แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 198

ลั่วเสี่ยวปิงกลับยังห้องโถง ดื่มชาไปสองถ้วยแล้วถึงจะระงับความรู้สึกที่น่าขยะแขยงนั้นเอาไว้ได้

พึ่งวางถ้วยชาลง ก็สบกับดวงตาคู่ของอานอานและเล่อเล่อที่เต็มไปด้วยความกังวล

"แม่ไม่ได้เป็นไร เพียงแค่……" รู้สึกน่าขยะแขยง

คําพูดด้านหลังนั้น ลั่วเสี่ยวปิงคิดไปคิดมาก็ไม่ได้พูดออกมา เพียงเน้นว่า "แม่ไม่เป็นไรจริงๆ"

แต่คําพูดของลั่วเสี่ยวปิงกลับไม่ได้มีผลอะไรต่อเด็กสองคนนี้เลย สายตาที่ทั้งสองมองดูลั่วเสี่ยวปิงนั้นยังคงแปลกประหลาดยิ่งนัก

สายตาของอานอานมีความซับซ้อนมาก เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา

เล่อเล่อก็ทำท่าทาเหมือนอยากจะ……ร้องไห้?

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ตกใจกับการลงมือของหนานซิง?

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ลั่วเสี่ยวปิงก็ตัดสินใจที่จะลองพูดคุยกับหนานซิงในภายหลัง ครั้งต่อไปทําอะไรต่อหน้าเด็กๆก็เบาๆหน่อย จะได้ไม่ทำให้เด็กสองคนกลัว

แน่นอน ก็แอบลงมมือภายหลังก็ได้

กำลังแค่คิดแบบนี้ อานอานก็เอ่ยขึ้นว่า "ท่านแม่ ท่าน……ยังจะแต่งงานกับท่านพ่ออยู่หรือไม่? "

ลั่วเสี่ยวปิง:“?”

ทําไมนางถึงจะไม่แต่งงานกับฉีเทียนเห้า?

เมื่อเห็นว่าแม่ของตัวเองไม่ตอบ อานอานก็ขมวดคิ้ว ลังเลสักครู่และเอ่ยอีกครั้งว่า "ท่านแม่จะไม่แต่งงานกับท่านพ่อก็ได้ แต่ว่าอย่าแต่งงานกับลุงเหยียนเลยได้ไหม?"

น้ำเสียงดูมีความระมัดระวัง เล็กน้อย

แต่เพราะเหตุใด?

แน่นอนแล้วว่าก็เป็นเพราะกลัวแม่ตัวเองจะเสียใจ

ในใจของอานอาน ท่านแม่อยากทำอะไรก็ได้ เขาสนับสนุนหมด

แต่ลุงเหยียนนั้นไม่ใช่คนดีอะไร

หลังจากได้ยินเช่นนี้ ผ่านไปครู่หนึ่งลั่วเสี่ยวปิงก็เข้าใจแล้วความหมายของอานอานทันที เดิมทีอยากจะบอกว่าตัวเองจะแต่งงานกับคนอย่างเหยียนขวนได้อย่างไร แต่เมื่อนึกถึงความรักที่เจ้าของร่างเดิมมีให้กับเหยียนขวนนั้น และเห็นท่าทางที่กังวลใจของอานอานอีก ก็พูดอ้อมๆว่า

"ทําไมอานอานถึงไม่อยากให้แม่แต่งงานกับลุงเหยียนล่ะ"

เมื่ออานอานได้ยินเช่นนี้ ก็มีความลังเลและดิ้นรน ราวกับกำลังคิดอยู่ว่าตกลงจะพูดความคิดที่แท้จริงออกมาหรือไม่

เมื่อลั่วเสี่ยวปิงเห็นเช่นนี้ ก็กําลังใจว่า "อานอานเป็นลูกรักของแม่ ดังนั้นมีอะไรก็พูดออกมาโดยตรงเลย ไม่จำเป็นต้องปิดบังแม่"

เล่อเล่อได้ยิยเช่นนี้ ก็หันมองลั่วเสี่ยวปิงด้วยความปรารถนา

ลั่วเสี่ยวปิงลูปหัวของเล่อเล่อ “เล่อเล่อก็เป็นลูกรักของแม่เช่นกัน”

เล่อเล่อพยักหน้าอย่างเต็มใจ แต่กลับพูดว่า "ท่านแม่ ข้าชอบท่านพ่อมากกว่า"

ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า หันมองอานอาน

ภายใต้สายตาที่ให้กําลังใจของแม่ตัวเองนั้น ในที่สุดอานอานก็เอ่ยปาก "ลุงเหยียนไม่ใช่คนดี แอบด่าว่าท่านแม่ลับหลัง แถมยังด่าข้ากับเล่อเล่อด้วย ข้าไม่ชอบเขา"

เขาไม่ชอบลุงเหยียนคนนั้นมาโดยตลอด

สายตาที่เขามองดูท่านแม่นั้นมักจะมีความรังเกียจด้วย และยังบอกว่าเขากับน้องสาวเป็นเด็กไม่มีพ่อ

แต่ท่านแม่ก็ชอบเขามาโดยตลอด เขายังจำได้ว่าก่อนหน้านี้ท่านแม่เคยร้องไห้ให้ลุงเหยียนนั้น

แต่……หากท่านแม่อยากจะแต่งงานกับลุงเหยียนจริง……

ขณะที่อานอานกำลังคิดเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าหัวหนัก มีมือข้างหนึ่งกำลังลูปหัวของเขา

เงยหน้าขึ้น ก็เห็นแม่ของตัวเองกำลังมองดูตัวเองอย่างอ่อนโยน "อานอาน แม่จะแต่งงานกับพ่อพวกเจ้าเท่านั้น"

แม้จะบอกกับฉีเทียนเห้าไว้ก่อนแล้วว่าไม่ได้แต่งงานกันจริงๆ

แต่เมื่อนางพูดต่อหน้าลูกว่าตัวเองจะแต่งงานกับเขาเพียงผู้เดียวนั้น ใบหน้าของนางก็ร้อนอย่างอธิบายไม่ได้ไม่ถูก

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อานอานและเล่อเล่อก็มองหน้ากัน และในสายตาของทั้งสองนั้นก็มีความโล่งใจ

เมื่อเห็นเด็กสองคนเป็นเช่นนนี้ ลั่วเสี่ยวปิงก็ยิ้ม

และในขณะนี้ หนานซิงก็กลับมา

สามแม่ลูกหันมองไปทางหนานซิงพร้อมกัน

หนานซิงถูกทั้งสามคนจ้องมอง ก็รู้สึกมีความตื่นเต้นเล็กน้อยที่อธิบายไม่ถูก ไม่รอลั่วเสี่ยวปิงถาม หนานซิงก็พูดเองว่า "ข้าน้อยได้โยนคนลงไปในคูน้ำเหม็นๆข้างทุ่งนาแล้ว"

จากนั้น ทั้งสามก็ถอนสายตาพร้อมกัน

เห็นได้ชัดว่าพอใจกับการจัดการของหนานซิงยิ่งนัก

“นายหญิง……”ไม่เห็นหนานซิงมีท่าทีที่จะจากไป บนใบหน้าของเขานั้นมีความลังเล

ลั่วเสี่ยวปิงเงยหน้า “มีเรื่องเหรอ?”

หนานซิงส่ายหัว "ก็ไม่มีเรื่องอะไร เพียงแต่ว่าเมื่อกี้เห็นคนตระกูลจางขับเกวียนเข้าไปในเข้าเมืองอย่างเร่งรีบ"

เพราะปกติความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลจางและนายหญิงนั้นค่อนข้างดี ดังนั้นเขาเห็นแล้วจึงได้พูดออกมาโดยไม่รู้ตัว

เมื่อฟังแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ จากนั้นจึงค่อยนึกออกว่า ปกติเวลานี้จางเอ้อหลางก็ควรจะกลับมาแล้ว แต่วันนี้ถึงเวลานี้ก็ยังไม่เห็นร่องรอยเลย

หรือว่า จางเอ้อหลางเกิดเรื่องแล้ว?

ลั่วเสี่ยวปิงคิดแล้ว ก็หันมองหนานซิง "เจ้าไปยืมเกวียนบ้านผู้ใหญ่บ้านมาหน่อย"

รถม้าอยู่ที่จางเอ้อหลาง เกวียนของจางเอ้อหลางก็ถูกตระกูลจางเอาไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องไปยืมเกวียนบ้านผู้ใหญ่บ้าน

หนานซิงรีบออกไปยืมเกวียนโดยไม่พูดมาก ลั่วเสี่ยวปิงและลูกสองคนรออยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน สีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีนัก

ไม่รู้ว่าทําไม มักจะมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอยู่เสมอ

โชคดีที่ไม่นาน หนานซิงก็ขับเกวียนมาอย่างเงอะงะ

เมื่อลั่วเสี่ยวปิงและเด็กสองคนขึ้นเกวียนกันหมด เกวียนก็รีบวิ่งไปที่เมืองโดยความเร็วที่เร็วที่สุด

ลั่วเสี่ยวปิงให้หนานซิงขับเกวียนไปที่หอฝูหม่านโดยตรง

เดิมทีหลังจากที่เห็ดของนางมียอดเยอะมากแล้ว ก็ให้หอฝูหม่านไปเอาสินค้าที่หมู่บ้านเอง แต่เนื่องจากเหตุผลบางอย่างในหลายวันนี้ เลยให้จางเอ้อหลางไปส่งสินค้าแทนสักสองสามวัน

โดยทั่วไปแล้ว หลังจากที่จางเอ้อหลางออกมาจากหอฝูหม่านก็จะกลับหมู่บ้านโดยตรงเลย วันนี้ไม่ได้กลับมา สถานที่แรกที่นางต้องหาก็คือหอฝูหม่าน

แต่เมื่อได้ยินลั่วเสี่ยวปิงมาเพราะอะไร เถ้าแก่ฉินก็พูดทันทีว่า"พี่จางเอ้อได้ออกไปนานแล้ว"

ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินเช่นนี้ ลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีก็มากขึ้น และไม่ได้ไถ่ถามทุกข์สุขกับเถ้าแก่ฉินอีกต่อไป หันหลังก็จะจากไป

เมื่อเถ้าแก่ฉินเห็นเช่นนี้ ก็รีบพูดว่า "ฉีฮูหยินต้องการหาคน สามารถไปหาดูได้ที่ร้านขายเสื้อผ้า พี่จางเอ้ออาจอยู่ที่นั่นก็ได้"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติทันที "เถ้าแก่ฉินรู้อะไรบ้างใช่หรือไม่?"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เถ้าแก่ฉินก็ถอนหายใจ "แม่นางของตระกูลจางนั้นเกิดเรื่องแล้ว ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ตั้งแต่เมื่อวันตอนบ่าย ข่าวลือก็ถูกแพร่กระจายออกไปทั่วแล้ว"

ข่าวลือแพร่ได้ไม่น่าฟังยิ่งนัก

จากเถ้าแก่ฉิน ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้เรื่องเล็กน้อย

ไม่รู้ว่าเป็นใคร นำข่าวที่จางซิ่งฮวาถูกเจ้าหน้าที่จับตัวไปเผยแพร่ออกมา

เดิมแม้ว่าการที่ผู้หญิงถูกเจ้าหน้าที่นําตัวไปนั้นจะทำให้ชื่อเสียงเสื่อมเสีย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากนัก ผ่านไปช่วงหนึ่งก็ดีขึ้นแล้ว เพราะไม่ได้ทำเรื่องอะไรผิดไปจริง

ส่วนใหญ่ก็มีแต่เพียงคนที่ความคิดล้าหลังมากที่จะใส่ใจกับเรื่องเล็กๆเช่นนี้เท่านั้น

แต่ไม่รู้ว่าใครกันที่ขาดคุณธรรมเช่นนี้ นำเรื่องของจางซิ่งฮวากับเรื่องฆาตกรรมนั้นไปเกี่ยวพันกันและแพร่กระจายออกไป

เพราะเป้าหมายของฆาตกรสองคนนั้นเป็นผู้หญิงที่มีเงิน บางคนเลยบอกว่าที่จางซิ่งฮวาถูกเจ้าหน้าที่จับตัวไป ก็เป็นเพราะจางซิ่งฮวาเป็นเป้าหมายต่อไปของฆาตกรสองคนนั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนบอกว่าจางซิ่งฮวาไม่ใช่ร่างบริสุทธิ์แล้ว นางโดนฆาตกรสองคนนั้นข่มขนไปแล้ว

เถ้าแก่ฉินพูดโดยปริยายยิ่งนัก แต่ทุกสิ่งที่ลั่วเสี่ยวปิงควรรู้ก็รู้หมดแล้ว

ไม่ทันได้กล่าวขอบคุณเถ้าแก่ฉิน ลั่วเสี่ยวปิงก็รีบออกจากหอฝูหม่าน โดยไม่คำนึงถึงสายตาของหนานซิงและลูกทั้งสองที่อยู่บนเกวียน สั่งโดยตรงว่า: "เร็วเข้า ไปที่ร้านเสื้อผ้าอู๋กี้!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง