“เปล่า” ฉีเทียนเห้าได้สติกลับมา ส่ายหน้าเล็กน้อย
ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้ถามหาต้นเหตุของเรื่องราว กำลังจะบอกว่าไปดูที่อื่นก่อน ก็เห็นนายหน้าเดินมาอย่างเร่งรีบ
“พวกท่านยังอยู่ก็ดีแล้ว คนมาถึงแล้ว”
คนมาถึงแล้ว แต่กลับไม่ได้มาพร้อมกับนายหน้า แต่เข้าไปในบ้านหลังนั้นทางประตูหน้า ดังนั้นหลังจากที่นายหน้าเปิดประตูหลังออก พวกเขาก็เข้าไปเลย
มาถึงข้างหน้า ลั่วเสี่ยวปิงเห็นเจ้าของบ้านหลังนั้นเป็นผู้ชายวัยกลางคนธรรมดาคนหนึ่ง ตอนที่เห็นพวกลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็กล่าวตรงประเด็นเลย “บ้านหลังนี้ไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย”
“ข้ารู้” ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า “ข้าซื้อมันก็ไม่ได้คิดจะใช้สำหรับอยู่อาศัย”
ชายวัยกลางคนได้ยินคำพูด ถึงได้มองไปทางลั่วเสี่ยวปิง เห็นว่าลั่วเสี่ยวปิงไม่เหมือนกำลังโกหกอยู่ ก็ไม่ได้พูดอะไรและตกลงขายบ้าน
เจ้าของบ้านไม่ได้ต่อรองราคา ขายในราคาห้าร้อยตำลึงที่ลั่วเสี่ยวปิงเสนอโดยตรง
ยื่นหมูยื่นแมวจ่ายเงิน แล้วก็ไปโอนกรรมสิทธิ์
หลังจากโอนกรรมสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ตอนที่โฉนดบ้านกับร้านอยู่ในมือของลั่วเสี่ยวปิง ก็เป็นเวลายามเซินแล้ว
ตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้ชายชอบรถ ผู้หญิงชอบบ้าน นี่เป็นกฎเกณฑ์ตายตัวที่ไม่เปลี่ยนแปลง
มองดูโฉนดที่ดินที่อยู่ในมือ ลั่วเสี่ยวปิงก็เริ่มวางแผนการใช้งานพวกมันในอนาคตขึ้นมาในใจแล้ว
ร้านค้าที่อยู่ข้างหน้า ก็ขายผักนอกฤดูกาล
บ้านที่อยู่ด้านหลัง นางเตรียมจะตกแต่งเป็นศูนย์อาหาร
เรือนแถวที่ขนาบกับเรือนใหญ่กับเรือนรับรอง นางเตรียมจะแบ่งเป็นแผงขายอาหารว่างต่างๆ และตึกเล็กสองชั้นนั่น นางเตรียมจะทำปิ้งย่างหม้อไฟของนางเอง ช่างสมบูรณ์แบบจริงๆ
ลั่วเสี่ยวปิงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าสามารถทำได้ เวลานี้นัยน์ตาของนางกำลังเปล่งประกาย ราวกับว่าศูนย์อาหารได้เปิดแล้วจริงๆ
หมกมุ่นอยู่ในจินตนาการของตนเองลั่วเสี่ยวปิงไม่เห็นความลังเลในสายตาของฉีเทียนเห้า จนกระทั่งฉีเทียนเห้าเอ่ยปากขึ้นมา “ข้าต้องจากไปสักพัก”
ฉีเทียนเห้ากล่าวคำนี้ออกมา อานอานเล่อเล่อที่เหนื่อยล้าเล็กน้อยแล้วมองไปทางฉีเทียนเห้า ลั่วเสี่ยวปิงก็ดึงสติกลับมามองไปทางเขา
“มีบางอย่างให้ต้องจัดการ อย่างน้อยสิบวัน อย่างมากหนึ่งเดือน”
เมื่อครู่ตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงไปตรวจรักษาคน เขาเห็นสัญญาณลับที่ลูกน้องทิ้งไว้
ทิ้งสัญญาณลับเช่นนั้นเอาไว้ มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ที่ไม่พูดออกมาเพราะไม่อยากให้ลั่วเสี่ยวปิงหมดสนุก ตอนนี้จบเรื่องแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ยังอารมณ์ดีอยู่ ก็ถึงเวลาที่เขาควรจะจากไปแล้ว
ทันทีที่ได้ยินว่าฉีเทียนเห้าจะจากไป อารมณ์ที่มีความสุขของลั่วเสี่ยวปิงก็มลายหายไปในทันที รู้สึกหดหู่ในใจ ชั่วขณะหนึ่งไม่รู้ว่าควรจะมีปฏิกิริยาอย่างไรดี
“เช่นนั้นท่านยังจะแต่งงานกับท่านแม่ไหม?” อานอานขมวดคิ้ว มองไปที่ฉีเทียนเห้าแล้วถามคำถามที่แม้แต่ลั่วเสี่ยวปิงก็ยังรู้สึกประหลาดใจ
วันที่หกเดือนหน้า เป็นวันที่พวกเขาบอกกับชาวบ้านว่าจะจัดพิธีแต่งงาน นับจากวันนี้ไปอีกแค่ยี่สิบกว่าวันแล้ว
อานอานจ้องมองฉีเทียนเห้าเขม็ง ราวกับตอนนี้เวลานี้หากฉีเทียนเห้าพูดขึ้นมาว่า ‘ไม่’ เขาก็พร้อมที่จะแตกหันไปข้างทันที
ฉีเทียนเห้ามองดูอานอานครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองไปทางลั่วเสี่ยวปิง สีหน้าเคร่งขรึม “รอข้า ข้าจะกลับมาแต่งงานกับเจ้า”
ตอนที่พูดคำนี้ออกมา เสียงของฉีเทียนเห้าแฝงไปด้วยความแหบแห้งของฮอร์โมนเพศชายเล็กน้อย ในแววตากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ราวกับกำลังกล่าวคำสัญญาอะไรพวกนั้น
สุดท้าย ฉีเทียนเห้าก็จากไป ตอนที่ฉีเทียนเห้าจากไป ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้ให้คำตอบว่าจะรอเขาหรือไม่
ถึงแม้ฉีเทียนเห้าจะรู้สึกผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้ชักช้า
หลังจากที่ฉีเทียนเห้าจากไป ก็ออกจากเมืองไปโดยตรง
เวลานี้ตรงปากทางเข้าเมือง คือหนานเฉินที่รออยู่ตรงนั้น
ข้างหน้าหนานเฉิน เป็นม้าสองตัว
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉีเทียนเห้ากระโดดขึ้นหลังม้า กล่าวถามหนานเฉินโดยตรง
ถึงแม้จะรู้ว่าเกิดเรื่องฉุกเฉิน แต่รายละเอียดเฉพาะเจาะจงคืออะไร ฉีเทียนเห้าไม่รู้
“องค์หญิงหกหนีการแต่งงาน มาทางตะวันตกเฉียงเหนือ หายตัวไปในอาณาเขตของค่ายเฮยหลง” หนานเฉินสีหน้าท่าทางจริงจัง
องค์หญิงหกซ่งหลิงหลิง ไร้เดียงสาแต่ฉลาดแล้วก็มีไหวพริบ ปีนี้อายุสิบหก ชอบตามอยู่ข้างกายของฉีเทียนเห้ามาตั้งแต่เด็ก ระดับความหวังพึ่งพาฉีเทียนเห้ามากกว่าฮ่องเต้เสียอีก
หลบหนีการแต่งงานมาทางตะวันตกเฉียงเหนือในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะว่าองค์หญิงหกได้ยินมาว่าฉีเทียนเห้าหายตัวไปที่ตะวันตกเฉียงเหนือ ถึงได้หลบสาวใช้ประจำตัวแล้วหนีมาเองอย่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ
กลับไม่เคยคิดเลยว่า ข่าวจะหายไปในอาณาเขตของค่ายเฮยหลง
ต้องรู้ว่า ค่ายเฉยหลงตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขา ง่ายต่อการป้องกันยากที่จะโจมตี หลายปีมานี้ ราชสำนักต้องการจะโอบล้อมปราบปรามแต่ก็ล้มเหลวกลับไปทุกครั้ง
คนในค่ายเฮยหลง ทำชั่วมากมาย องค์หญิงหกถูกจับ เกรงว่าคงโชคร้ายมากกว่าดีแล้ว
สายตาของฉีเทียนเห้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย บนใบหน้ากลับไม่พบความเป็นห่วงกังวลใดๆเลย เพียงแค่เอียงศีรษะเล็กน้อย “เรื่องของนางสืบชัดเจนแล้วหรือยัง?”
นาง ย่อมหมายถึงลั่วเสี่ยวปิงอยู่แล้ว
หนานเฉินเห็นว่าบนใบหน้าของฉีเทียนเห้าไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เพียงแค่อยากจะรู้เรื่องของลั่วเสี่ยวปิงด้วยใบหน้าสงบนิ่ง ก็ไม่ได้ปิดบัง เล่าเรื่องทั้งหมดที่สืบมาได้ในช่วงนี้ออกมาอย่างละเอียด และก็ไม่ได้เริ่มต้นเล่าจากตอนลั่วเสี่ยวปิงเกิดด้วยนะ แต่เริ่มต้นจากพ่อแม่ของลั่วเสี่ยวปิงลั่วต้าฝูกับหลี่ชุยหวน
สมัยนั้นหลี่ชุยหวนเป็นสาวใช้อยู่ในเมือง ตอนที่อายุถึงได้รับเมตตาถูกปล่อยให้ออกมาแต่งงาน แต่งงานกับลั่วต้าฝูที่ตอนนั้นยังเป็นแค่ผู้ค้ารายย่อยเล็กๆ
ด้วยความช่วยเหลือของหลี่ชุยหวน ลั่วต้าฝูเปลี่ยนจากผู้ค้ารายย่อยมาเป็นพ่อค้า ชีวิตก็ถือได้ว่ารักใคร่กลมเกลียวกันดี
ยี่สิบปีก่อน ตอนที่หลี่ชุยหวนตั้งครรภ์ ทางเมืองซีเหอเคยเกิดภัยธรรมชาติหิมะตกหนักครั้งหนึ่ง เพื่อให้มีชีวิตรอด พวกชาวบ้านต้องออกจากหมู่บ้านไปทางทิศตะวันออก
ในจำนวนคนของหมู่บ้านต้าซิงที่ออกไปลี้ภัยพร้อมกัน ย่อมมีครอบครัวจางเฉินซื่ออยู่ด้วย ตอนนั้นในท้องของจางเฉินซื่อก็มีเด็กอยู่เช่นกัน อายุครรภ์น้อยกว่าของหลี่ชุยหวนหนึ่งเดือน
แต่ดันบังเอิญ วันนั้นทั้งสองปวดท้องคลอดพร้อมกัน วันนั้นยังมีฮูหยินขุนนางคนหนึ่งที่ปวดท้องคลอดพร้อมกับพวกนางด้วย หญิงตั้งครรภ์สามคน ให้กำเนิดลูกสาวก่อนและหลังตามลำดับ
แต่เสียดาย เพราะลูกสาวของจางเฉินซื่อคลอดก่อนกำหนด ดังนั้นจึงเสียชีวิตไป
และเพราะลี้ภัยสุขภาพของหลี่ชุยหวนไม่ดีไม่มีน้ำนม ดังนั้นลั่วเสี่ยวปิงในตอนนั้นจึงถูกมอบให้จางเฉินซื่อเป็นผู้ป้อนนม
“หญิงตั้งครรภ์คนที่สามเป็นใคร?” ฉีเทียนเห้าถามโดยสัญชาตญาณ
หนานเฉินส่ายหน้า “ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพียงแค่รู้มาจากปากของคนที่เคยเห็นในตอนนั้นว่าฮูหยินคนนั้นดูน่าเกรงขาม น่าจะเป็นฮูหยินขุนนาง
พูดถึงตรงนี้ หนานเฉินต้องกล่าวว่า “ตอนที่ข้าน้อยตามสืบเรื่องนี้ พบว่าดูเหมือนจะมีคนจงใจลบเบาะแสเรื่องการให้กำเนิดในตอนนั้น ข้าน้อยสืบเรื่องที่ละเอียดเพิ่มเติมกว่านี้ไม่ได้แล้ว และหญิงตั้งครรภ์คนที่สามในตอนนั้นข้าน้อยก็สืบไม่ได้ว่าเป็นใคร”
ได้ยินคำพูด ฉีเทียนเห้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง
สาเหตุที่ถามหญิงตั้งครรภ์คนที่สามคนนั้น เป็นเพราะว่าในหัวของเขาอดที่จะคิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้
เป็นไปได้ไหมว่า ลั่วเสี่ยวปิงจะไม่ใช่ลูกสาวของหลี่ชุยหวน?
มิเช่นนั้น เหตุใดถึงมีความผิดปกติเกิดขึ้นมากมายในระหว่างการสืบหาเรื่องนี้ได้? แล้วจะมีใครมาเสียเวลากับสาวชาวนาธรรมดาๆคนหนึ่งได้?
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” หนานเฉินกล่าวต่อไป “สองสามีภรรยาลั่วต้าฝูถูกฆ่าตายระหว่างทางไปทำการค้า ไม่รู้ว่าทำไมคนตระกูลลั่วไม่ได้บอกสาเหตุการตายที่แท้จริงให้กับชาวบ้าน บอกเพียงว่าเกิดอุบัติเหตุคนเสียชีวิตเท่านั้น”
“อ๋อ? เช่นนั้นแล้วใครเป็นคนฆ่าพวกเขา?”
“ว่ากันว่าถูกโจรของค่ายเฮยหลงฆ่าตาย”
เมื่อฉีเทียนเห้าได้ยิน สายตาก็ขรึมลงเล็กน้อย
ค่ายเฮยหลงอีกแล้ว ดูท่าเขาต้องไปพบกับค่ายเฮยหลงนี่หน่อยแล้ว
คิดจบ ฉีเทียนเห้าไม่พูดอะไรอีก ควบม้าออกไปโดยตรง……
สองบุปผาเบ่งบาน ต้องพรรณนาทีละดอก
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ฉีเทียนเห้าจากไปแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็พาเด็กๆออกจากตรอก บอกกับจางเอ้อหลางที่จอดรถม้าไว้บนถนนคำหนึ่ง ไม่ได้ขึ้นไปบนรถม้า แต่ว่าเดินเท้าไป
ข้อแรก นางอยากเดินเล่นผ่อนคลายสมอง
ข้อสองคือ ไปหาจิ่นเหนียง
เพียงแต่ว่าตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงเดินใจลอยอยู่นั้น จู่ๆกลับไปชนคนคนหนึ่งเข้า
“เจ้านี่เอง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง