แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 170

ลั่วต้าฟู่และฟ่านลี่ฮัวกำลังคิดระแวง แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไร ก็ล้มลงสลบกับพื้นแล้ว

เวลานี้สององครักษ์ลับเดินออกมาจากที่มืด มองดูสองคนที่พื้น องครักษ์หนึ่งถามขึ้น “พวกเราจัดการคนพวกนี้ไปเลยดีไหมประหยัดเวลา ทำไมนายท่านถึงต้องเหน็ดเหนื่อยเยี่ยงนี้ด้วย?”

องครักษ์สองได้ยินอย่างนั้น หันมององครักษ์หนึ่งด้วยสีหน้าปั้นยาก สุดท้ายพูดออกมาหนึ่งคำว่า “ฆ่าคนก็แค่หัวหลุดหล่นพื้น”

ตอนแรกองครักษ์หนึ่งยังไม่เข้าใจ แต่พอเข้าใจความหมายลึกซึ้งในนั้นแล้ว องครักษ์หนึ่งก็สะท้านเยือก

นี่คือนายท่านจะเปลี่ยนวิธีทรมานคนพวกนี้งั้นรึ?

พอคิดได้อย่างนี้ องครักษ์หนึ่งอดมองพวกคนบนพื้นอย่างเห็นอกเห็นใจไม่ได้

ตอนฉีเทียนเห้ากลับมา เห็นสามคนที่นอนอยู่บนพื้นห้องด้านหลังที่ทำเป็นโกดังชั่วคราว เขาไม่ได้มีสีหน้าประหลาดใจเลยสักนิด

“เรียกทางการมา” เขาพูดออกมาอย่างเรียบง่าย ฉีเทียนเห้าหมุนตัวจะออกไป ไม่คิดจะเสียเวลากับคนพวกนี้เลยสักนิด

“นายท่าน!”

องครักษ์สองรีบส่งเสียงรั้งฉีเทียนเห้าเอาไว้

ฉีเทียนเห้าชะงัก ขมวดคิ้วถาม “มีอะไร?”

ถ้าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังทำไม่ดี แสดงว่าองครักษ์พวกนี้ของเขาต้องเอากลับไปฝึกฝนใหม่แล้ว

ฉีเทียนเห้าคิดไปพลางมององครักษ์สอง ซึ่งก็คืออั้นชีที่อยู่อันดับเจ็ดในบรรดาองครักษ์เอ่ยปากขึ้น “นายท่าน นายหญิงขึ้นเขาไปแล้ว....”

พอเห็นเจ้านายตนสีหน้าเปลี่ยน อั้นชีรีบเสริม “นายท่านวางใจได้ อั้นหวู่ตามนายหญิงไปแล้ว...”

เพียงแต่คำพูดของอั้นชียังไม่ทันจบ เจ้านายที่อยู่ตรงหน้าเขาก็พลันหายไปราวกับสายลมแล้ว

อั้นชีและอั้นปาสบตากันหนึ่งที ทั้งสองคนเห็นแววตกตะลึงจากสายตาอีกฝ่าย...

เวลานี้ ในภูเขา

หลังจากลั่วเสี่ยวปิงขึ้นเขา ก็ไม่ได้หาสะเปะสะปะไปทั่ว แต่มุ่งไปทางเหนือ

ตัวยาอย่างแรกที่นางจะหาเรียกว่าหญ้าเสริมกระดูก หญ้าเสริมกระดูกชอบความชื้นและหนาวเย็น มักอยู่ในที่ลาดชันและหันหลังให้ดวงตะวัน

เพียงแต่หญ้าเสริมกระดูกหายากนัก นางรู้แค่ว่าที่ลาดชันของภูเขานี้เหมาะจะให้หญ้าเสริมกระดูกเติบโต แต่จะมีหญ้าเสริมกระดูกจริงไหมก็พูดยาก

แน่นอน หญ้าเสริมกระดูกเป็นตัวยาตัวเลือกแรก ถ้าหาหญ้าเสริมกระดูกไม่เจอ นางก็สามารถใช้ตัวยาอื่นแทนได้

และตัวยาอื่นที่สำคัญคือกระดูกเสือ

ยุคนี้ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถฆ่าเสือร้ายอย่างอู่ซงได้ ต่อให้เป็นพรานมือเก๋าเจอเสือเข้าก็ไม่รอด ดังนั้นกระดูกเสือจึงหายากนัก ต่อให้นางไปโรงยาก็ไม่แน่ว่าจะหาซื้อได้

ส่วนจะให้นางฆ่าเสือ?

เหอะ อย่าล้อเล่นน่า อย่างมากนางก็ให้เสือกินอิ่มไปหนึ่งมื้อ

เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อชีวิตคนอื่นนางทำไม่ได้หรอก นางเป็นคนรักชีวิต ชีวิตคนอื่นคือชีวิต ชีวิตนางก็คือชีวิต

ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีลูกที่น่ารักอยู่สองคน นางเป็นแม่พระไม่ได้หรอก

ดังนั้นในสถานการณ์ที่มีสะเพซเป็นแบ๊ค สิ่งเดียวที่นางทำได้คือขึ้นเขามาหาหญ้าเสริมกระดูก

แต่พอถึงที่ลาดชัน ลั่วเสี่ยวปิงหยิบเอาฮว่าเจ๋อจึกับเทียนออกมา ก็เลยยกเทียนที่มีแสงไฟริบหรี่มองหาในความมืดอยู่นานก็หาหญ้าเสริมกระดูกไม่เจอสักที

ในตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงจะตัดใจ จุดที่แสงเทียนปราดไปถึง ลั่วเสี่ยวปิงเห็นหญ้าเสริมกระดูกเข้าพอดี

“มายก๊อด!” ลั่วเสี่ยวปิงอดอุทานไม่ได้

นางรู้สึกว่าโชคของตนจะดีทะลุฟ้าเลย

ไม่งั้นทำไมหญ้าเสริมกระดูกที่หายากขนาดนั้นจะโดนนางหาเจอได้ยังไงล่ะ?

ไม่แน่นางก็อาจจะหากระดูกเสือได้ง่ายกว่าคนธรรมดาล่ะ

ลั่วเสี่ยวปิงเด็ดหญ้าเสริมกระดูกอย่างระมัดระวังไปพลาง และคิดอย่างนี้ไปพลาง พลันมีเสียงคำราม “โฮก”ดังมาไม่ไกล

ลั่วเสี่ยวปิง “....” ไม่นะ? นางไม่ได้จะหากระดูกเสือจริงๆนะ!

นางมีหญ้าเสริมกระดูก ไม่ต้องการกระดูกเสือ จริงๆนะ!

ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกว่าเลือดในตัวแทบจะแข็งตัว หันกลับไปด้วยร่างกายแข็งเกร็ง ในใจภาวนาไม่หยุดขอให้เสียงคำรามเมื่อกี้เป็นแค่ตัวเองหูฝาดไป อันที่จริงแล้วไม่มีเสือหรอก

แต่พอหันกลับไป นางก็เห็นเสือร้ายตาหงายตัวหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกล ตอนนี้เสือตัวนั้นกำลังจ้องมองนางเขม็ง

เลือดในตัวแข็งเย็นสุดๆ

พระเจ้า!ทำยังไงดี?

ลั่วเสี่ยวปิงร้องตะโกนในใจ แต่สีหน้ากลับสงบนิ่งมาก เหมือนกับสิ่งที่นางเผชิญอยู่ไม่ใช่เสือตัวหนึ่ง แต่เป็นแมวตัวน้อยธรรมดาเท่านั้น

เหตุผลเพราะอั้นหวู่ที่ตกใจเพราะเห็นเสือเห็นลั่วเสี่ยวปิงนิ่งขนาดนั้น ในใจอดเลื่อมใสขึ้นมาไม่ได้

จนถึงบัดนี้ต่อให้เขามีฝีมือวิทยายุทธ์ จู่ๆเจอสถานการณ์แบบนี้ เขาก็ไม่มีทางสงบนิ่งเฉยได้เหมือนนางแน่

สมเป็นสตรีที่นายท่านสนใจ!

อั้นหวู่คิดอย่างนี้ และดันเกิดความคิดบรรเจิดขึ้น อยากดูเหตุผลที่ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงสงบนิ่งแบบนี้

อย่างน้อยเขารู้สึกว่า ลั่วเสี่ยวปิงต้องเหลือท่าไม้ตาย ไม่อย่างนั้นไม่มีทางสงบนิ่งแบบนี้

อั้นหวู่สงสัยมากว่าสาวชาวบ้านคนหนึ่งจะรับมือกับเสือยังไง หรือว่านายหญิงมีพลังเทพตั้งแต่เกิด สามารถรับมือกับเสือได้?

พอคิดแบบนี้ อั้นหวู่ก็ไม่คิดจะขยับ ทำเพียงแค่จ้องมองลั่วเสี่ยวปิงตาเขม็ง ไม่คิดจะพลาดสักจุด

แต่คิดได้เลยว่า ถ้าลั่วเสี่ยวปิงรู้ความคิดนี้ของอั้นหวู่ ต้องโกรธจนอยากจะจับอั้นหวู่ยัดเข้ากรงเสือห้าตัวแน่

น่าเสียดายที่นางไม่เพียงไม่รู้ความคิดของอั้นหวู่ และยังไม่รู้ว่ามีคนตามตนเองมาด้วย

ลั่วเสี่ยวปิงมองเสือ เสือไม่ขยับ นางก็ไม่ขยับ แต่กลับเตรียมเข้าสะเพซ

หลังจากสบตากับราวสองวินาที เสือขยับแล้ว

ลั่วเสี่ยวปิงก็ขยับความคิดเช่นกัน...

ขยับแล้ว?

ทำไมนางเข้าสะเพซไม่ได้?

แววตาแน่วนิ่งของลั่วเสี่ยวปิงเปลี่ยนเป็นไม่นิ่งละ

แม่เจ้า เวลาคับขันแบบนี้นางดันเข้าสะเพซน้ำแร่วิญญาณใม่ได้

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่มีเวลาครุ่นคิด สายตาเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา แต่ขากลับไม่ขยับ

นางไม่ใช่ไม่อยากขยับ ไม่ใช่ไม่อยากหนี แต่ความรู้ที่เรียนมาเมื่อชาติก่อนบอกนางว่า นางจะขยับไม่ได้ และก็วิ่งหนีไม่ได้

ยิ่งกลัว สมองยิ่งมีสติอย่างน่ากลัว วิธีจัดการเมื่อเจอเสือในป่าก็โผล่ขึ้นมาในบัดดล

วิธีอย่างค่อยๆขยับเพิ่มระยะห่างเห็นได้ชัดว่าใช้ไม่ได้แล้ว เพราะเสืออยู่ใกล้นางมาก ตนเองอยู่ในระยะเตือนภัย

ตอนนี้หนทางเดียวที่นางทำได้คือ ไม่ขยับ ไม่หนี ไม่ย่อเอวก้มหน้า

เพราะถ้านางขยับอะไรสักอย่าง เสือจะโผเข้าหานางเหมือนเข้าหาอาหารทันที

แต่นางไม่ได้นั่งรอความตายเงียบๆ

เพราะนางพบว่า ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมตนเองไม่สามารถเข้าสะเพซได้ แต่นางหยิบของในสะเพซออกมาได้

พอดีกับในสะเพซมียาพิษและยาสลบที่นางใช้เผื่อในสถานการณ์คับขัน ถ้าระหว่างที่นางสบตากับเสือแล้วเสือไม่ได้จากไปแต่เตรียมโผเข้าหาตน ถ้าอย่างนั้นทางเดียวที่นางทำได้คือใช้ยาพวกนั้นช่วยชีวิตตนเองแล้ว

เพียงแต่ยาพวกนั้นมีฤทธิ์กับเสือมากเกินไป แต่นางกลับไม่มั่นใจเลย

อั้นหวู่ซ่อนอยู่บนต้นไม้ เห็นหนึ่งคนและเสือหนึ่งตัวต่างไม่ขยับ อดขมวดคิ้วไม่ได้ สายตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

เวลานี้เองเสือขยับแล้ว

“โฮก”ดังขึ้นพลางกระโดดเข้ามา โผเข้าหาลั่วเสี่ยวปิงเต็มๆ...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง