แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 174

อานอานที่ขมวดคิ้วอยู่ก่อนแล้ว “...”

หลังจากเห็นลั่วเสี่ยวจู๋สลบไป อานอานหันมองลั่วเสี่ยวปิง สีหน้านั้นมีแววไร้เดียงสาและน้อยใจแฝงไว้อยู่หลายส่วนอย่างน่าประหลาด

เขาน่าตกใจขนาดทำให้คนเป็นลมสลบไปเลยรึ?

เห็นได้ชัดว่าถึงอานอานจะยังเล็กมาก แต่ก็เห็นความหวาดกลัวในแววตาลั่วเสี่ยวจู๋

พอเห็นอานอานมีสีหน้าอย่างยากที่จะเคยเห็นได้ ลั่วเสี่ยวปิงยิ้มมุมปากเบาบาง

เพียงแต่ลั่วเสี่ยวจู๋เป็นลมต่อหน้านางไปแล้ว ต่อให้ในใจสงสัยแค่ไหนก็ต้องวางไว้ก่อน ดูคนก่อน

เพียงแต่ในตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงกำลังจะเข้าไปจับชีพจรให้ลั่วเสี่ยวจู๋ มือนางพึ่งจะวางลงบนข้อมือลั่วเสี่ยวจู๋ ลั่วเสี่ยวจู๋ก็ลืมตาขึ้น

ลั่วเสี่ยวจู๋ในตอนนี้ยังคงมีแววตาเหม่อลอย แต่ไม่มีความแห้งผากอย่างเมื่อก่อน แต่กลับมีแววหวาดหวั่นและขี้ขลาดที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี

“ท่านแม่...” ลั่วเสี่ยวจู๋เรียกออกมา

“แม่อยู่นี่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หวางซื่อรีบขึ้นหน้าอย่างเป็นห่วง นั่งลงข้างเตียง ลั่วเสี่ยวปิงเลยถอยออกมาหนึ่งก้าว

“นี่ข้าเป็นอะไรไปรึ?” ลั่วเสี่ยวจู๋พูดพลางมือกุมขมับ ท่าทางราวกับปวดหัวมาก

หวางซื่อเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ ในใจพลันถอนหายใจโล่งอก เล่าเรื่องทั้งหมดออกมาหนึ่งครั้ง

พอลั่วเสี่ยวจู๋ฟังจบ สายตาหม่นหมองลงแต่มีแววหวาดหวั่น “ท่านแม่ ข้าไม่อยากกลับไป....ข้ากลัว...”

พอคำพูดนี้ของลั่วเสี่ยวจู๋ออกมาหวางซื่อและลั่วต้าโซ่วต่างลำบากใจ

ไม่กลับไปแล้วจะไปอยู่ที่ไหน?

จะมาอยู่กับเสี่ยวปิงที่นี่ตลอดก็ไม่ได้กระมัง?

แต่ท่าทางหวาดกลัวของลูกสาวทำให้สองสามีภรรยาปวดใจนัก ถ้าลูกสาวกลับไป ด้วยนิสัยของท่านแม่ คงต้องโดนทุบตีอีกระลอกแน่

“เสี่ยวปิง ถือว่าอาขอร้องเจ้าล่ะ” ลั่วต้าโซ่วพูดพลางทำท่าจะคุกเข่าให้ลั่วเสี่ยวปิง

ลั่วเสี่ยวปิงเห็นดังนั้นก็รีบถอยหนี ฉีเทียนเห้ามองออกว่าลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้อยากได้รับการคุกเข่านี้ เลยยื่นมือมาจับ บังคับไม่ให้ลั่วต้าโซ่วคุกเข่าลงได้

ร่างของลั่วต้าโซ๋วราวกับค้างกลางอากาศ ดูกระอักกระอ่วนนัก โชคดีที่ฉีเทียนเห้าปล่อยมือทันเวลา เขาเลยไม่ได้กระอักกระอ่วนขนาดนั้น

แต่แบบนี้อยากจะคุกเข่าก็คงไม่ได้แล้ว ลั่วต้าโซ่วเลยพูดขึ้น “เสี่ยวปิง ให้เสี่ยวจู๋อยู่ที่นี่ก่อนได้หรือไม่?”

พูดคำนี้ออกไป ลั่วต้าโซ่วหน้าแดงซ๋าน

เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกกระดากกับคำพูดของตัวเองไปหน่อย ก่อนหน้านี้เพราะอาการบาดเจ็บของลั่วเสี่ยวจู๋ยังไม่ดีขึ้นเลยช่วยไม่ได้ แต่ตอนนี้เขามาเรียกร้องอย่างนี้อีกดูจะหน้าด้านไปเสียหน่อย

แต่จะให้เขายืนยันว่าจะตอบแทนอะไรลั่วเสี่ยวปิงหน่อยเขาก็ทำไม่ได้ เพราะเขาเองก็ไม่มีอะไรเลย

พอคิดอย่างนี้ หัวของลั่วต้าโซ่วยิ่งก้มต่ำลง และยิ่งไม่กล้ามองหน้าลั่วเสี่ยวปิงมากขึ้น

ลั่วเสี่ยวปิงเห็นลั่วต้าโซ่วเป็นแบบนี้ ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงเอ่ยปากเสียงเรียบว่า “อาการเสี่ยวจู๋ไม่มีอะไรมากแล้ว ส่วนกระท่อมมุงจากนี่ให้นางยืมพักสักหน่อยวันได้ หากไม่มีเรื่องอื่นข้าไปก่อนล่ะ”

ยืมบ้านนี้ก็ไม่เท่าไหร่ ยังไงซะนางก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ เลยรับปากได้โดยง่าย

อีกอย่างนางไม่คิดจะติดต่ออะไรกับคนตระกูลลั่วให้มาก ดังนั้นตอนนี้เลยไม่คิดจะอยู่ต่อ

ส่วนอาการแปลกๆหลังจากลั่วเสี่ยวจู๋ฟื้นมา...นางมิได้เป็นอะไรกับตน นางเลยไม่จำเป็นต้องคิดมาก

พอลั่วเสี่ยวปิงไป ฉีเทียนเห้ากับเด็กสองคนก็ไม่อยู่ต่อเหมือนกัน และหมุนตัวเดินตามหลังลั่วเสี่ยวปิงไป

“พี่เสี่ยวปิง”

ในตอนนี้เองลั่วเสี่ยวจู๋เอ่ยปากขึ้น เสียงไม่ดัง แต่พอให้ลั่วเสี่ยวปิงได้ยิน

ลั่วเสี่ยวปิงหันมามองลั่วเสี่ยวจู๋ แต่กลับเห็นลั่วเสี่ยวจู๋หดตัวรากับทั้งหวาดกลัวและเขินอาย

“ขอบ...ขอบคุณพี่เสี่ยวปิงที่ช่วยข้า และ...และยังให้ข้าพักที่บ้านนี้อีก” หลังจากพูดอย่างตื่นเต้นมาก ลั่วเสี่ยวจู๋ก็ก้มหน้าลงต่ำอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ามองลั่วเสี่ยวปิงเลยสักนิด

ลั่วเสี่ยวปิงเม้มปาก สุดท้ายมองดูลั่วเสี่ยวจู๋ จากนั้นไม่พูดอะไร และหมุนตัวเดินออกไป

ลั่วต้าโซ่วและหวางซื่อ ยังมีลั่วสื้อซิ่งและลั่วฝูซิ่งย่อมต้องออกไปส่งอยู่แล้ว เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงเป็นผู้มีพระคุณของพวกเขา

รอจนทุกคนออกไป ลั่วเสี่ยวจู๋ถึงได้เก็บความหวาดกลัวอ่อนแอในสีหน้าไป สายตาสงบนิ่งจนน่ากลัว ไม่เหมือนสาวชาวบ้านธรรมดา แต่เหมือนสตรีที่ผ่านสมรภูมิในเรือนหลังคนหนึ่ง

“เป็นไปได้อย่างไร? ตอนนี้พวกเขาควรจะตายกันหมดแล้วมิใช่รึ?” ลั่วเสี่ยวจู๋ขมวดคิ้วพึมพำ

ในตอนนี้เองพวกลั่วต้าโซ่วที่ออกไปส่งลั่วเสี่ยวปิงกลับเข้ามา ทำความคิดลั่วเสี่ยวจู๋หยุดชะงัก

เห็นหลายคนที่เข้ามา ลั่วเสี่ยวจู๋หลุบตาซ่อนความรู้สึกพลางว่า “ท่านพ่อท่านแม่...พวกเราแบ่งเรือนออกไปอยู่เองเถิด?”

....

หลังจากออกจากกระท่อมมุงจาก อานอานเล่อเล่อทั้งสองคนเดินอยู่ด้านหน้า ลั่วเสี่ยวปิงและฉีเทียนเห้าเดินเคียงกันตามหลัง

“นางแกล้งเป็นลม”

ฉีเทียนเห้าที่เดิมเงียบพลันส่งเสียง

คนหนึ่งจะแกล้งเป็นลมหรือไม่ สามารถดูได้จากการหายใจ

“ข้ารู้” ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า

ฉีเทียนเห้าเอียงคอมองลั่วเสี่ยวปิง เห็นสีหน้าเรียบเฉยของนาง ปากเผยอแล้วหุบ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ขนาดตนเองยังมองออกว่าไม่ชอบมาพากล นางจะมองไม่ออกได้อย่างไรกัน?

....

เวลาผ่านไป สิบวันผ่านไปแล้ว

ในสิบวันนี้เกิดเรื่องขึ้นไม่น้อย หนึ่งในนั้นซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดคือตระกูลลั่วแยกบ้านแล้ว

จุดที่ทำให้ทุกคนในหมู่บ้านต้าซิ่งประหลาดใจมากที่สุดคือ คนที่เรียกร้องให้แยกบ้านคือลั่วต้าโซ่วจากบ้านสี่ของตระกูลลั่ว

เพราะปกติแล้วลั่วต้าโซ๋วขึ้นชื่อว่าเป็นคนซื่อ คนที่ต่อให้โดนตีเขาก็ไม่กล้าหือเลยสักแอะ กลับเรียกร้องให้แยกบ้าง?

ทุกคนประหลาดใจก็จริง แต่ก็เข้าใจได้ เพราะเรื่องลั่วเสี่ยวจู๋เกือบตายคนในหมู่บ้านก็พอรู้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย

และเพราะเรื่องลั่วเสี่ยวจู๋นี่ วิชาการรักษาของลั่วเสี่ยวปิงได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน จากนั้นชาวบ้านมากมายก็มาหาลั่วเสี่ยวปิงให้นางดูอาการ

แต่ลั่วเสี่ยวปิงยุ่งมาก ชาวบ้านก็เป็นแค่โรคเล็กน้อย ดังนั้นนางเลยให้ทุกคนไปหาหมอสูแทน

กลับมาที่เรื่องเดิม

ตระกูลลั่วแยกบ้านแล้วจริงๆ

และยังแยกอย่างสิ้นเชิง

นอกจากบ้านสามที่ไม่มีใคร ที่เหลืออีกสามบ้านก็โดนท่านย่าลั่วจัดแจงแบ่งออกมาหมด

แน่นอนมีแค่บ้านสี่ที่เรียกร้องให้แยกบ้านตอนแรกโดนตัดคัดออกไป

ตอนนี้บ้านสี่ทั้งบ้านล้วนมาแออัดกันอยู่ในกระท่อมมุงจากของลั่วเสี่ยวปิง

เพียงแต่ตระกูลลั่วแยกบ้านได้แค่สองวัน ตระกูลลั่วก็มีข่าวใหญ่ดังเป็นพลุแตกออกมาอีก

นั่นคือตระกูลลั่วไม่เพียงแยกบ้าน ยังแยกอย่างสิ้นเชิงเลย

ท่านย่าลั่วตัดสินตัดขาดสัมพันธ์กับบ้านใหญ่ บ้านสอง บ้านสี่ทั้งหมด และยังจัดแจงให้ลั่วเหอซิ่งตัดขาดกับบ้านใหญ่ และบอกเล่าแก่คนนอกว่า นางต้องการให้มีหลานโยนถาดให้ยามนางถึงแก่กรรม

เพราะอย่างนี้จนถึงตอนนี้ลั่วต้าโซ่วยังหดหู่อย่างมาก

ฟ่านลี่ฮัวไม่ได้โวยวาย รับเรื่องอย่างสงบนิ่งมาก จ้าวชุนฮวากลับเริ่มเล่นฉากหนึ่งร้องไห้สองโวยวายสามผูกคอตาย น่าเสียดายที่ท่านย่าลั่วไม่สนใจ และจัดแจงแบ่งเรือนในบ้านออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งนางอยู่กับลั่วเหอซิ่ง อีกส่วนให้บ้านใหญ่กับบ้านสองไปแบ่งกันเอง

พวกชาวบ้านไม่เข้าใจว่าการกระทำของท่านย่าลั่วมันหมายความว่ายังไง ลั่วเสี่ยวปิงกลับเข้าใจ

ท่านย่าลั่วทำแบบนี้ ก็เพื่อให้ลั่วเหอซิ่งตัดขาดสัมพันธ์กับนักโทษที่ทำลายชื่อเสียงตระกูลอย่างลั่วต้าฟู่และลั่วต้ากุ้ยสองคนนี้ ท่านย่าเป็นคนจัดการตัดขาดเอง ไม่ถือว่าอกตัญญู

ส่วนลั่วต้าโซ่ว ไม่ต้องไปสนใจก็ได้

สรุปแล้วท่านย่าลั่วช่างกล้าเสียจริง เพื่อลั่วเหอซิ่ง

สำหรับเรื่องที่สองในรอบสิบวันนี้...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง