แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 168

พอถามเสร็จ ลั่วฝูซิ่งก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างหวาดหวั่น

เห็นได้ชัดว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วงลั่วเสี่ยวจู๋มาก ลั่วฝูซิ่งก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามหรอก

“สถานการณ์ไม่สู้ดีเลย” ลั่วเสี่ยวปิงบอกตามจริง สายตามองไปทางลั่วต้าโซ่ว “อาการเสี่ยวจู๋ไม่ดีนัก ตอนนี้ขาดยาหลายอย่าง ข้าต้องไปเตรียม ระยะนี้เสี่ยวจู๋อาจจะตายได้ทุกเมื่อ”

ลั่วต้าโซ่วได้ยินลั่วเสี่ยวปิงพูดแบบนั้น เริ่มลนลานทำอะไรไม่ถูก “ข้า...ข้าจะหาเงินมาให้...”

สายตาลั่วต้าโซ่วมีแววเศร้าโศก รวมถึงความหวาดหวั่นและวัวสันหลังหวะ ไม่กล้าสบตาลั่วเสี่ยวปิงเลยสักนิด

เพราะตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะไปหาเงินที่ไหน เมื่อครู่เขากลับบ้านเก่าไปขอ ไม่เพียงไม่ได้เงินมา ยังโดนด่ากราดชนิดที่ดุร้ายมากอีกด้วย

ท่าทีเก้อเขินของลั่วต้าโซ่ว ลั่วเสี่ยวปิงเห็นอยู่ในสายตา แต่นางทำเป็นไม่เห็น “เงินติดค้างไว้ก่อน แต่คืนนี้พวกเจ้าต้องจับตาดูเสี่ยวจู๋ให้ดี ถ้านางจับไข้ ต้องทำการลดความร้อนลง ช่วยเช็ดตัวให้นาง ไม่งั้นต่อให้ช่วยกลับมาได้ สมองนางก็อาจจะมีปัญหาได้”

ส่วนทำไมไม่ให้ยาลดไข้กับพวกเขาเลยโดยตรง?

เพราะการจับไข้เป็นปฏิกิริยากระตุ้นชีวิตครั้งหนึ่งที่มีต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ สามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายลั่วเสี่ยวจู๋ได้ และจะทำให้นางสามารถต้านทานอาการป่วยร้ายกาจครั้งนี้ได้ดียิ่งขึ้นด้วย

แน่นอน ถ้าไม่ควบคุมอุณหภูมิให้ดี นั่นก็อันตรายมากเหมือนกัน

พอคิดได้ดังนั้น มือของลั่วเสี่ยวปิงวางในชายเสื้อ และหยิบขวดยาหนึ่งขวดออกมาจากในสเพซยื่นให้ลั่วต้าโซ่วพลางว่า “ถ้าอาการเสี่ยวจู๋ไม่ดี ตัวร้อนมากเกินไป ให้นางกินสิ่งนี้”

ในขวดใส่น้ำแร่วิญญาณไว้หนึ่งหยด ถึงเวลาสำคัญยังช่วยชีวิตไว้ได้

พอสั่งความเสร็จ ลั่วเสี่ยวปิงไม่รั้งรออีก หมุนตัวเดินจากไป

ตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว พอลั่วเสี่ยวปิงออกจากกระท่อมมุงจากก็กลับไปที่เรือนใหม่เลย

เพียงแต่พอเปิดประตูออก ในนั้นสงบเงียบ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยสักนิด

แต่พอลั่วเสี่ยวปิงเปิดประตูห้องหลักออก ก็ได้ยินเสียงอานอานเล่อเล่อคุยกันในห้องของอานอานลอยออกมา

แทบจะวินาทีเดียวกับที่ลั่วเสี่ยวปิงเปิดประตู เสียงพูดคุยนั้นเงียบลง จากนั้นอานอานและเล่อเล่อก็วิ่งออกมาจากในห้อง

“ท่านแม่ ท่านกลับมาแล้ว?” เล่อเล่อวิ่งเข้าหาลั่วเสี่ยวปิง

“พ่อของพวกเจ้าล่ะ?” ลั่วเสี่ยวปิงไม่เห็นฉีเทียนเห้า ก็ขมวดคิ้วน้อยๆถามขึ้น

“ท่านพ่อออกไปข้างนอกแล้ว ให้พวกเราเข้านอนก่อน” เล่อเล่อตอบ พลางถามลั่วเสี่ยวปิง “ท่านแม่ ท่านน้าเป็นยังไงบ้าง?”

“อาการไม่สู้ดีนัก แม่ต้องออกไปข้างนอก พวกเจ้าอยู่บ้านเข้านอนกันเองได้ไหม?” ถ้าเป็นกระท่อมมุงจากเมื่อก่อน นางไม่มีทางวางใจปล่อยให้เด็กสองคนอยู่บ้านกันเองแน่

ถึงตอนนี้จะไม่ค่อยวางใจมาก แต่นี่มันเกี่ยวพันถึงขีวิต

ถ้าเป็นคนบ้านใหญ่บ้านสองของตระกูลลั่วนางจะไม่ช่วย แต่นี่เป็นคนบ้านสี่ นางทำใจแข็งไม่ไหว

เพราะร่างกายผอมโซอ่อนแอของบ้านสี่ แทบไม่ต่างอะไรกับเจ้าของร่างเดิมเลย ต่อให้เป็นความเห็นอกเห็นใจต่อเจ้าของร่างเดิม นางก็ไม่อาจละมือไม่ช่วยได้

เดิมนางคิดจะกลับขอความช่วยเหลือจากฉีเทียนเห้า แต่ตอนนี้ฉีเทียนเห้าไม่อยู่ นางได้แต่ไปด้วยตัวเอง

พอได้ยินอย่างนั้นเล่อเล่อดูใม่ค่อยพอใจ อานอานกลับมองเห็นถึงความลำบากใจของท่านแม่ พลางว่า “ท่านแม่วางใจเถอะ อานอานจะดูแลน้องเอง”

พูดจบ อานอานก็กังวลอีก “ท่านแม่จะไปไหน มีอันตรายหรือไม่?”

“แม่ไปหาตัวยา ไม่มีอันตรายดอก”

นางจะขึ้นเขา อาจจะมีอันตรายได้

แต่ไม่เป็นไร นางมีสะเพซน้ำแร่วิญญาณ ถ้าเจออันตรายก็หนีเข้าสะเพซได้

พออานอานได้ยินว่าไม่มีอันตราย ถึงวางใจ ไม่เพียงไม่ขัดขวาง กลับบอกอีกว่า “ท่านแม่รีบไปเถอะ”

ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้รีรออีก พอสั่งความเด็กสองคนเสร็จก็ปิดประตู หมุนตัวจากไป

พอออกจากเรือนใหม่ ลั่วเสี่ยวปิงก็ขึ้นเขาเลย

เวลานี้ฉีเทียนเห้าก็อยู่ที่ตีนเขา เพียงแต่ตำแหน่งนั้นค่อนข้างลับตาคน อยู่ฝั่งตรงข้ามกับทางที่ลั่วเสี่ยวปิงไป

ฉีเทียนเห้ามองหนานเฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้า สายตาส่อแววไม่พอใจหนักหนามาก “เหตุใดพึ่งมาตอนนี้?”

หนานเฉินคุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างขออภัย “ขอนายท่านโปรดอภัย ข้าน้อยเพียงรู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างน่าประหลาดนัก ถึงกลับมาช้าไปหน่อย”

“ประหลาด?” ฉีเทียนเห้ามองลูกน้องที่ปกติหนักแน่นมั่นคงอย่างไม่เข้าใจ

เขาแค่ให้ไปสืบเรื่องเมื่อห้าปีก่อน มันแปลกประหลาดตรงไหน?

“เรียนนายท่าน เรื่องตอนนั้นเป็นไปได้ว่าจะมีคนวางแผนอยู่เบื้องหลัง” หนานเฉินพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

เดิมคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องที่ค้นพบความจริงได้โดยง่าย แต่ยิ่งสืบยิ่งรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

นายท่านโดนวางยา อันที่จริงเป็นแผนการของซ่งหลิงหลาง

แต่สตรีผู้นั้นที่โดนวางยาเหตุใดจึงโดนวางยาในเวลานั้นพอดี และยังปรากฏตัวมาให้ถูกเขาเก็บได้ สุดท้ายหายตัวไปได้อย่างไรกัน?

พอสืบค้นถึงเรื่องนี้ เขาก็พยายามเสาะหาความจริงมาตามทิศทางนี้ตลอด

แต่กลับพบว่าความจริงของเรื่องนี้โดนคนปกปิดไปตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้ว

และผู้ร่วมกระทำยังมิได้มีแค่ฝ่ายเดียวด้วย

พอได้ยินหนานเฉินรายงาน ฉีเทียนเห้าไม่พูดอะไรอยู่นาน

ผ่านไปสักพัก เขาถึงเปิดปากถามขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า “เช่นนั้น สตรีผู้นั้นเมื่อห้าปีก่อนคือลั่วเสี่ยวปิงหรือไม่?”

ความจริงเป็นอย่างไร เขาไม่สนใจได้ ค่อยๆสืบก็ได้แล้ว

แต่สตรีผู้นั้นเมื่อห้าปีก่อนเป็นลั่วเสี่ยวปิงหรือไม่ จุดนี้เขาต้องรู้ให้แน่ชัด

หนานเฉินได้ยินอย่างนั้น ส่ายหัว และพูดว่า “เรื่องนี้ข้าน้อยไม่ทราบ”

ฉีเทียนเห้าขมวดคิ้ว สีหน้าปั้นยากนัก

“เดิมข้าน้อยจะไปสืบเรื่องแม่นางลั่ว อยากจะรู้ว่าพ่อแท้ๆของเด็กทั้งสองเป็นใคร แต่ก็หาเงื่อนงำอะไรมิได้เลย”

เรื่องมันแปลกก็ตรงนี้ ทั้งๆที่ลั่วเสี่ยวปิงเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง ตามหลักแล้วเรื่องที่เกิดกับชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งควรจะสืบได้ง่ายถึงจะถูก แต่เขากลับสืบหาอะไรไม่ได้เลย

พอหนานเฉินพูดอย่างนี้ ฉีเทียนเห้าก็รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลของเรื่องนี้

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉีเทียนเห้าก็สั่งความใหม่ “ตอนนี้เจ้าไปสืบเรื่องทั้งหมดของนาง ตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก”

จากนั้นชะงักลงเล็กน้อย ฉีเทียนเห้าพูดต่อว่า “รวมถึงเรื่องพ่อแม่นางด้วย ข้าต้องการรู้ทั้งหมด”

หนานเฉินตะลึงเล็กน้อย แต่ยังรับคำ....

ในเวลานี้เองแสงตะเกียงของบ้านใหญ่ตระกูลลั่วยังไม่ดับลง

“ยังไม่นอนมัวคิดอะไรอยู่น่ะ?” ลั่วต้าฟู่พลิกตัวไปมานอนไม่หลับ เลยส่งเสียงถามอย่างรำคาญ

ในห้องมีแสงเขานอนไม่หลับ

ฟ่านลี่ฮัวได้ยินดังนั้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเรื่องครุ่นคิดนั่นพลันมีประกายเจ้าเล่ห์ขึ้น “ท่านพี่ ข้าได้ยินว่าพวกบ้านสี่ตอนนี้อยู่กับเสี่ยวปิงโน่น”

“แล้วอย่างไรเล่า? อยู่ที่กระท่อมมุงจาก ไม่ได้อยู่เรือนใหม่เสียหน่อย” ลั่วต้าฟู่พูดด้วยสีหน้าหยามหยัน

“ใช่ พวกเขาไม่ได้อยู่เรือนใหม่ แต่ท่านคิดดูสิ ลั่วเสี่ยวจู๋เจ็บหนักเพียงนั้น ถ้าลั่วเสี่ยวปิงไม่อยากให้คนตาย ก็ต้องคอยเฝ้าลั่วเสี่ยวจู๋ใช่ไหม?”

พอได้ยินคำนี้ ลั่วต้าฟู่ดูจะฉุกติดได้ และไม่นอนละ ลุกพรวดขึ้นนั่งทันที หันมองฟ่านลี่ฮัว

“เจ้ากำลังคิดจะทำอะไร?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง