แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 169

และในตอนนี้เอง ในห้องของบ้านสองตระกูลลั่ว จ้าวซื่อพลิกตัวไปมานอนไม่หลับ

ลั่วต้ากุ้ยนอนไปนานแล้ว และก็หลับกรนครอกไปแล้วด้วย แต่เพราะจ้าวซื่อพลิกตัวไปมา เลยทำให้เขานอนไม่หลับ เขาโกรธจนแทบจะถีบจ้าวซื่อตกลงเตียงไป

แต่พอคิดๆดู ลั่วต้ากุ้ยก็ล้มเลิกความคิด

ถีบคนต้องเสียแรง ดีไม่ดีพอถีบไปตัวเองก็จะนอนไม่หลับอีก

พอคิดดูแล้ว ลั่วต้ากุ้ยเอ่ยปากถามอย่างติดรำคาญว่า “ขึ้นมาเถอะ!”

จ้าวซื่อที่กำลังพลิกไปพลิกมานอนไม่หลับอยู่ร้อง “หา?”

ขึ้นมา? ขึ้นไปไหน?

จ้าวซื่อหันมองลั่วต้ากุ้ยอย่างไม่เข้าใจ แน่นอนตะเกียงดับแล้ว นางก็มองอะไรไม่เห็น

พอเห็นจ้าวซื่อไม่ขยับ ลั่วต้ากุ้ยเริ่มรำคาญอีก

“ทำไม ไม่รู้จะถอดกางเกงยังไง ยังอยากให้ข้ารับใช้เจ้าอีกรึ?” แม่งเอ๊ย ไม่รีบหน่อย เดี๋ยวก็หลับไม่ลงกันพอดี

จ้าวซื่อได้ยินดังนั้นใบหน้าร้อยผ่าว “ไม่ใช่... ท่านพี่ ข้าไม่ได้....” นางไม่ได้คิดเรื่องพวกนั้น

เพียงแต่ลั่วต้ากุ้ยไม่มีอารมณ์ฟังจ้าวซื่ออธิบาย “อย่ามาพิรี้พิไรกับข้า ไม่อยากก็อยู่เงียบๆ อย่ากวนข้าจะนอน”

จ้าวซื่อก็พอรู้นิสัยสามีตน พอได้ยินคำนี้ก็เงียบเสียงลง

เพียงแต่ในสมองกลับคิดแต่เงินกล่องนั้นที่เห็นที่บ้านลั่วเสี่ยวปิงนั่น ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกพิกล

“ท่านพี่ ท่านอย่าพึ่งหลับ...”

.....

“แอ๊ด”ดังขึ้น ประตูห้องของบ้านใหญ่และบ้านสองเปิดออกพร้อมกัน ลั่วต้าฟู่และลั่วต้ากุ้ยที่เดินออกมาจากห้องปะทะหน้ากันเข้าอย่างจัง

ทั้งคู่ต่างตะลึง จากนั้นก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป

ลั่วต้าฟู่มองลั่วต้ากุ้ย ก่อนถอนหายใจเบนสายตาไปทางอื่น ส่วนลั่วต้ากุ้ยกลับเหมือนวัวสันหลังหวะ

เพียงแต่ลั่วต้ากุ้ยที่กำลังเป็นวัวสันหลังหวะหลังจากได้ยินเสียงถอนหายใจของลั่วต้าฟู่ ก็หันมองลั่วต้าฟู่อย่างประหลาดใจ

“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอะไรน่ะ?” ลั่วต้ากุ้ยถามลั่วต้าฟู่

“ไม่เป็นไร น้องรองดึกป่านนี้เจ้าทำไมยังไม่นอนอีก?” ลั่วต้าฟู่ถามอย่างสงสัย

ลั่วต้ากุ้ยได้ยินดังนั้น รู้สึกร้อนตัว แต่ก็หาข้ออ้างว่า “ข้า ข้าจะไปปลดทุกข์”

พูดจบ ลั่วต้ากุ้ยก็เดินไปทางห้องปลดทุกข์จริงๆ

เพียงแต่ตอนลั่วต้ากุ้ยออกมา กลับเห็นลั่วต้าฟู่ยังคงนั่งอยู่ด้วยสีหน้าเคียดแค้นเป็นที่สุด

เขาคิดว่าตนเองเป็นพี่น้องที่ดีอยู่ ลั่วต้ากุ้ยเดินไปยืนข้างลั่วต้าฟู่ “พี่ใหญ่กำลังคิดอะไรอยู่รึ?”

“คิดถึงเงิน...”

เห? คิดเหมือนเขาเลยนี่

“เฮ้อ น้องรอง เจ้าว่าถ้าเงินของเสี่ยวปิงเป็นของเราจะดีแค่ไหนกัน?” ลั่วต้าฟู่พูดต่อไปราวกับไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของสีหน้าลั่วต้ากุ้ย

ลั่วต้ากุ้ย “...” นี่คิดเหมือนเขาไม่มีผิดเลย เขาก็โดนเมียตนเองชักจูงจนสำเร็จ ตอนนี้คิดถึงเงินจนนอนไม่หลับเหมือนกันไม่ใช่รึ?

เพียงแต่เมียเขาน่ะคิดง่ายๆ บอกว่ากำแพงบ้านนังแพศยานั่นสูงขนาดนั้น ด้านบนยังจัดวางเศษกระเบื้องไว้อีก นอกจากเขาจะอยากโดนทิ่มตำจนเป็นตัวเม่น ไม่งั้นต่อให้อยากได้ก็เปล่าประโยชน์

“ตามหลักแล้ว พวกบ้านสี่ตอนนี้อยู่กระท่อมมุงจาก เสี่ยวปิงสมควรไปดูแล บ้านใหม่ก็ไม่มีคนละ ถ้าตอนนี้ไปเอาเงินน่าจะเหมาะสมที่สุด น่าเสียดาย...” ลั่วต้าฟู่ถอนหายใจยาว

พอลั่วต้ากุ้ยได้ยินที่ลั่วต้าฟู่พูด สายตาเป็นประกายขึ้นมาทันที

ใช่สิ คืนนี้เสี่ยวปิงอาจจะไม่อยู่บ้าน แล้วเขาจะกลัวอะไรกัน?

ปืนกำแพงไม่ได้ หรือว่าแงะประตูก็ไม่ได้?

“งั้นพี่ใหญ่เสียดายอะไรกัน? นังเด็กนั่นไม่เคารพผู้ใหญ่อย่างพวกเรา พวกเราใช้เงินนางเล็กน้อยก็สมควรแล้ว พวกเราช่วยนางใช้เงิน สวรรค์คงไม่ลงโทษนางกับความผิดที่ไม่เคารพผู้ใหญ่หรอก” ลั่วต้ากุ้ยพูดหลักคติแปลกๆของเขาออกมา

ลั่วต้าฟู่เห็นลั่วกุ้ยติดเบ็ด ก็ไม่พูดอะไรมากอีก เพียงลุกขึ้น ตบบ่าลั่วต้ากุ้ยแผ่วเบา “เอาล่ะ น้องรองรีบเข้านอนเถิด คืนนี้ถือเสียว่าพี่ใหญ่ไม่ได้พูดอะไร”

พูดจบลั่วต้าฟู่ก็ไม่สนเสียงเรียกของลั่วต้ากุ้ย หมุนตัวกลับเข้าห้องไป

ไม่นาน ประตูใหญ่ของบ้านเก่าตระกูลลั่วก็โดนเปิดออกแผ่วเบา เงาร่างหนึ่งมุดออกมา

รอจนทุกอย่างรอบตัวสงบนิ่งแล้ว ก็มีเงาร่างสองร่างมุดออกมาอีก

เป้าหมาย บ้านใหม่ของลั่วเสี่ยวปิง

ลั่วต้ากุ้ยวนรอบบ้านอย่างลับๆล่อๆ สุดท้ายเข้าทางประตูข้าง และหยิบมีดตัดฟืนในมือออกมาดอดเขยื้อนสลักประตูทีละน้อยเพื่อดันออก

องครักษ์ลับที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับเห็นฉากนี้เข้า ต่างรู้สึกหน่ายใจไปตามๆกัน

“ช้าขนาดนี้ พวกเราช่วยหน่อยดีไหม?” องครักษ์หนึ่งถาม

“เจ้าจะช่วยยังไง?” องครักษ์สองถาม

จากนั้นองครักษ์หนึ่งกระโดดลงไปในความมืด ไปที่ด้านหลังประตู ดึงสลักประตูออกอย่างแผ่วเบา ในวินาทีที่ประตูเปิดออกก็ซ่อนตัวในความมืดอีก

องครักษ์สอง “...” อย่างนี้ก็ได้?

เรื่องจริงบอกชัด ก็ใช้ได้อยู่

จู่ๆประตูก็เปิดออก ตอนแรกลั่วต้ากุ้ยตกใจสะดุ้ง แทบจะคว้ามีดตัดฟืนหมุนตัววิ่ง

แต่รออยู่นานก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ลั่วต้ากุ้ยเลยผลักประตูเบาๆเข้าไป

ในนั้นยังคงเงียบเชียบอยู่

ดังนั้นลั่วต้ากุ้ยเลยคิดว่าประตูลั่นดาลไว้ไม่ดี ดังนั้นตอนเขาเอามีดตัดฟืนมาตัดสลักประตู เลยทำประตูเปิดออกเอง

ดีใจลิงโลด ลั่วต้ากุ้ยมุดเข้าไปในห้องด้านหลังของลั่วเสี่ยวปิงอย่างดีใจ

แต่เรือนหลักยังมีประตูหลัง ลั่วต้ากุ้ยเลยคิดจะดูห้องด้านหลังให้ครบก่อน

ที่โชคดีคือ เขาพึ่งจะผลักเข้าไปได้ ก็เห็นกล่องด้านในนั้น เป็นกล่องที่เก็บเงินที่เจอตอนกลางวันพอดี

พอเปิดออกดู ข้างในมีเงินจริงๆด้วย

ลั่วต้ากุ้ยดีใจแทบบ้า ไม่ได้คิดถึงความไม่ชอบมาพลเลย

อยากจะยกกล่อง แต่ลั่วต้นกุ้ยพบว่าตนคนเดียวยกไม่ไหว

พอเห็นว่ายกไม่ไหว ลั่วต้ากุ้ยยิ่งดีใจหนัก

ยกไม่ไหว แปลว่าเงินมากสิ

ดังนั้นลั่วต้ากุ้ยเลยถอดเสื้อนอกตัวเองออกมา เอาชายข้อมือผูกกับคอเสื้อ ทำเสื้อนอกเป็นถุงผ้า ลั่วต้ากุ้ยเริ่มยัดเงินใส่ในนั้นอย่างตื่นเต้น

รวยแล้ว!

มีเงินพวกนี้ เขาก็เป็นนายท่านได้แล้ว

รอจนใส่ไม่ได้แล้ว ลั่วต้ากุ้ยถึงเดินไปทางประตูอย่างอาลัยอาวรณ์

แต่เดินไปได้แค่ก้าวเดียว ก็ปวดที่ท้ายทอยขึ้นมา จากนั้นก็สลบไม่ได้สติไปเลย

ด้านนอกบ้านใหม่ ท้องนาที่อยู่ไม่ไกล ลั่วต้าฟู่และฟ่านลี่ฮัวย่อตัวอยู่หลังท้องนา มองมาทางบ้านใหม่

แต่เห็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่นานแล้ว ฟ่านลี่ฮัวอดหันมองลั่วต้าฟู่ไม่ได้ “ท่านพี่ ท่านว่าเขาจะสำเร็จหรือเกิดเรื่องกัน?”

ฟ่านลี่ฮัวรู้สึกไม่สบายใจ

“ถ้าเกิดเรื่องควรจะร้องสิ แต่นี่เงียบสนิท น่าจะไม่เป็นอะไรนะ” ลั่วต้าฟู่วิเคราะห์

ฟ่านลี่ฮัวคิดๆก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น เลยไม่เครียดต่ออีก แต่ยังเสนอให้รอดูต่อไปอีกหน่อย

เวลาประมาณหนึ่งก้านธูปผ่านไปแล้ว ในนั้นยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร สุดท้ายลั่วต้าฟู่และฟ่านลี่ฮัวทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว เห็นพ้องกันว่าต้องดูในบ้านใหม่สักหน่อย เพราะพวกเขากลัวว่าลั่วต้ากุ้ยจะเอาเงินไปที่อื่นหมด

สองสามีภรรยาเข้าไปเรือนหลังได้โดยราบรื่นมาก พอเห็นประตูเรือนหลักไม่ได้ปิด ทั้งสองมีสีหน้างุนงงสงสัย

แต่พอเห็นประตูห้องด้านหลังเปิดอยู่ ทั้งคู่ก็เดินไปทางนั้น พอเข้าไปก็เห็นเงินที่ยังคงส่องประกายในความมืด

พริบตาเดียวทั้งคู่เบิกตาโพลงมอง แต่ไม่นานพวกเขาก็คิดถึงปัญหาเรื่องหนึ่งได้ว่า

ต้ากุ้ยไปไหนกัน?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง