ลั่วต้าฟู่และลั่วต้ากุ้ยรวมถึงฟ่านลี่ฮัวโดนตัดสินแล้ว นายอำเภอสอบสวนแล้ว เพราะหลักฐานมัดตัวแน่นหนา ถึงจะลงมือไม่สำเร็จ แต่ทั้งสามคนก็โดนโบยสิบห้าไม้ใหญ่ ลั่วต้าฟู่และลั่วต้ากุ้ยทั้งสองคนยังโดนลงโทษให้ไปเป็นกรรมกรแรงงานครึ่งปี
ส่วนฟ่านลี่ฮัว เพราะเป็นสตรี เลยทำให้หลังจากโดนโบยแล้วจึงโดนโยนออกจากหยาเหมินไปเลย
พอได้ยินข่าวนี้ ลั่วเหอซิ่งขาอ่อนยวบ ล้มลงกองกับพื้นทันที
“จบกัน หมดสิ้นแล้ว...” ลั่วเหอซิ่งบ่นพึมพำ สายตาทอประกายสิ้นหวัง
พ่อแม่และอาของเขาได้รับโทษเพราะลักขโมย ปีหน้าสิทธิ์ในการสอบระดับท้องถิ่นของเขาคงจะไม่เหลือแน่
แบบนี้เขาลำบากลำบนมาตั้งนานเพื่ออะไรกัน?
ลั่วเหอซิ่งนั่งนิ่งอยู่บนพื้น และไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน สายตาของลั่วเหอซิ่งเปลี่ยนจากเหม่อลอยสิ้นหวังกลายเป็นเคียดแค้น
ลั่วเสี่ยวปิง!
เพราะลั่วเสี่ยวปิงอีกแล้ว!
ในเมื่อนางไม่ยอมให้เขาสุขสบาย เช่นนั้นเขาก็จะไม่ยอมให้นางมีความสุขได้ดอก
ลั่วเหอซิ่งคิดถึงตรงนี้ ราวกับมีพลันฉุดรั้งเขาลุกขึ้นจากพื้นก็ไม่ปาน
จากนั้นลั่วเหอซิ่งคืนห้องเช่าในอำเภอ ขอลางานที่สำนักศึกษาประจำอำเภอ รีบร้อนออกจากเมืองหลินอาน ลืมแม่ของเขาที่โดนโยนออกจากหยาเหมินของอำเภอเสียสนิท...
อีกด้านหนึ่ง
สามวันมานี้ ท่านย่าลั่วมาหาเรื่องที่หน้าทางเข้าหมู่บ้านไม่น้อย แต่ขอเพียงฉีเทียนเห้าปรากฏตัว ท่านย่าลั่วก็หยุดการด่าทอหรือโวยวาย
และในสามวันนี้ ลั่วเสี่ยวปิงไม่เพียงดูอาการให้ลั่วเสี่ยวจู๋ ยังไปคุยเรื่องเรือนกระจกที่หมู่บ้านเฉินเจีย ยุ่งมาก เลยไม่เห็นการหาเรื่องของท่านย่าลั่วอยู่ในสายตา
วันนี้หลังจากลั่วเสี่ยวปิงตามสามคนพ่อลูกฝึกวิชาเสร็จ ก็คิดว่าคงได้ยินเสียงร้องก่นด่าของท่านย่าลั่วเหมือนเคย เพราะปกติท่านย่าลั่วมักจะมาตรงเวลาทุกวัน
จากนั้นลั่วเสี่ยวปิงคาดการณ์ผิดไปแล้ว วันนี้ไม่รู้เพราะอะไรท่านย่าลั่วถึงไม่มา แต่กลับมีเสียงเคาะประตูใหญ่ขึ้น
“พี่เสี่ยวปิง พี่เสี่ยวปิง”
เสียงเคาะประตูรัวเร็วพร้อมกับเสียงร้องเรียก
เสียงของลั่วฝูซิ่ง
พอได้ยินเสียงร้องเรียกร้อนใจ ลั่วเสี่ยวปิงอดใจกระตุกไม่ได้ รีบก้าวเท้ายาวไปทางประตูใหญ่ทันที
ถึงสามวันนี้ชีพจรของลั่วเสี่ยวจู๋จะเริ่มคงที่ขึ้นเรื่อยๆ หัวที่แตกก็เริ่มฟื้นฟูแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมลั่วเสี่ยวจู๋ที่น่าจะฟื้นขึ้นเมื่อวานถึงไม่ฟื้น
ตอนนี้จู่ๆมาได้ยินเสียงลั่วฝูซิ่ง นางกังวลว่าลั่วเสี่ยวจู๋เกิดเรื่องขึ้นรึเปล่า
และก็ไม่ใช่อะไรอย่างอื่น ก็คือตนเป็นคนพยายามช่วยรักษาลั่วเสี่ยวจู๋ ในเมื่อช่วยแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบให้ถึงที่สุด
แต่พอประตูเปิดออก สิ่งที่มองเห็นกลับไม่ใช่สีหน้าร้อนรนของลั่วฝูซิ่ง แต่กลับเป็นสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
หรือว่า....
“พี่เสี่ยวปิง พี่สี่ข้าฟื้นแล้ว นางฟื้นแล้ว” ลั่วฝูซิ่งดีใจสุดๆ
ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินว่าลั่วเสี่ยวจู๋ฟื้นแล้ว ในขณะเดียวกันที่ถอนหายใจโล่งอกก็ก้าวออกจากประตูบ้าน เตรียมไปดูอาการลั่วเสี่ยวจู๋
ตอนนี้ลั่วเสี่ยวจู๋ที่นอนอยู่บนเตียงที่กระท่อมมุงจากมองเห็นครอบครัวที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า สีหน้าซีดเผือดนั่นไม่มีความรู้สึกอะไร ในดวงตาคู่นั้นกลับมีประกายงุนงงและแห้งผากเสียหลายส่วน รวมถึงไม่อยากยอมรับชะตาและเคียดแค้นที่ไม่เคยหายไปด้วย
ลั่วต้าโซ่วและหวางซื่อลองพยายามจะพูดคุยกับลูกสาวตนเองหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่มีผลอะไร
ลั่วเสี่ยวจู๋ไม่พูดอะไร นอนนิ่งบนเตียงอย่างนั้น สายตานางพวกเขาก็ดูไม่เข้าใจเลย
มักรู้สึกว่าลูกสาวตรงหน้าคนนี้พอฟื้นมาก็ดูไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่ไม่เหมือนเดิมตรงไหน พวกเขาก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน เลยคิดว่าครั้งนี้ลูกสาวได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป จนกระทบกระเทือนสมอง
พอคิดแบบนี้ ทั้งสองก็มีสีหน้าร้อนใจและกังวล
โชคดีที่มีเสียงลั่วฝูซิ่งและลั่วเสี่ยวปิงลอยเข้ามาจากนอกเรือน ทำให้ทั้งคู่ถอนหายใจโล่งอก
ตอนลั่วเสี่ยวปิงเข้าไป สิ่งแรกที่เห็นคือลั่วต้าโซ่วและหวางซื่อกำลังมองตนด้วยสายตาเป็นประกายความคาดหวัง ส่วนลั่วเสี่ยวจู๋นอนนิ่งอยู่บนเตียง
แต่สายตานั่น....
ถึงสายตานั่นจะไม่ได้หยุดที่นาง แต่กลับทำให้นางรู้สึกถึงเรื่องราวและความแห้งผากในนั้นอย่างน่าประหลาด
แต่ลั่วเสี่ยวจู๋อายุแค่สิบห้าปี ก่อนหน้านี้ก็เป็นคนนิสัยนุ่มนิ่มไม่มีปากมีเสียง ทำไมถึงมีสายตาอย่างนี้ได้?
อาจเพราะความหมายพุ่งตรงในสายตาแวบนั้นของลั่วเสี่ยวปิงถูกลั่วเสี่ยวจู๋สัมผัสได้ ลั่วเสี่ยวจู๋หันมองลั่วเสี่ยวปิง
แต่วินาทีสายตาสบเข้ากับลั่วเสี่ยวปิง ลั่วเสี่ยวจู๋ก็ทั้งงุนงงทั้งตกตะลึงทั้งสงสัย จนโพล่งถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”
ลั่วเสี่ยวจู๋สลบไปหลายวัน น้ำเสียงแหบพร่าและอ่อนแรง แต่ก็ดังพอให้ทุกคนในห้องได้ยิน
และพอคำพูดนี้ของลั่วเสี่ยวจู๋ออกมา สายตาทุกคนในห้องพลันจ้องมองไปที่ลั่วเสี่ยวจู๋
ลั่วเสี่ยวจู๋ไม่รู้จักลั่วเสี่ยวปิงแล้ว?
หรือว่าสมองจะมีปัญหาจริงๆ?
คนของบ้านลี่ตระกูลลั่วพากันสีหน้ากังวล ส่วนลั่วเสี่ยวปิงไม่พูดสักคำ พุ่งเข้าไปจับชีพจรลั่วเสี่ยวจู๋ทันที
พอเห็นลั่วเสี่ยวปิงทำอย่างนั้น ลั่วเสี่ยวจู๋ขมวดคิ้ว แววสงสัยในดวงตายิ่งหนัก
ไม่ คนตรงหน้านี้ ต้องไม่ใช่คนที่นางคิดคนนั้น
ลั่วเสี่ยวจู๋คิดแบบนี้ แต่สายตากลับจับจ้องมองลั่วเสี่ยวปิงไม่กะพริบตา ประหนึ่งจะจ้องลั่วเสี่ยวปิงให้ออกดอกก็ไม่ปาน
ลั่วเสี่ยวปิงดึงมือออกท่ามกลางสายตาจับจ้องของลั่วเสี่ยวจู๋ สาตาประสานเข้ากับลั่วเสี่ยวจู๋
จากชีพจรดูแล้ว นางไม่เห็นอะไร
ยิ่งไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าลั่วเสี่ยวจู๋ความจำเสื่อมเพราะสมองได้รับแรงกระทบกระเทือน
นางมั่นใจในยาของตัวเอง แต่สมองคนเรามันซับซ้อน นางไม่สามารถพูดอะไรอย่างมั่นใจได้
เพียงแต่ว่าสายตาลั่วเสี่ยวจู๋ทำให้นางรู้สึกไม่ชอบมาพากล
แต่จะบอกว่าไม่ชอบมาพากลตรงไหน ตอนนี้ลั่วเสี่ยวปิงก็คิดไม่ออก
และตอนนี้เองลั่วฝูซิ่งที่อายุน้อยที่สุดเอ่ยปากขึ้น “พี่สี่ นางคือพี่เสี่ยวปิง ท่านลืมไปแล้วรึ?”
“ลั่วเสี่ยวปิง?” สายตาลั่วเสี่ยวจู๋มีแววตะลึง ก่อนโพล่งปฏิเสธเลยว่า “เป็นไปไม่ได้!W
จากนั้นพอโพล่งคำนี้ออกไป หางตาลั่วเสี่ยวจู๋เหลือบไปเห็นว่ามีคนมาที่หน้าประตู
คนที่มาไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นฉีเทียนเห้าและอานอานเล่อเล่อที่ตามมาดูอาการ
พูดให้ถูก คือเล่อเล่ออยากมา ฉีเทียนเห้ากับอานอานตามมาเป็นเพื่อนเท่านั้น
สายตาลั่วเสี่ยวจู๋หยุดที่ใบหน้าฉีเทียนเห้าไม่นานก็เบนออก แต่พอเห็นอานอานและเล่อเล่อ สายตาที่เดิมลั่วเสี่ยวจู๋จะผ่านไปก็พลันชะงักลง จากนั้นก็จ้องมองอานอานและเล่อเล่ออย่างจริงจังไม่วางตา
สายตาเยี่ยงนี้ราวกับจะอยากมองให้แน่ใจอะไรสักอย่าง
“พวกเจ้าคืออานอานกับเล่อเล่อ?” ลั่วเสี่ยวจู๋สะกดความรู้สึกพลุ่งพล่านชองตน ถามขึ้นอย่างลังเล สายตาทอประกายประหลาด
อานอานขมวดคิ้ว เล่อเล่อเอียงคอมองลั่วเสี่ยวจู๋ จากนั้นส่งยิ้มให้ “ท่านน้า ข้าคือเล่อเล่อเจ้าค่ะ”
มองดูใบหน้าขาวเนียนนั้นของเล่อเล่อ บวกกับรอยยิ้มบนใบหน้านาง สายตาลั่วเสี่ยวจู๋เผยแววเหลือเชื่อ ราวกับได้ยินสิ่งที่ทำให้นางยากจะเชื่อได้
แต่วินาทีต่อมาราวกับคิดอะไรได้ ลั่วเสี่ยวจู๋หันมองอานอาน
จากนั้นลั่วเสี่ยวจู๋ก็เป็นลมสลบไป
ส่วนลั่วเสี่ยวปิงที่จับตาสังเกตลั่วเสี่ยวจู๋อยู่ตลอด นางเห็นแววตาที่ลั่วเสี่ยวจู๋องอานอานได้อย่างชัดเจน มันเป็นความหวาดกลัวอัดเต็มอย่างน่าประหลาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง