แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 216

ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินดังนั้น ก็ได้แต่เหลือบมองหญิงสาวคนนั้นอย่างเรียบเฉย พูดเสียงเรียบว่า “กลิ่นอายแห่งความแค้นมากเกินไป”

เห็นว่าหญิงสาวคนนั้นยังคงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ลั่วเสี่ยวปิงจึงถามขึ้นว่า “ถ้าหากข้าซื้อตัวเจ้า วันหน้าหากชีวิตเจ้าดีขึ้น เจ้าจะทำอย่างไรกับคนในครอบครัวของเจ้า”

หญิงสาวคนนั้นได้ยิน ดวงตาก็แฝงไปด้วยความเคียดแค้น “ข้าจะทำให้พวกเขาเสียใจที่ขายข้ามาเป็นทาส”

ลั่วเสี่ยวปิงถามต่อไปว่า “เจ้าจะทำให้พวกเขาเสียใจอย่างไร”

“ข้าจะจ่ายเงินเพื่อทำให้พวกเขาต้องบ้านแตกสาแหรกขาด คุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าข้า”ขณะที่พูดประโยคนี้ สายตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

หญิงสาวอีกสองคนที่ได้ยินนางพูดเช่นนี้ ก็เผลอเดินไปทางด้านข้างด้วยจิตใต้สำนึก แม้แต่แม่ค้าตัวอ้วนยังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

“แม้แต่คนในครอบครัวที่เลี้ยงดูเจ้า เจ้ายังมีใจคิดแก้แค้นถึงขนาดนี้ ถ้าเช่นนั้นหากข้าเป็นเจ้านายเจ้าตำหนิเจ้า ไม่ใช่ว่าเจ้าจะแค้นข้าคนนี้ที่เป็นเจ้านายเจ้าด้วยหรอกหรือ ”ลั่วเสี่ยวปิงเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา

ถูกคนในครอบครัวขายออกมาเป็นทาส หัวใจมีความเกลียดได้ และมีใจที่อยากจะแก้แค้นได้ แต่อย่าได้มีใจที่โหดเหี้ยมอย่างเด็ดขาด

นางสามารถเลือกวิธีการมากมายเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกเสียใจที่ขายนาง แต่ว่านางไม่ได้เลือกจะใช้วิธีอื่น แต่กลับเลือกทางแก้แค้นที่มีความรุนแรงมากที่สุด

คนเช่นนี้ในใจมีความคิดชั่วร้าย ถ้ามีตรงไหนไม่ถูกใจนางแล้วละก็ จะแค้นฝังใจ คนเช่นนี้นางจะเอาได้อย่างไร

หญิงสาวคนนั้นได้ยินคำพูดของลั่วเสี่ยวปิงก็คิดอยากจะตอบโต้ทันทีด้วยจิตใต้สำนึก แต่เมื่อสบเข้ากับสายตาเย็นชาคู่นั้นของลั่วเสี่ยวปิง ก็ไม่กล้าพูดอะไร เพียงแต่สายตาที่หลุบลงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

เพราะอะไร

พวกเขาทำกับนางเช่นนี้ ทำไม่นางจะเอาคืนไม่ได้

ลั่วเสี่ยวปิงไม่สนใจนางอีก แต่ถามแม่ค้าตัวอ้วนว่า สองครอบครัวนั้นราคาเท่าไหร่

เพราะทุกครั้งสองครอบครัวนี้ต่างก็ขอร้องให้ได้อยู่ด้วยกัน และทุกครั้งที่เสนอราคาไปก็ขายไม่ออก ฉะนั้นแม่ค้าทาสเสนอราคาพวกเขาออกมาทันทีว่า “ครอบครัวของพวกเขายี่สิบห้าตำลึง ส่วนพวกเขาสี่สิบตำลึง”

แม่ค้าตัวอ้วนชี้นิ้วไปยังครอบครัวที่ผอมโซและครอบครัวที่เคยเป็นคนรับใช้มาก่อน เฉลี่ยแล้วคนหนึ่งไม่ถึงสิบตำลึง

ลั่วเสี่ยวปิงใช้ความคิด กำลังจะพยักหน้า เวลานี้เองมีเด็กหญิงคนหนึ่งเดินออกมาอย่างกะทันหัน คุกเข่าลงตรงหน้าลั่วเสี่ยวปิง “ขอร้องฮูหยินช่วยซื้อตัวข้าน้อยไปด้วย”

ลั่วเสี่ยวปิงก้มหน้ามอง เห็นว่าเป็นเด็กหญิงหน้าตาหมดจด ดวงตาสดใส บนร่างแฝงกลิ่นอายของความฮึกเหิมอยู่

เด็กหญิงคนนี้ดูแล้วก็ไม่เหมือนกับคนอื่น แม้จะอยู่ในกลุ่มผู้คนก็ไม่อาจจะถูกละเลยได้

และคนเช่นนี้ เมื่อครู่นางกลับมองไม่เห็น เห็นได้ชัดว่านางจงใจจะปกปิดกลิ่นอายบนร่างของตนเอง

เพียงแต่……

ลั่วเสี่ยวปิงหรี่ตาลง เผลอมองไปทางหนานซิง

“เจ้าทำอะไรเป็นบ้าง”เลื่อนสายตากลับมา ลั่วเสี่ยวปิงถามเด็กหญิง

“เป็นวรยุทธ”เด็กหญิงตอบ

“เจ้าชื่ออะไร”ลั่วเสี่ยวปิงถามต่อ

“เดิมทีข้าน้อยชื่อเสี่ยวลิ่ว ตอนนี้รอแค่ฮูหยินซื้อตัวข้าน้อย และตั้งชื่อให้ข้าน้อย”เด็กหญิงกล่าว

ลั่วเสี่ยวปิงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แล้วจึงหันไปทางแม่ค้าตัวอ้วน “พวกนาง แล้วยังมีพวกเขาพวกเขาพวกเขา ข้าจะเอาทั้งหมด”

ลั่วเสี่ยวปิงชี้ไปยังหญิงสาวสองคนก่อนหน้านี้และเสี่ยวลิ่วที่คุกเข่าอยู่บนพื้น จากนั้นก็ชี้ไปยังสองครอบครัวก่อนหน้านี้กับสองย่าหลานย่าเจียง

แม่ค้าตัวอ้วนได้ยินก็นิ่งอึ้งไป คงจะเป็นเพราะคิดไม่ถึงว่าลั่วเสี่ยวปิงจะซื้อคนจำนวนมากในครั้งเดียวเช่นนี้ ทำให้ไร้ปฏิกิริยาตอบรับไปชั่วขณะ

“ทำไม”เห็นว่าแม่ค้าตัวอ้วนไม่ตอบสนองไปชั่วครู่ ลั่วเสี่ยวปิงก็อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้

“ไม่มีอะไร”แม่ค้าตัวอ้วนรีบส่ายหน้าทันที จากนั้นก็ยิ้มอย่างดีอกดีใจ “ค้าจะคำนวณให้ฮูหยินเดี๋ยวนี้เลยว่าราคาเท่าไหร่ ……ฮูหยินน้อย ทั้งหมดเก้าสิบตำ……”

ระหว่างที่พูด แม่ค้าตัวอ้วนก็มองไปทางอั้นหวู่กับอั้นปาทั้งสองคน จากนั้นก็พูดยิ้มๆว่า “ฮูหยินน้อยวันนี้ท่านซื้อเยอะมาก เช่นนั้นข้าจะขอมอบองครักษ์ให้ท่านสักสองคนดีกว่า”

ระหว่างที่พูด แม่ค้าตัวอ้วนก็ชี้ไปยังอั้นหวู่กับอั้นปา “พวกเจ้าสองคนออกมา ยังไม่รีบขอบคุณฮูหยินน้อย……”

“ไม่ต้องแล้ว……”ลั่วเสี่ยวปิงปฏิเสธอย่างเรียบเฉย

แม่ค้าตัวอ้วน “……”

อั้นหวู่กับอั้นปา“……”มอบให้เปล่าๆยังไม่เอา พวกเขาถูกนายหญิงรังเกียจแล้ว

“ของให้เปล่าไม่ใช่ของดี……เจ้าไปทำสัญญาขายของคนพวกนี้ให้เรียบร้อยก่อนเถอะ”ลั่วเสี่ยวปิงเอ่ยเสียงเรียบ

อั้นหวู่กับอั้นปา“……”พวกเขาเป็นของดี ของดีสุดๆเชียวล่ะ

ใช้เวลาครึ่งชั่วยาม แม่ค้าตัวอ้วนทำเรื่องสัญญาขายทาส ลั่วเสี่ยวปิงก็เดินไปทางด้านหลังเพื่อตรวจชีพจรให้กับสามีของซูซิ่วเหม่ย ก็คือครอบครัวครอบครัวของหญิงก่อนหน้านี้ที่ถูกเจ้านายขายเป็นมาเป็นทาส

นั่นเป็นชายอายุห้าสิบต้นๆ ชื่อชุยจิ้นฉาย ดูแล้วค่อนข้างแก่ ดูแล้วอาการหนักหายใจรวยรินมาก ลั่วเสี่ยวปิงจับชีพจรก็รู้ได้เลยว่า ร่างกายนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่ได้รับการรักษาเป็นเวลานาน และยังเป็นไข้เพิ่มขึ้นมา ฉะนั้นจึงทำให้มีอาการที่รุนแรงดังเช่นตอนนี้

แต่ก็ไม่ยากที่จะทำการรักษา

เพราะไม่เร่งรีบ ฉะนั้นลั่วเสี่ยวปิงจึงไม่คิดจะทำการรักษาที่นี่ หลังจากสั่งการให้ชุยฮุยลูกชายของชุยจิ้นฉายแบกเขาขึ้นหลังแล้ว ก็ออกไปจากห้องที่มีบรรยากาศมืดสลัว

เมื่อลั่วเสี่ยวปิงออกมา แม่ค้าตัวอ้วนก็ทำสัญญาขายทาสเสร็จแล้ว

แม้ว่าสัญญาค้าทาสจะไม่ได้ไปลงบันทึกกับหยาเหมิน แต่ก็มีผลบังคับใช้ แต่เพื่อความปลอดภัย ลั่วเสี่ยวปิงก็ยังต้องหาเวลาว่างไปที่หยาเหมินสักครั้ง

ได้สัญญาค้าทาสมาแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ถามเรื่องบ้าน ซื้อคนมากมายเช่นนี้ ย่อมต้องจัดการที่อยู่ให้พวกเขา จะให้ไปอยู่ในหมู่บ้านทั้งหมดคงไม่ได้

ร้านค้าคนกลางมีเพียงแห่งเดียวแต่ว่าคนที่เป็นนายหน้าให้เช่าบ้านนั้นแยกจากแม่ค้าทาส แต่ในมือของแม่ค้าทาสก็มีข้อมูลอยู่พอดี จึงหาบ้านที่เหมาะสมกับเงื่อนไขที่ลั่วเสี่ยวปิงเสนอได้ในเวลาไม่นาน

ลั่วเสี่ยวปิงให้ทุกคนเข้าไปอยู่ที่นั่น เห็นว่ายังพอมีเวลา จึงไม่ได้รีบร้อนไปยังร้านเมืองแห่งอาหารของนาง และได้ถามไถ่ชื่อแซ่ของคนเหล่านั้น

เด็กสาวอีกสองคนนอกจากเสี่ยวลิ่วแล้ว คนหนึ่งชื่อเสี่ยวฮัว คนหนึ่งชื่อต้านิว ลั่วเสี่ยวปิงจึงทำการเปลี่ยนชื่อให้พวกนาง เรียกว่าหยางชุนกับไป๋เสวีย

ส่วนเสี่ยวลิ่ว นางดึงดันจะให้ช่วยตั้งชื่อให้ ลั่วเสี่ยวปิงจึงตั้งชื่อให้นางว่าไป๋เสา

ย่าเจียงกับสี่เป่า ลั่วเสี่ยวปิงได้เตรียมการเรื่องอื่นให้ ไม่ได้เปลี่ยนชื่อให้

ส่วนสองครอบครัวนั้น ชื่อเรียกใช้ได้ ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่มีความคิดจะเปลี่ยนชื่อให้ เพราะการตั้งชื่อก็เป็นเรื่องที่เปลืองสมองเช่นกัน

ในขณะที่ทำความเข้าใจถึงที่มาที่ไปของคนเหล่านี้ ที่ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกคาดไม่ถึงที่สุด คือลูกชายของสองสามีภรรยาตัวผอมคู่นั้น ไม่ได้มีอายุสิบขวบเหมือนที่นางคิด แต่อายุสิบสี่ปีแล้ว ในยุคสมัยนี้ที่แต่งงานกันเร็ว อีกสองปีก็สามารถแต่งงานได้แล้ว

แต่ร่างกายที่เหมือนกับเด็กสิบขวบ ลั่วเสี่ยวปิงได้แต่รู้สึกว่าสมดุลสักเท่าไหร่ จึงได้หยิบเงินสามตำลึงออกมายื่นให้กับซูซิ่วเหม่ย “ช่วงนี้เจ้าช่วยปรับเปลี่ยนอาหารการกินของทุกคนไปก่อน”

ที่มอบเงินให้กับนาง เพราะตอนที่ทำงานอยู่ในบ้านเจ้านายเก่า ซูซิ่วเหม่ยก็เคยดูแลเรื่องพวกนี้มาก่อน ค่อนข้างมีประสบการณ์

ส่วนสาเหตุที่แท้จริงที่คนในครอบครัวนี้ถูกขาย ลั่วเสี่ยวปิงเดาออกเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรให้มากความ

จัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงเตรียมจะพาอานอานกับเล่อเล่อไปรับสมัครคนงานที่ร้านเมืองแห่งอาหาร

“ฮูหยิน ข้าน้อยขอตามท่านไปด้วย”

ตอนนี้เอง ไป๋เสาก็เปิดปากเอ่ยขึ้น

ลั่วเสี่ยวปิงมองไป๋เสาแวบหนึ่ง และไม่ได้พูดอะไร พยักหน้าตอบรับทันที

เมื่อคนทั้งหมดไปถึงร้านเมืองแห่งอาหาร เห็นว่ามีการต่อแถวยาวมากก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตะลึง

“ท่านแม่ คนเยอะมาก”เล่อเล่อพูดด้วยสีหน้าตกใจปนความประหลาดใจ

แต่อานอานกลับใส่ใจเรื่องอื่น “ท่านแม่ คนเยอะขนาดนี้ ท่านจะคัดเลือกอย่างไร”

เพราะว่าเงินเดือนที่ให้ค่อนข้างมาก และไม่จำกัดว่าเป็นหญิงหรือชาย ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวหรือชายหนุ่มที่อายุมากก็ได้ทั้งนั้น ฉะนั้นจึงดึงดูดคนมาสมัครไม่น้อยทีเดียว

แต่ว่าครั้งนี้ลั่วเสี่ยวปิงเตรียมแผนการไว้ว่าจะรับแค่สิบคน ฉะนั้นอานอานจึงอยากรู้มากว่าลั่วเสี่ยวปิงจะคัดเลือกอย่างไร

ลั่วเสี่ยวปิงกำลังจะพูด ทันใดนั้นก็พบว่าในแถวยาวนั้นมีเงาร่างที่คุ้นเคยปะปนอยู่สายหนึ่ง ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง