แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 175

เรื่องที่สองที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านต้าซิ่ง ย่อมเป็นเรื่องที่อุณหภูมิลดลง เพราะสำหรับชาวบ้านธรรมดาแล้ว การเปลี่ยนแปลงของอากาศถือเป็นเรื่องใหญ่

โดยเฉพาะอุณหภูมิครั้งนี้ลดลงเร็วมาก แทบจะไม่มีสัญญาณเตือนก่อนเลย ทำให้ตอนนี้ชาวบ้านออกมาข้างนอกกันน้อยลงมาก

แต่สำหรับลั่วเสี่ยวปิงแล้ว อุณหภูมิที่ลดลงปุ๊บปั๊บนี่ถือเป็นโอกาสที่ดีมาก

อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว สิ่งมีชีวิตต่างหยุดชะงักการเติบโต เป็นเวลาที่เรือนกระจกของนางจะออกสู่สายตาผู้คนอย่างเจิดจ้า

และเวลาสิบวันนี้ เรือนกระจกของนางได้จัดทำสมบูรณ์หมดแล้ว และยังปลูกต้นอ่อนผักที่นางได้แจกจ่ายออกไปแล้วด้วย

เพราะต้นอ่อนผักเป็นรุ่นที่ลั่วเสี่ยวปิงเลี้ยงขึ้นมาด้วยน้ำแร่วิญญาณแล้ว ดังนั้นเวลาในการเติบโตเลยลดลงไปมาก จนทำให้เรื่องร้อนใจที่สุดของลั่วเสี่ยวปิงในตอนนี้คือซื้อร้านค้า

ผักของนางต้องส่งให้หอฝูหม่านอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่นางตัดสินใจจะเก็บไว้เอง

ถ้าเป็นเมื่อก่อน บางทีนางอาจจะเครียดกับเงินที่จะเอาไว้ซื้อร้านค้า แต่ตอนนี้เงินในกล่องที่ฉีเทียนเห้าส่งมาให้ก็มีอยู่ นางเลยไม่เครียดละ

แน่นอน เดิมนางไม่คิดจะใช้เงินกล่องนั้น เพราะกับฉีเทียนเห้าก็แต่งกันหลอกๆเท่านั้น ไม่ได้แต่งกันจริงๆเสียหน่อย? ในเมื่อเป็นเรื่องหลอก จะรับสินสอดมาดื้อๆอย่างสบายใจไม่ได้หรอก

แต่ฉีเทียนเห้ากลับปฏิเสธบอกว่าของที่ให้มาแล้วไม่มีทางจะรับคืนไป จะปล่อยให้เงินกล่องนั้นอนจำศีลฤดูหนาวก็ใช่ที่จริงไหม? เดี๋ยวก็โดนขโมยเพ่งเล็งอีกหรอก?

ดังนั้นลั่วเสี่ยวปิงตัดสินใจเอาเงินกล่องนั้นของฉีเทียนเห้าเป็นการลงทุนของเขา หลังจากนางซื้อร้านค้าได้กำไรแล้วจะแบ่งกำไรให้เขา

หลังจากตัดสินใจแล้ว ทั้งสี่คนก็เตรียมไปดูร้านค้าในเมือง

แต่แค่เปิดประตูออก ก็เจอคนคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู

คนที่มาเห็นประตูถูกเปิดออก มีแววตื่นตระหนกและประหม่า แต่ยังขึ้นหน้าทักทาย “พี่เสี่ยวปิง คุณชายฉี...”

คนนั้นคือลั่วเสี่ยวจู๋นั่นเอง

เพียงแต่หลังจากทักทายทั้งคู่แล้ว สายตาลั่วเสี่ยวจู๋ก็มองไปยังอานอานแล้วไม่รู้ตัว ถึงจะเบนออกเร็วมาก ลั่วเสี่ยวปิงก็ยังรู้สึกว่าลั่วเสี่ยวจู๋ตรงหน้านี้ดูแปลกมาก

หรือพูดอีกอย่างคือ ลั่วเสี่ยวจู๋ที่ฟื้นมากลับดูไม่เหมือนกับลั่วเสี่ยวจู๋ที่อยู่ในภาพความทรงจำของนาง ไม่เหมือนจนทำให้นางอดคิดไม่ได้ว่า มีวิญญาณคนอื่นมาอยู่ในร่างลั่วเสี่ยวจู๋หรือไม่?

เหมือนกับนาง

พอคิดได้อย่างนี้ ลั่วเสี่ยวปิงเลยโพล่งออกไปว่า “หมากินเนื้อ”

“หา?” ลั่วเสี่ยวจู๋มองลั่วเสี่ยวปิงด้วยสีหน้างุนงง “หมาอะไร...”

ส่วนสามพ่อลูกอานอานเล่อเล่อและฉีเทียนเห้าพากันมองมาทางลั่วเสี่ยวปิงเป็นตาเดียวกัน ในสายตามีความสงสัยและงุนงง ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกว่า ตัวเองกลายเป็นตัวตลกเลย

กระอักกระอ่วนไหม?

กระอักกระอ่วนมาก

แต่ถ้าตัวเองไม่แสดงท่าทีกระอักกระอ่วน คนที่กระอักกระอ่วนจะเป็นคนอื่นแทน!

ดังนั้นลั่วเสี่ยวปิงเลยพยายามไม่แสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน และส่ายหัวแผ่วเบาว่า “เปล่า...เจ้ามามีธุระอะไรรึ?”

ถ้าเป็นคนที่ย้อนเวลามา ต้องรู้ประโยคถัดไปได้แน่ว่าคือ‘เสือกินขี้’

ปฏิกิริยาลั่วเสี่ยวจู๋ไม่เหมือนแกล้งทำ เห็นได้ชัดว่านางไม่เหมือนตน

ส่วนลั่วเสี่ยวจู๋แปลกตรงไหน ลั่วเสี่ยวปิงก็ขี้เกียจไปวิเคราะห์ รู้แต่ว่านางไม่ได้ย้อนเวลามาเหมือนตนก็พอแล้ว

“คือว่า....” ลั่วเสี่ยวจู๋ดูลังเลสักหน่อย “ข้ามาขอบคุณที่พี่เสี่ยวปิงยอมให้อยู่บ้าน...”

“ไม่จำเป็น” ลั่วเสี่ยวปิงปฏิเสธออกมาในทันที “เดิมกระท่อมมุงจากก็ผุพังอยู่แล้ว พวกเจ้าไม่อยู่ก็พังอยู่ตรงนั้นอยู่ดี”

นี่คือความจริง

บ้านแบบนั้น ถ้าไม่มีคนอยู่ ผ่านฤดูหนาวนี้ไปก็ต้องพังแน่

ดังนั้นให้คนบ้านสี่ยืมอาศัย นางไม่รู้สึกอะไรจริงๆ

ลั่วเสี่ยวปิงพูดอย่างไร้ความรู้สึกนี้ออกมา ทำเอาสีหน้าลั่วเสี่ยวจู๋ซีดเผือดเล็กน้อย

“ข้ายังมีเรื่องต้องไปทำ ถ้าเจ้าไม่มีเรื่องอื่นพวกเราต้องไปแล้ว” ลั่วเสี่ยวปิงพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจสีหน้าลั่วเสี่ยวจู๋

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง