“ใช่น่ะสิ!” ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า เดินหน้าต่อไป
เงินหนึ่งร้อยตำลึงเหมาผักทั้งสวนของนางเดิมทีก็น้อย นางพูดความจริงเท่านั้น
ยังไม่พูดถึงกำไร แค่คำนวณต้นทุน แรงงานคนรวมกับทรัพยากร ผักเหล่านั้นก็ไม่ใช่แค่เงินร้อยตำลึงแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นผักของนางเป็นผักสดนอกฤดู ในยุคนี้เวลานี้ ขายแพงกว่าเนื้อหมูเท่าหนึ่งก็นับว่าขาดทุนแล้ว
และราคาแพงกว่าหมูเท่าหนึ่งก็คือห้าสิบเหวินต่อครึ่งกิโลกรัม ร้อยตำลึงเพิ่งจะซื้อผักได้เพียงสองพันห้าร้อยกิโลกรัมเท่านั้น เช่นนี้ผักทุกชนิดยังต้องเป็นราคาเดียวกันอีก
แน่นอน ผักของนางไม่ได้มีปริมาณการผลิตของเท่านี้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะตั้งราคาเดียวเช่นนี้แน่
แต่สิ่งเหล่านี้ นางก็ไม่มีความจำเป็นมากมายที่จะต้องชี้แจงกับคนของตระกูลฮัวนี่
เดิมทียังคิดว่าไม่ว่าจะเป็นเห็ดหรือผักสด ก็ไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับหอฝูหม่านเท่านั้น หากว่าทั้งสามฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
แต่ว่าดูเช่นนี้แล้ว นางคงคิดง่ายดายเกินไป
และตระกูลฮัวก็ไม่ได้เป็นฝ่ายที่จะให้ความร่วมมือที่ดีเด็ดขาด ดูคนตรงหน้านี้ก็รู้
บางครั้งก็ไม่ใช่ว่าขี้หนูเม็ดเดียวทำข้าวต้มเสียทั้งหม้อ แต่จำเป็นต้องดูจากภายนอกไปด้านใน หากว่านางเดาไม่ผิด ในตระกูลฮัวจะต้องเน่าเฟะแล้วเป็นแน่ ถึงได้มีคนประเภทนี้ปรากฏตัวออกมาได้
ฮัวเว่ยถูกความซื่อตรงของลั่วเสี่ยวปิงทำให้โมโหจนใบหน้าเปลี่ยนสี “เจ้ากล้าไม่ไว้หน้าตระกูลฮัวของข้า?”
เดินมาถึงวันนี้ ยังไม่เคยพบคนที่กล้าล่วงเกินตระกูลฮัวมาก่อน
“ลั่วเสี่ยวปิง เจ้าอย่าไว้หน้าแล้วไม่เอา ต้องรู้ว่าเมื่อข้าสามารถพอที่จะทำให้คนตระกูลจางที่เจ้าห่วงใยเปลี่ยนเป็นเช่นวันนี้ได้ ก็สามารถทำให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างน่าเวทนายิ่งขึ้นได้เช่นกัน เจ้าเชื่อหรือไม่?” เสียงของฮัวเว่ยดุดัน เปี่ยมล้นไปด้วยการข่มขู่
ได้ยินดังนั้น ลั่วเสี่ยวปิงชะงักฝีเท้าไร้หนทางที่จะรักษาความนิ่งสงบที่คุ้นชินได้ในพริบตา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น มือทั้งคู่ก็กำเป็นหมัดแน่น แต่ยังคงบังคับให้ตัวเองใจเย็น
สูดหายใจลึกๆเฮือกหนึ่ง แล้วลั่วเสี่ยวปิงก็หมุนตัวไปทางฮัวเว่ย บนใบหน้าไม่ได้มีความเพิกเฉย ในตาแฝงด้วยความแค้นเคืองรางๆ “เจ้าทำอะไรกับตระกูลจาง?”
ลั่วเสี่ยวปิงถามออกไปประโยคหนึ่งโดยพยายามรักษาความใจเย็นไว้ที่สุด แม้ว่าโอหยางฉี่หยู่จะเตือนตัวเองแล้วว่าเรื่องของจางซิ่งฮวามีส่วนพัวพันกับตระกูลฮัว แต่จากวาจาของฮัวเว่ย นางรู้สึกว่าฮัวเว่ยได้ทำมากกว่านั้นเยอะ
“ข้าไม่ต้องทำอะไรแล้ว ก็มีคนช่วยข้าทำเป็นอยู่แล้ว” ฮัวเว่ยยกริมฝีปากขึ้น “มีข้าอยู่ เจ้าจางต้าฉวนนั้นก็ไม่ผู้ใดกล้าใช้ และทั้งชีวิตนี้จางซิ่งฮวาก็ไม่สามารถจะแต่งงานออกไปได้.......”
พูดพลาง นัยน์ตาของฮัวเว่ยก็ฉายแววความสุขที่ได้ล้างแค้นขึ้น “นี่คือค่าชดใช้ที่เจ้าช่วยเหลือไอ้เด็กชั่วนั่น”
ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินเช่นนี้ ขมวดคิ้ว
ไอ้เด็กชั่ว?
ที่พูดก็คือโอหยางฉี่หยู่?
“ลั่วเสี่ยวปิง ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด หากว่าเจ้าไม่เชื่อฟังดีๆ ลูกสองคนนั่นของเจ้าข้าก็ไม่รับประกัน......”
“ท่านก็ลองดูได้เลย!”
แล้วในตอนที่ฮัวเว่ยคิดว่าตัวเองสามารถพอที่จะข่มขู่ลั่วเสี่ยวปิงได้แล้ว และลั่วเสี่ยวปิงก็จะยอมจำนน ทันใดนั้นลั่วเสี่ยวปิงก็ปล่อยพลังออกมาทุกด้าน ใช้น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกหนักแน่นประเภทหนึ่งพูดประโยคนี้
ตอนนี้ลั่วเสี่ยวปิงมองดูฮัวเว่ย สายตาเย็นชา มีพลังแข็งแกร่ง มีแนวโน้มที่จะกดเขาฮัวเว่ยลงไปได้มาก ท่าทางการแสดงออกไม่เหมือนหญิงสาวบ้านนอกโดยสิ้นเชิง
มังกรมีเกล็ดที่ห้ามผู้ใดสัมผัส และเกล็ดอันใหญ่ที่สุดของลั่วเสี่ยวปิงก็คือลูกทั้งสองคน
ดังนั้นเมื่อฮัวเว่ยบอกว่าจะลงมือกับเด็กสองคน ลั่วเสี่ยวปิงจึงได้เปิดการทำงานของพลังทั้งหมดที่ได้ฝึกฝนในชาติที่แล้วออกมา นัยน์ตาไม่มีความประหวั่นพรั่นพรึงหรือหวาดกลัวอีกแม้แต่น้อย คำที่พูดออกมา กลับทำให้ฮัวเว่ยมีความรู้สึกว่าโดนข่มขู่ชนิดหนึ่งอย่างประหลาด
เขา นายท่านสามฮัวของตระกูลฮัว คิดไม่ถึงว่าจะถูกผู้หญิงคนหนึ่งข่มขู่?
“เจ้าทำเหมือนว่าข้าไม่กล้า?” หลังจากความตกตะลึง ทั้งใบหน้าของฮัวเว่ยเต็มไปด้วยความโกรธเคือง
หญิงบ้านนอกแค่คนหนึ่งก็กล้าข่มขู่เขา? นี่ไม่ต่างอะไรไปจากเอาหน้าของเขาไปวางไว้บนพื้นแล้วเหยียบโดยแท้จริง
“เหอะ ก็ไม่ใช่เพราะนางท่านฮัวคิดว่าตัวเองเป็นของพ่อค้าราชวงศ์ และคิดว่าตัวเองเก่งกาจคนอื่นก็เลยล้วนกลัวท่านหรอกหรือ?” ลั่วเสี่ยวปิงเก็บความรู้สึกที่บีบบังคับผู้คนนั้นไว้ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย แฝงไปด้วยการเยาะเย้ย
แต่ก็เป็นเช่นนี้ ฮัวเว่ยกลับอดไม่ได้ขมวดคิ้วขึ้น
ผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้เป็นเพียงหญิงบ้านนอกเด็ดขาด
“นางท่านฮัวคิดว่าข้าเป็นหญิงบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถปลูกผักออกมาอย่างราบรื่นในฤดูหนาวนี่ได้อย่างไรกัน คิดว่านายท่านฮัวก็คงตรวจสอบข้ามาก่อนแล้ว ท่านคิดว่าหากเบื้องหลังของข้าไม่มีผู้อื่น จะสำเร็จได้จนถึงวันนี้หรือ?” สีหน้าแววตาที่ลั่วเสี่ยวปิงมองดูฮัวเว่ยเปลี่ยนไป ความชัดเจนวาดผ่านในดวงตา จากนั้นก็เปิดปากขึ้นอย่างสบายๆ
ฮัวเว่ยทำให้ลุงต้าฉวนถูกไล่ออก ทั้งยังทำให้ซิ่งฮวาเสียชื่อเสียง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อแสดงอำนาจต่อนาง
ลุงต้าฉวน นางมีการเตรียมการอื่นชดเชยให้เป็นธรรมดา ส่วนซิ่งฮวา นางก็จะดูแลให้มากขึ้นหน่อย แต่คนตระกูลฮัวตรงหน้าคนนี้ นางจำเป็นต้องคิดวิธีการทำให้กลัวไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นหากปกป้องข้างกายตัวเองไม่รอบคอบก็ยังต้องมีคนได้รับผลกระทบไปด้วยอีก
และวิธีที่ดีที่สุดก็คือจิ้งจอกอ้างบารมีเสือ
เบื้องหลังของนางมีเสือ ก็คือฉีเทียนเห้า
แม้จะไม่รู้ว่าฉีเทียนเห้าและพ่อค้าราชวงศ์ใครจะเก่งกาจกว่าใคร แต่อย่างน้อยนางก็สามารถเอาออกมากั้นหายนะไว้ก่อนได้
สำหรับการรอจังหวะคิดบัญชีแค้นของตระกูลฮัว?
ตอนนี้นางก็จัดการอะไรมากมายขนาดนั้นไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงสนใจปัจจุบันก่อน
ส่วนหลังจากนี้ นางจะเปลี่ยนตัวเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น แข็งแกร่งจนถึงขั้นทำให้ตระกูลฮัวต้องหวาดกลัว
และเป้าหมายในอนาคตของนาง อาจจะตั้งไว้เพื่อแทนที่ตระกูลฮัว
สาเหตุที่ตระกูลฮัวกำเริบเสิบสานเช่นนี้ สาเหตุที่นายท่านฮัวที่ไม่รู้ว่าครอบครองความสำคัญมากน้อยเพียงไรในตระกูลฮัวกำเริบเสิบสานได้เพียงนี้ ยังไม่ใช่เพราะว่าตระกูลฮัวเป็นพ่อค้าราชวงศ์หรือไง?
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้น นางก็จะช่วยสนับสนุนพ่อค้าราชวงศ์ออกมาผู้หนึ่ง
สำหรับตัวนางเอง......อื้ม นางเพียงแค่อยากหาเงินเงียบๆ ไม่อยากเป็นพ่อค้าราชวงศ์ ดังนั้นตัวเลือกที่ดีที่สุดของนางก็คือโอหยางฉี่หยู่แล้ว
นางไม่เชื่อว่า นางที่เป็นอัจฉริยะด้านการค้ายังจะชนะพวกคนโบราณไม่ได้
และในเวลาเดียวกัน โอหยางฉี่หยู่ที่เพิ่งได้รับข่าวจากหอฝูหม่านก็จามอย่างรุนแรง แต่ไม่ช้าโอหยางฉี่หยู่ก็ถูกเล่อเล่อลากออกไปแล้ว และไม่ได้มีเวลาคิดถึงสาเหตุของการจามนี้
และลั่วเสี่ยวปิงทางนั้น หลังจากที่ฮัวเว่ยได้ยินคำพูดของลั่วเสี่ยวปิงแล้ว ในที่สุดนัยน์ตาก็ปรากฏความกลัวขึ้นเล็กน้อย “คนเบื้องหลังของเจ้าคือใคร?”
ในเมืองหลวง แม้ว่าจะเป็นหัวหน้าตระกูลฮัวก็มีคนที่หวาดกลัวอยู่บ้าง
หากคนที่อยู่เบื้องหลังลั่วเสี่ยวปิงที่อยู่เบื้องหน้านี้เป็นหนึ่งในพวกเขา เช่นนั้นการกระทำเรื่องอย่างวันนี้ของตัวเองนั้นก็ต้องเป็นการรนหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวแล้ว
“ท่านคิดว่าข้าจะบอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังข้าเป็นใครงั้นหรือ?” ลั่วเสี่ยวปิงมองฮัวเว่ยเหมือนมองคนโง่เช่นนั้น
“หากเดาไม่ผิด สาเหตุที่คนตระกูลเฉินซื้อเสี่ยวเหม่ยของตระกูลจาง ก็น่าจะเป็นเพราะคนของท่านจัดการสินะ และเมื่อข้าสามารถช่วยคนออกมาได้ในเวลาอันสั้น ทั้งยังเอาหลักฐานออกมาในเวลาอันรวดเร็วที่สุดทำให้ตระกูลเฉินซวยได้ถึงจุดนี้ ก็คงพอจะมองออกแล้วสินะว่าข้าไม่ใช่คนที่จะไม่มีไพ่ตาย”
ที่ลั่วเสี่ยวปิงคาดเดาเช่นนี้ เพราะอย่างไรเสียเด็กผู้หญิงที่ตระกูลเฉินเคยทำร้ายมาก่อนหน้านี้ก็ล้วนไม่มีภูมิหลังแม้แต่น้อย
ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น แต่เพราะเดิมทีตระกูลเฉินก็รู้สึกกินปูนร้อนท้อง
ไตร่ตรองตามสิ่งนี้ เป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิงที่จางเสี่ยวเหม่ยจะเป็นเป้าหมายของตระกูลเฉิน ไม่ว่าอย่างไรจางซิ่งฮวาของตระกูลจางก็เพิ่งจะกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ทั้งยังมีส่วนพัวพันกับภายในหยาเหมินอีก
แน่นอน เดิมทีนี่ก็เป็นการคาดเดาของลั่วเสี่ยวปิง แต่เห็นว่านัยน์ตาของฮัวเว่ยมีความกลัวขึ้นมาช้าๆ ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้ว่า ตัวเองเดาถูกแล้ว
“หากไม่เชื่อ นางท่านฮัว ท่านก็สามารถกักตัวข้าไว้ที่นี่ไม่ให้ข้ากลับไปได้ แล้วดูซิว่าพรุ่งนี้หอว่านเซียงจะยังจะอยู่ได้อีกหรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...