลั่วเสี่ยวจู๋เข้ากระท่อมมุงจากอย่างทุลักทุเล

โชคดีที่ในกระท่อมมุงจากยังมีผ้าห่มและเทียนไขเก่าที่เมื่อก่อนใช้อยู่ เลยพอจะช่วยผ่านเวลาคับขันนี้ไปได้

รอจนแม่ลูกหวางซื่อวางลั่วเสี่ยวจู๋ลงบนเตียงแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ให้ทั้งสองคนออกไป

พอทั้งสองคนออกไป ลั่วเสี่ยวปิงก็ให้ลั่วเสี่ยวจู๋ดื่มน้ำแร่วิญญาณหนึ่งหยดก่อน จากนั้นก็จัดการบาดแผลให้ลั่วเสี่ยวจู๋

เพียงแต่ในตอนที่จัดการบาดแผล ลั่วเสี่ยวปิงพบเจอเรื่องหนึ่งที่คับขันยิ่งกว่า

กระดูกศีรษะของลั่วเสี่ยวจู๋โดนตีแตกชิ้นหนึ่ง มิน่าเลือดไหลไม่หยุด

ลั่วเสี่ยวปิงหยิบยาห้ามเลือดที่ปรุงเสร็จแล้วออกมาจากในสเพซ และใส่น้ำแร่วิญญาณลงไปหลายหยด ลั่วเสี่ยวปิงถึงได้ทายาลงบนบาดแผลของลั่วเสี่ยวจู๋

กระดูกแตก รักษาไม่ได้หรอก

แต่ตัวยาที่ให้กระดูกฟื้นตัวกลับมา ทำได้ยากมาก และยังขาดกระสายยาอีกตัว....

“แอด”ดังขึ้น ลั่วเสี่ยวปิงออกจากห้อง พวกหวางซื่อปราดเข้ามาทันที

ส่วนลั่วต้าโซ่วของบ้านสี่ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งสี่คนล้วนมีสีหน้าร้อนใจ แต่แววตาที่มองลั่วเสี่ยวปิงนอกจากรอคอยแล้วยังมีแววยำเกรง

สุดท้ายลั่วฝูซิ่งที่อายุน้อยที่สุดเอ่ยปากขึ้นว่า “พี่เสี่ยวปิง พี่สาวข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง