เห็นเสือโผเข้าหาลั่วเสี่ยวปิง และลั่วเสี่ยวปิงไม่ขยับเลย อั้นหวู่ถึงสังเกตเห็นว่าเรื่องมันไม่ชอบมาพากล
แค่พริบตาเดียว อั้นหวู่ก็เหงื่อตกเปียกเต็มหลัง
ดูเหมือนร่างกายจะเร็วกว่าสมอง เขาผลันร่างออกไปทันที แต่ก็ไม่ทันอยู่ดี
ตอนฉีเทียนเห้ามา สิ่งที่เขาเห็นคือเสือตัวหนึ่งที่ใหญ่กว่าลั่วเสี่ยวปิงหลายเท่ากำลังโผเข้าใส่ลั่วเสี่ยวปิง และอ้าปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคละเลือด ทำท่าจะกัดกินลั่วเสี่ยวปิงลงท้อง
วินาทีนี้รู้สึกอะไรไหม ฉีเทียนเห้าไม่สน
เขาดึงมีดสั้นที่เอวออกมาและโยนไปทันที
เป้าหมาย คอหอยของเสือ
ในวินาที่เสือเข้าใกล้นาง ลั่วเสี่ยวปิงก็สาดผายงพิษในมือใส่เสือทันที
แต่ผงยาสาดไป กลับไม่ได้ช่วยยับยั้งเสือไว้ได้เลย
นางรู้สึกได้ถึงกลิ่นเหม็นสาบที่เสือหายใจออกมาโผเข้ามาโดนหน้านางด้วยซ้ำ ใจหวาดหวั่นสั่นระรัว แต่มือกลับกุมหัวและคอหอยตนไว้มั่น นี่เป็นวิธีสุดท้ายที่จะช่วยตัวเองยามเจอเสือในป่า
การรอเวลาที่จะเจ็บปวดหรือตายนั่นมันช่างยาวนานเสียจริง ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่รู้ว่าผ่านไปแค่ไหน แต่ความเจ็บปวดที่คาดเดานั้นกลับไม่เกิดขึ้นสักที
ลั่วเสี่ยวปิงลืมตาขึ้น แต่กลับเห็นเสือล้มกองอยู่กับพื้นไม่ขยับ
อันตรายหายไป ประสาทสัมผัสทั้งห้าที่นางไม่รู้ว่าหายไปตอนไหนกลับมาแล้ว นางได้ยินเสียงหายใจหอบกระชั้นจากด้านหลัง
นางหันกลับไปอย่างแรง กลับเห็นฉีเทียนเห้ามายืนอยู่ด้านหลังตนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขายืนห่างจากนางไปแค่ก้าวเดียว
ยังไม่ทันจะคิดทำอะไร ฉีเทียนเห้าก็ดึงนางเข้าไปกอด
กอดรัดแน่นจนนางแทบหายใจไม่ออก
แต่วินาทีนี้นางไม่อยากหนีจากอ้อมกอดนี้
และนางก็หนีไม่ได้ด้วย
เพราะนางขาอ่อน
ตอนนี้เองนางถึงรู้ว่าเสื้อผ้าเปียกชื้น และอ้อมกอดนี้ให้ความรู้สึกปลอดภัยกับนางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เวลาเหมือนหยุดลงในชั่วขณะนี้
ลมหายใจของทั้งคู่เปลี่ยนจากร้อนรนเป็นสงบนิ่งแล้ว แต่กลับไม่มีใครคิดจะพูดอะไรเลย
ฉีเทียนเห้ารู้สึกว่า วินาที่ได้กอดนาง เขามีความรู้สึกได้ถึงสิ่งล้ำค่าที่เสียไปแล้วได้คืนมาอย่างสุดซึ้ง
ผ่านไปนานโข เขาถึงหาเสียงตนเองเจอ
“ลงเขาเถอะ” เสียงเรียบมาก
“อืม” ลั่วเสี่ยวปิงตอบกลับเสียงเรียบยิ่งกว่า
เพียงแต่บรรยากาศของทั้งสองคนกลับแผ่ซ่านความหวานซึ้งเงียบๆอยู่หลายส่วน
ฉีเทียนเห้าคลายอ้อมกอดที่กอดลั่วเสี่ยวปิง เตรียมจะเดินนำ
“เดี๋ยวก่อน!” ลั่วเสี่ยวปิงเรียกเขาไว้ “จะสิ้นเปลืองกระดูกเสือหนังเสือไม่ได้นะ”
กระดูกเสือเป็นของดี หนังเสือยิ่งมีราคาไม่น้อย ถ้าโยนทิ้งไว้ตรงนั้นมันน่าเสียดายจริงๆ
เห็นเวลานี้ลั่วเสี่ยวปิงยังคิดจะหาเงิน ฉีเทียนเห้าก็ไม่ได้พูดอะไร หมุนตัวไปย่อตัวลงหน้าเสือ กำลังจะลงมือ ลั่วเสี่ยวปิงก็ร้องรั้งเขาไว้ “เดี๋ยวก่อน!”
ระหว่างพูดลั่วเสี่ยวปิงสะบัดชายเสื้อ หยิบยาแก้พิษออกมาหนึ่งเม็ดให้ฉีเทียนเห้า
เพียงแต่ยังไม่ทันรอลั่วเสี่ยวปิงบอกว่าเป็นยาอะไร ฉีเทียนเห้ารับมาแล้วกลืนลงไปเลย
ความเชื่อใจที่ฉีเทียนเห้าไม่ปิดบังเลยสักนิดทำให้สายตาลั่วเสี่ยวปิงผ่อนคลายลงเล็กน้อย เพียงยืนมองฉีเทียนเห้าดึงมีดสั้นที่คอเสือออกมาอย่างตะลึง จากนั้นเขาก็เริ่มลงมือถลกหนักเลาะกระดูกอย่างชำนาญ
วินาทีนี้ในใจลั่วเสี่ยวปิงพลันมีความรู้สึกหวานล้ำขึ้นมา
ผู้ชายที่เชื่อใจตนอย่างหมดสิ้นนี่ ดูเหมือนว่าชอบเขาก็ไม่เสียหายอะไร
ลั่วเสี่ยวปิงยิ้มมุมปากในความมืด
“รีบไปเถอะ กลิ่นคาวเลือดนี่จะดึงดูดสัตว์ป่าอย่างอื่นมา” ฉีเทียนเห้าหยิบหนังเสือกระดูกเสือ สีหน้ามีแววเคร่งเครียด
เหมือนจะน้อมรับคำพูดฉีเทียนเห้า พอเขาพูดจบ ก็มีเสียงหมาป่าร้องขึ้นไม่ไกล
ลั่วเสี่ยวปิงขยับเข้าใกล้ฉีเทียนเห้าสองก้าวทันที สีหน้าดูตกใจ
ช่วยไม่ได้ คนที่ใช้ชีวิตในสังคมยุคปัจจุบันอย่างนางไม่มีความกล้าและประสบการณ์รับมือสัตว์ร้ายในป่าจริงๆ
การกระทำของลั่วเสี่ยวปิงอยู่ในสายตาฉีเทียนเห้า แต่เขาไม่ได้พูดอะไร ใช้มือข้างที่สะอาดจูงมือลั่วเสี่ยวปิง และก้าวเท้ายาวนำลั่วเสี่ยวปิงเดินลงเขาทันที
ระหว่างทางลงเขา ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับมีความรู้สึกความสงบเงียบมันดี
เพียงแต่หลังลงเขาไป ลั่วเสี่ยวปิงนึกถึงลั่วเสี่ยวจู๋ที่อยู่ในกระท่อมมุงจาก ความสงบเงียบมันดีพลันหายไป และมีความเคร่งเครียดเข้ามาแทนที่
“อาการเสี่ยวจู๋ค่อนข้างอันตราย ทางนี้ต้องรบกวนท่านช่วยดูแลด้วย” ลั่วเสี่ยวปิงสั่งความ
“สมควรอยู่แล้ว” ฉีเทียนเห้ามองลั่วเสี่ยวปิงด้วยสีหน้าแน่วแน่ น้ำเสียงมั่นใจ
แปลกจัง ลั่วเสี่ยวปิงโดนมองจนหัวใจเต้นแรง มีความรู้สึกเหมือนวิญญาณโดนดวงตาคู่นั้นดึงดูดเข้าไป
“ข้าไปก่อนละ” ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกอยากหนี
แต่วิ่งไปได้สองก้างก็หยุดลง
เพียงแต่ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้หันกลับมา และไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มมุมปาก
ความรู้สึกแบบนี้มันประหลาดนัก แต่นางไม่ปฏิเสธว่านางชอบมาก
เหมือนครอบครัวเดียวกัน
ลั่วเสี่ยวปิงไปแล้ว ฉีเทียนเห้ายืนมองลั่วเสี่ยวปิงเดินไปด้วยแววตาอ่อนโยนเล็กน้อย
จวบจนร่างลั่วเสี่ยวปิงหายไปจากสายตาเขา ความอ่อนโยนในแววตาฉีเทียนเห้าจึงหายไปทั้งหมด และถูกแทนที่ด้วยความเย็นเยียบ
“ออกมา” เสียงเย็นเยียบประหนึ่งอสุรกายจากนรก
อั้นหวู่ปรากฏกายออกมาจากที่มืด และคุกเข่าลงกับพื้น “นายท่าน ข้าน้อยทำพลาด ขอนายท่านลงโทษด้วย”
ถ้ามิใช่นายท่านมาทัน เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ถ้านายท่านให้เขาตายตอนนี้ เขาก็ไม่อาจไถ่โทษความผิดตนได้เลย
ถึงในใจจะหวาดหวั่นความโกรธของนายท่าน แต่อั้นหวู่ยังคงมีท่าทีรับผิดอย่างจริงจัง
“ทำพลาด งั้นเจ้าว่ามาสิ เจ้าทำพลาดตรงไหน?” ฉีเทียนเห้ามองอั้นหวู่ บรรยากาศเย็นเยียบรอบตัวกดทับจนทำให้อั้นหวู่ปากสั่นงึกๆด้วยความหนาว
“ข้าน้อย มิได้คุ้มครองนายหญิงให้ดี” อั้นหวู่กลืนความคาวหวานในลำคอลงไป และพูดออกมา
เขาตามหลังนายหญิงมา ด้วยฝีมือเขาจะรับมือเสือตัวหนึ่งมันไม่ยากเลย
แต่เขากลับทำให้นายหญิงตกอยู่ในอันตราย
อั้นชีอั้นปารีบมา พอเห็นภาพแบบนี้ ต่างอยากขอร้องแทนอั้นหวู่ แต่นิสัยนายท่านพวกเขารู้ดี ดังนั้นคำขอร้องค้างอยู่ที่ริมฝีปาก และทั้งคู่ก็กลืนมันลงไป หากมาคุกเข่าข้างอั้นหวู่แทน
“อั้นหวู่ เจ้ารู้หรือไม่ ข้างกายข้าไม่ต้องการองครักษ์ที่ไร้ประโยชน์?” ฉีเทียนเห้ายังไม่หายโกรธ
เรื่องเกี่ยวกับลั่วเสี่ยวปิง เขามีหรือจะหายโกรธได้ง่ายๆ?
อั้นหวู่ได้ยินดังนั้น ก็มีสีหน้าหวาดกลัว “นายท่าน อย่าไล่ข้าน้อยไป ข้าน้อยยินดีตายชดใช้ความผิด”
พูดจบ อั้นหวู่ไม่รอช้า ซัดฝ่ามือไปที่กะโหลกของตน”
“อย่า---“
อั้นชีอั้นปาไม่คิดว่าอั้นหวู่จะตัดสินใจอย่างนี้ ต่างร้องเสียงหลง
“ปึ้ง”ดังขึ้น อั้นหวู่ล้มลงกับพื้น
แต่เพราะโดนฉีเทียนเห้าซัดฝ่ามือกระเด็นไป
อั้นหวู่ไม่ตาย แต่กระอักเลือดคำโตออกมา เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้ อั้นหวู่ยังคงคลานขึ้นมาขอบคุณอย่างยินดี “ขอบพระคุณนายท่าน...”
“ทำไมเจ้าไม่ลงมือ?”
พออั้นหวู่ได้ยินคำถาม ก็อดสั่นสะท้านไม่ได้ แต่ไม่กล้าไม่ตอบ ได้แต่ตอบตามความจริง
“ส่งเขาไปผาเสือ!”
ฉีเทียนเห้าสั่งการคำนี้ และไม่สนใจเสียงสะท้านเยือกของลูกน้องหลายคน เขาหิ้วหนังเสือกระดูกเสือ หมุนตัวเข้าบ้านใหม่ไป
ผาเสือเป็นสถานที่ที่ฉีเทียนเห้าไว้ฝึกฝนองครักษ์โดยเฉพาะ ในนนั้นมีเสือหลายตัวนัก
ถ้าเป็นเมื่อก่อน อั้นหวู่ยังพอมีทางรอด แต่ตอนนี้อั้นหวู่บาดเจ็บภายใน ดูท่าจะร้ายมากกว่าดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...