แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 215

มองดูสองคนนั้นที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน ลั่วเสี่ยวปิงหรี่ตาลงเล็กน้อย

หนึ่งในนั้นนางไม่รู้จัก แต่ว่าอั้นปาที่ยืนอยู่ข้างกายเขานางรู้จัก ก่อนหน้านี้เคยช่วยคนที่ชื่ออั้นหวู่มาขอยาจากนาง

แม่ค้าตัวอ้วนเห็นว่าลั่วเสี่ยวปิงจ้องมองสองคนนั้น ก็ตื่นเต้นจนเหงื่อเย็นผุดออกมาจากแผ่นหลัง

ตอนที่นางเข้าไปเรียกคน ทันใดนั้นเจ้าสองคนนั้นก็โผล่มาตรงหน้านาง ทั้งบีบบังคับทั้งหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ต่อนาง นางจึงได้จัดการเอาสองคนนี้ที่ดูจะไม่ธรรมดาขึ้นมากับกลุ่มคนพวกนี้ด้วย

แต่ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจะทำอย่างไร

ไม่ไม่ไม่ นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าจะเกิดเรื่องขึ้นหรือไม่ เจ้าสองคนนั้นได้พูดไว้แล้ว จำเป็นต้องให้ฮูหยินน้อยคนนี้ซื้อตัวพวกเขาไปให้ได้

แต่ นางก็แค่แม่ค้าทาสคนหนึ่ง หากลูกค้าไม่ซื้อจะให้ทำอย่างไร

เมื่อคิดเช่นนี้ จิตใจของแม่ค้าตัวอ้วนจากที่ตื่นเต้นก็เปลี่ยนเป็นกังวล

และในเวลานี้เองหนานซิงได้พาเด็กสองคนเดินเข้ามาพอดี เห็นสีหน้าที่ลั่วเสี่ยวปิงมองไปยังอั้นหวู่กับอั้นปา หนานซิงก็ลูบจมูกตัวเองอย่างรู้สึกผิด

เดิมทียังอยากจะเอ่ยอะไรบ้าง แต่ทันใดนั้นก็ได้รับสายตาที่มองมาจากลั่วเสี่ยวปิง ทำให้สิ่งที่หนานซิงต้องการพูดถูกกลืนลงไป

หนานซิงมองไปทางอั้นหวู่กับอั้นปา ส่งสายตาที่ตั้งใจดีแต่ช่วยอะไรไม่ได้ไปให้พวกเขา

ลั่วเสี่ยวปิงเลื่อนสายตาผ่านไป ไม่มองอั้นหวู่กับอั้นปาอีก เริ่มหาตัวเลือกจากกลุ่มคนเหล่านั้น

ในบรรดาคนที่ถูกเลือกเหล่านั้น บ้างก็แววตาทึ่มทื่อ บ้างก็แววตาเต็มไปด้วยความหวัง บางก็ดูแล้วมีแววตื่นเต้นอยู่บ้าง

ลั่วเสี่ยวปิงกวาดตามองทีละคน และทันใดนั้นก็มองเห็นสองคนที่ดูไม่โดดเด่นอยู่ตรงมุมห้อง

ปฏิกิริยาแรกคือรู้สึกคุ้นหน้าอยู่บ้าง พอมองอีกครั้ง ลั่วเสี่ยวปิงก็นึกขึ้นได้ถึงฐานะของทั้งสองคนนั้น ย่าเจียงกับหลานของนางสี่เป่า

สองย่าหลานคู่นี้ตอนที่พบกันก่อนหน้านี้ก็มีชีวิตที่ไม่เลว ว่ากันว่ามีบ้านอยู่ในเมืองด้วย ทำไมจึงได้ตกต่ำจนมาอยู่ที่นี่

ในขณะที่ลั่วเสี่ยวปิงกำลังสงสัย เหมือนย่าเจียงจะรับรู้ว่ามีสายตาของคนอื่นกำลังมองมา แววตาที่หม่นหมองเหลือบมองขึ้นมา มองไปทางลั่วเสี่ยวปิง

เพียงแต่หลังจากที่เห็นลั่วเสี่ยวปิง สีหน้าท่าทีของย่าเจียงก็ไม่ได้เปลี่ยนไป แล้วก็ก้มหน้าลงไปด้วยสีหน้าทึ่มทื่อเช่นเดิม

แม้จะเป็นเช่นนี้ มือของย่าเจียงก็ยังคงจูงมือของสี่เป่าไว้แน่น ไม่มีทีท่าจะคลายเลยแม้แต่น้อย

ลั่วเสี่ยวปิงรู้ว่าย่าเจียงจำตนเองไม่ได้ และไม่รู้สึกว่ามีอะไร

แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ย่าเจียงเคยบอกว่าจะไปหาตนที่หมู่บ้านต้าซิงในต้นฤดูใบไม้ผลิ ลั่วเสี่ยวปิงก็ยิ่งรู้สึกว่าการที่ย่าเจียงกับสี่เป่ามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ไม่ค่อยจะถูกต้องสักเท่าไหร่

อย่าว่าแต่ย่าเจียงจะมีบ้านอยู่ในเมืองเลย แม้จะยากจนไม่มีอะไรเลย ด้วยความสำคัญของสี่เป่าที่มีต่อย่าเจียง คงไม่มีวันที่จะขายตัวเป็นทาสอย่างแน่นอน

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลั่วเสี่ยวปิงก็มองไปที่แม่ค้าตัวอ้วนที่อยู่ข้างๆ “เกิดอะไรขึ้นกับสองย่าหลานคู่นี้”

ตอนที่ได้ยินเสียงของลั่วเสี่ยวปิง เห็นได้ชัดว่าร่างกายของย่าเจียงชะงักไปเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองไปทางลั่วเสี่ยวปิงอีกครั้งดวงตานั้นแฝงไปด้วยแววแห่งความสงสัยผสมปนเปกับความสับสนและความหวังอีกหลายส่วน

แม่ค้าตัวอ้วนมองไปวทางสองย่าหลานย่าเจียง ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “พวกเขามีชีวิตที่ลำบากมาก……”

เดิมที ในบ้านของย่าเจียงมีเพียงตนเองกับหลานเท่านั้นที่พึ่งพาอาศัยกัน แต่ย่าเจียงมีน้องชายที่แยกครอบครัวออกไปแล้วคนหนึ่ง น้องชายคนนั้นมีลูกชายสารเลวที่ไม่สนใจอะไรเลย ชื่นชอบแต่การพนันขันต่อและเที่ยวหอนางโลม เป็นคนเลวที่ขึ้นชื่อในเมือง

ช่วงก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูหนาว หลานชายของยายเจียงคนนั้นได้แย่งเอาบ้านของย่าเจียงไป ยังขายสองย่าหลานย่าเจียงมาที่นี่

เพียงแต่คนที่เด็กก็เด็กมาก คนที่แก่ก็แก่มาก แทบจะไม่มีใครยินดีซื้อตัวสองย่าหลานเลย ทำให้แม่ค้าตัวอ้วนรู้สึกลำบากใจมาก

“เฮ้อ เดิมทีข้านั้นไม่อยากจะรับสองคนนี้เอาไว้ แต่อีกฝ่ายต้องการแค่หนึ่งตำลึง ข้าจึงซื้อเพราะเห็นว่าถูกดี แต่ผ่านมานานมากแล้ว ทั้งสองคนนี้กินอยู่กับข้าจนไม่ใช่แค่เงินหนึ่งตำลึงแล้ว ขาดทุนครั้งใหญ่จริงๆ ได้แต่คิดเสียว่าเป็นการทำบุญ”หลังจากที่แม่ค้าตัวอ้วนพูดเรื่องที่สองย่าหลานย่าเจียงประสบพบเจอแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

จากนั้นสมองของแม่ค้าตัวอ้วนก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา ชี้ไปทางอั้นหวู่กับอั้นปา“ฮูหยินน้อยท่านนี้ สองคนนี้เป็นคนที่แข็งแรงที่สุดของเรา ฮูหยินต้องการคนไปดูแลเฝ้าบ้านหรือไม่ ข้าสามารถขายให้ในราคาที่ถูกลงได้ ท่าน……”

“สองย่าหลานย่าเจียงขายในราคาเท่าไหร่”ลั่วเสี่ยวปิงตัดบทการขายของแม่ค้าตัวอ้วน

หัวในของอั้นหวู่กับอั้นปาและหนานซิงที่คอยสังเกตดูอยู่รู้สึกผิดหวังขึ้นมา แต่เหมือนลั่วเสี่ยวปิงจะไม่รับรู้เลยสักนิด

แม่ค้าตัวอ้วนมองไปที่อั้นหวู่กับอั้นปาแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างละอายใจและพูดว่า “ข้าซื้อมาในราคาหนึ่งตำลึง ถ้าหากฮูหยินน้อยยินดี ให้ข้าหนึ่งตำลึงก็เปลี่ยนมือให้ท่านได้เลย”

ล้อเล่นกันหรือไร ไม่ต้องสนใจว่าเจ้าสองคนนั้นจะถูกซื้อออกไปหรือไม่ อย่างไรเสียสองคนนี้ที่ทำให้ขาดทุนก็ต้องขายออกไปให้ได้

แม้จะไม่ได้กำไรก็ไม่เป็นไร ถ้าหากยังคงเก็บเอาไว้ คงต้องขาดทุนย่อยยับแน่ เพราะสองย่าหลานคู่นี้ไม่มีใครสนใจเลยแม้แต่น้อยทำเอานางปวดหัวไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแล้ว

ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า จากนั้นก็กวาดตามองไปทางคนอื่นๆ “มีคนที่เป็นครอบครัวเดียวกันหรือไม่”

ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้ถามแม่ค้าตัวอ้วน แต่มองไปทางกลุ่มคนที่รอให้ซื้อตัวอยู่

เมื่อพูดจบ ก็มีคนสองครอบครัวเดินออกมา

หนึ่งในนั้นเป็นสองสามีภรรยาที่ซูบผอมผิวซีดคู่หนึ่ง พาเด็กชายอายุราวสิบขวบคนหนึ่งที่มีรูปร่างผอมแห้งและผู้หญิงที่โตกว่าเล็กน้อยอีกหนึ่งคนเดินออกมา

ได้ยินที่แม่ค้าทาสแนะนำ นี่เป็นครอบครัวที่ขายตัวเอง พวกเขามาจากที่อื่น บอกว่าคนแก่ในบ้านลำเอียง เพราะบ้านใหญ่นั้นมีลูกที่เรียนเก่ง ส่วนบ้านรองนั้นหาเงินเป็น จึงไล่พวกเขาทั้งครอบครัวออกมาจากบ้านโดยที่ไม่ให้อะไรเลย

ด้วยเหตุนี้คนทั้งบ้านจึงได้แต่เก็บเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชิ้นระเห็จออกจากสถานที่ที่ทำให้ช้ำใจ คิดอยากจะเริ่มต้นใหม่ แต่ระหว่างทางตัวภรรยาได้ล้มป่วยลง และใช้เงินเก็บที่มีอยู่ทั้งหมดในการรักษา จนปัญญา จึงได้แต่ขายตัวเองกันทั้งครอบครัว

แต่อีกครอบครัวหนึ่งดูจะกระตือรือร้นกว่ามาก เป็นหญิงวัยกลางคนที่มีลูกชายลูกสะใภ้และหลานชายหลานสาว

“เรียนฮูหยิน พวกเราเป็นบ่าวที่เกิดในตระกูลพ่อค้า เพราะกระทำผิดกฎจึงถูกขายเป็นทาสทั้งบ้าน ตอนนี้สามีข้าป่วยหนักจนไม่มีทางรักษาแล้ว ขอฮูหยินน้อยช่วยพวกเราด้วย พวกเรายินดีจะรับใช้ฮูหยินน้อยอย่างสุดความสามารถ”

หญิงวัยกลางคนคนนั้นคุกเข่าให้กับลั่วเสี่ยวปิง ใบหน้าอ้อนวอน สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจ

ลั่วเสี่ยวปิงมองไปทางแม่ค้าตัวอ้วน แม่ค้าทาสพยักหน้า “ที่นางพูดเป็นความจริง เพียงแต่เกรงว่าสามีของนางจะมีเวลาไม่มากแล้ว”

ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้พูดอะไรในทันที เพียงแต่มองครอบครัวนี้อย่างวิเคราะห์

ลูกชายดูแล้วน่าจะอายุสามสิบกว่า ดูเป็นคนซื่อ ๆ ลูกสะใภ้เองก็ดูสำรวม หลานชายก็น่าจะอายุสิบกว่าขวบ ตอนนี้กำลังมองพี่สาวของตนเองอยู่

หลานสาวคนนั้น ลั่วเสี่ยวปิงสังเกตเห็นว่า นางเอาแต่ก้มหน้าตลอด ทำให้มองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน

นางสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ในขณะที่ตนมองไปทางผู้หญิงที่มีอายุราวๆสิบสามสิบสี่ปีนั้น เห็นได้ชัดว่าคนทั้งครอบครัวต่างก็ตื่นเต้นอยู่บ้าง

เลิกคิ้วเล็กน้อย ลั่วเสี่ยวปิงเลื่อนสายตาออกไป และไม่ได้เลือกคนในทันที แต่ยังคงดูต่อ

สุดท้าย ลั่วเสี่ยวปิงเลือกคนสามคนที่ดูค่อนข้างคล่องแคล่วหัวไว เป็นหญิงสาวอายุราวๆสิบสามสิบสี่ปี……ที่จริงนางอยากจะหาหญิงสาวที่มีอายุสิบเจ็ดสิบแปดปี แต่เมื่อคิดไว้ว่าหญิงสาวอายุสิบเจ็ดสิบแปดในยุคนี้เป็นสาวแก่แล้ว จึงทิ้งความตั้งใจไป

ลั่วเสี่ยวปิงถามทั้งสามคนว่าทำไมจึงถูกขายมาเป็นทาส หนึ่งในนั้นบอกว่าบ้านยากจน จนปัญญาจริงๆ อีกคนหนึ่งบอกว่าที่บ้านให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว เพื่อให้พี่ชายแต่งงานจึงได้ขายนางมาเป็นทาส ส่วนอีกหนึ่งคนเป็นเพราะพ่อแม่ตายแล้วทั้งคู่ ถูกอาสะใภ้ขายมาเป็นทาส

หลังจากลั่วเสี่ยวปิงถามแล้ว ก็ใช้ความคิด แล้วชี้ไปที่คนที่หนึ่งกับคนที่สาม “เอาพวกเจ้าสองคน”

แต่แล้ว เสียงของลั่วเสี่ยวปิงเพิ่งจะสิ้นสุดลง หญิงสาวคนที่สองที่ไม่ได้ถูกคัดเลือกก็ส่งเสียง พูดด้วยความไม่พอใจอยู่บ้าง “ทำไม ข้าไม่ดีตรงไหน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง