เงาร่างที่คุ้นเคยที่ลั่วเสี่ยวปิงมองเห็นนั้นเป็นพานหยิงหยิง
ในขณะที่นางมองเห็นว่าเป็นพานหยิงหยิง พานหยิงหยิงก็หันมามองทางนี้พอดี
เมื่อเห็นลั่วเสี่ยวปิง พานหยิงหยิง นิ่งอึ้งไปก่อน จากนั้นก็วิ่งเข้ามาหาลั่วเสี่ยวปิงด้วยใบหน้าดีใจ
“หมอเทวดา……”พานหยิงหยิง มองลั่วเสี่ยวปิงด้วยสายตาที่แฝงด้วยความซาบซึ้ง
“ข้าแซ่ลั่ว เรียกข้าว่าแม่นางลั่วหรือไม่ก็เสี่ยวปิงก็ได้ ”ลั่วเสี่ยวปิงพูดเสียงเรียบ ยังไม่คุ้นเคยกับการที่ถูกเรียกว่าหมอเทวดา
พานหยิงหยิง ได้ยินดังนั้น จึงชะงักไป และเปลี่ยนคำเรียกขาน “เสี่ยวปิง”
ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า และถามขึ้นว่า “ทำไมเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่ ”
พอพานหยิงหยิง ได้ยินคำถาม สีหน้าก็หม่นหมองลงทันที จากนั้นก็หัวเราะอย่างขมขื่น “เสี่ยวปิง ข้า……หย่าแล้ว”
ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินก็นิ่งอึ้งไป นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่นานพานหยิงหยิง ก็หย่าแล้วหรือ
แม้ว่าสามีของพานหยิงหยิง จะไม่ใช่คนดี แต่เห็นว่าความคิดของพานฮูหยินในตอนนั้น คือไม่ได้อยากจะให้พานหยิงหยิง หย่า ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ไปหานางเพื่อขอยาในการช่วยให้ตั้งครรภ์แล้ว
เพียงแต่ยังไม่ทันที่ลั่วเสี่ยวปิงจะได้ถามถึงความสงสัยที่มีอยู่ในใจ พานหยิงหยิง ก็เอ่ยด้วยเสียงหัวเราะที่ขมขื่นว่า “แม่ข้าให้ข้าหย่า เดิมทีข้ายังไม่อยากหย่า……”
เพราะว่า แต่งงานกับผู้ชายคนนั้นมาสี่ปีกว่าแล้ว ต่อหน้านางเขานั้นดีกับนางจริงๆ นางไม่สามารถมีลูกได้เขาก็ยังมีความอดทน และยังคอยปลอบใจนางเสมอมา กระทั่งยังบอกกับนางว่า แม้จะไม่มีทายาทสืบสกุลก็ไม่เป็นไร ขอแค่ได้อยู่กับนางก็พอแล้ว
ถึงแม้ว่า นางจะรู้ว่าตอนที่อยู่ข้างนอกเขาจะไม่ได้เป็นคนดีอะไร แต่อย่างไรก็ยังคงคิดถึงแต่สิ่งดีๆที่เขามีให้นาง
“แต่ข้าคิดไม่ถึงว่า เรื่องทั้งหมดจะเป็นเพียงเรื่องที่เขาหลอกลวงข้า ก่อนจะรู้จักกับข้าเขาก็มีหญิงอื่นและมีลูกแล้ว ที่อยู่กับข้าก็แค่หวังสินสอดที่ติดตัวข้ามาเท่านั้น ……”
พูดแล้ว พานหยิงหยิง ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา ดูแล้วเสียใจมาก ราวกับว่ายังเดินออกมาจากเรื่องราวนั้นไม่ได้
ก็จริง นี่เพิ่งจะผ่านไม่นาน อีกฝ่ายยังเป็นถึงชายสารเลวที่ถนัดในการแสดง อยากจะเดินออกมาจากเรื่องราวนั้นในเวลาสั้นๆมันยากมาก
ลั่วเสี่ยวปิงไม่พูดอะไร เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี อีกอย่างนางกับพานหยิงหยิง ก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น จึงไม่สะดวกที่จะพูดมาก
อีกอย่าง พูดอะไรออกไปตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ ความเสียใจจากความรักต้องอาศัยเวลาในการรักษาเท่านั้น
นอกจากนี้ ก็มีเพียงการปรากฏตัวขึ้นของคนอีกคนที่จะทำให้ละความสนใจไปได้
แต่ นางเพิ่งจะหย่าร้าง นางก็คงไม่สามารถจะเอ่ยปากให้ไปหาใหม่อีกคนกระมัง
ฉะนั้น ทางที่ดีที่สุดก็คือนิ่งเงียบ
บางทีอาจเป็นเพราะอัดอั้นมานาน ตอนนี้มีคนให้ระบายความในใจแล้ว พานหยิงหยิง ร้องไห้อยู่ครู่หนึ่งและดูแล้วอาการก็ดีขึ้นมาก เพียงแต่ตอนที่มองไปทางลั่วเสี่ยวปิงกลับแฝงแววเกรงใจอยู่หลายส่วน
“ขออภัย เสี่ยวปิง ที่พูดเรื่องพวกนี้กับเจ้า……”พานหยิงหยิง ก็ไม่รู้ ทำไมตัวเองจึงอดที่จะระบายความในใจเมื่อเห็นลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้
อาจจะเป็นเพราะนางเป็นคนที่ทำให้ตัวเองเดินออกมาจากชีวิตการแต่งงานที่เต็มไปด้วยความหลอกลวงกระมัง จึงทำให้มีความรู้สึกสนิทกับนางอย่างบอกไม่ถูก
ลั่วเสี่ยวปิงส่ายหน้า พูดว่าไม่เป็นไร จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “ทำไมเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่ ”
ที่หน้าประตูร้านเมืองแห่งอาหาร ที่เข้าแถวรออยู่ในตอนนี้ล้วนมาสมัครงาน เมื่อครู่พานหยิงหยิง ก็เข้าแถวอยู่ในนั้นเช่นนั้น เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกสงสัย
เพราะว่าฐานะทางบ้านของพานหยิงหยิง ก็ไม่เลว ไม่เช่นนั้นตอนนั้นพานฮูหยินก็คงไม่ให้ค่ารักษากับนางถึงหนึ่งร้อยตำลึง
อีกทั้งดูท่าทีของพานฮูหยินในตอนนั้น ก็น่าจะค่อนข้างใส่ใจลูกสาวคนนี้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเลิกสนใจเพียงเพราะลูกสาวหย่าร้าง ฉะนั้นนางจึงคิดไม่ออกจริงๆถึงสาเหตุที่พานหยิงหยิง มาเข้าแถวที่นี่
ได้ยินคำถาม ใบหน้าของพานหยิงหยิง ก็แดงขึ้นเล็กน้อย “วันนี้ข้ารู้สึกหดหู่ จึงออกมาเดินเล่น เห็นว่าที่นี่กำลังรับสมัครงาน จึงอยากจะมาลองดู”
พูดแล้ว ก็ชะงักไป แล้วพูดขึ้นว่า “แม้ว่าท่านพ่อท่านแม่กับพี่ชายและพี่สะใภ้จะดีกับข้ามาก แต่ข้าไม่อยากจะอยู่ที่บ้านมารดาตลอดไป แต่สิ่งที่ข้าทำได้มีไม่มาก ที่นี่รับสมัครคนงานหญิง ฉะนั้น……”
ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า แสดงให้เห็นว่าเข้าใจแล้ว
ในขณะที่คนรู้สึกเศร้า การหางานเล็กๆน้อยๆทำทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้างจริงๆ
“ออกมาทำงานข้างนอกลำบากมากนะ”ลั่วเสี่ยวปิงเตือนสติ
พานหยิงหยิง ได้แต่ยิ้ม “ขอเพียงมีงานทำก็พอแล้ว”
ลำบากอะไรกัน สี่ปีที่ผ่านมานางเองก็ใช่ว่าจะไม่คุ้นเคย เพียงแต่ก่อนหน้านี้นางรู้สึกว่ามีสามีที่รักตนเอง จึงไม่ได้รู้สึกลำบากอะไร รู้แค่ว่าชีวิตหวานหอมเหมือนลูกกวาด
ตอนนี้มาคิดดูแล้ว รู้สึกว่าตอนนั้นตัวเองช่างโง่เขลาจริงๆ ถูกหลอกโดยไม่รู้ตัว ยังทำลายชีวิตตัวเองทั้งชีวิต
ให้นางอาศัยอยู่ที่บ้านมารดาโดยไม่ทำอะไรเลยมีแต่จะทำให้นางรู้สึกไร้ยางอาย มีเพียงการออกมาหาอะไรทำบ้างจึงจะทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง
ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เปิดประตูของร้านเมืองแห่งอาหารภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของพานหยิงหยิง เดินเข้าไปข้างใน
นางไม่ได้ต้องการเล่นพรรคเล่นพวก แม้จะรู้สึกว่าบางทีพานหยิงหยิง ก็อาจจะใช้ได้ แต่คนที่เข้าแถวมีมากขนาดนี้ นางจะคัดเลือกคนจากมาตรฐานของนางเอง
คนที่เข้าแถวรออยู่ มีทั้งหมดหกสิบคน ลั่วเสี่ยวปิงได้คัดเลือกชายหนุ่มอายุน้อยห้าคนที่อยู่ในนั้น แล้วก็คัดเลือกหญิงสาวอายุน้อยกว่ายี่สิบห้าปีออกมาห้าคนกับหญิงวัยกลางคนอีกห้าคนเพื่อเป็นผู้ช่วยในครัว และพานหยิงหยิง ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ตั้งแต่รู้ว่าตนเองถูกคัดเลือก พานหยิงหยิง ก็ยังไม่ได้สตินางคิดไม่ถึงว่าคนที่รับสมัครงานจะเป็นลั่วเสี่ยวปิง
เพราะจะเปิดกิจการในไม่กี่วันนี้แล้ว การคัดเลือกคนก็เป็นเรื่องที่เร่งรีบมาก ฉะนั้นเวลามีจำกัด ลั่วเสี่ยวปิงได้จัดเตรียมแบ่งงานให้กับพนักงานบริการทั้งสิบคนที่ต้องทำในวันเปิดกิจการ และได้ให้หลักการของการบริการว่า ลูกค้าต้องมาก่อน การบริการต้องที่หนึ่ง
ส่วนลูกมือในครัวทั้งห้าคนนั้น ลั่วเสี่ยวปิงพูดแค่ว่า คุณภาพกับความสะอาด
ตอนที่คัดเลือกพวกเขา ก่อนอื่นลั่วเสี่ยวปิงได้ทดสอบฝีมือการใช้มีดและความละเอียดใส่ใจของพวกเขาแล้ว
คนที่รับผิดชอบล้างทำความสะอาดผัก จำเป็นต้องใส่ใจและละเอียด ส่วนคนที่รับผิดชอบหั่นผัก ไม่ว่าจะเป็นการชิ้นเนื้อหรือชิ้นผัก ก็ต้องให้ได้มาตรฐาน ฉะนั้นตอนที่คัดเลือกลั่วเสี่ยวปิงจึงเลือกคนที่เชี่ยวชาญในการใช้มีดมากที่สุด
หลังจากที่ได้บอกกล่าวเกี่ยวกับมาตรฐานและหลักการของตนเองแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ให้พวกเขาทำการฝึกฝนให้มากขึ้นในช่วงสองวันนี้ และไม่ได้อยู่ที่นี่นานนัก
ตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงออกมาจากร้านเมืองแห่งอาหาร ก็เป็นเวลาเย็นแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงพาลูกทั้งสองคนไปกินเนื้อปลาต้มที่หอฝูหม่าน แล้วก็เดินทางไปยังบ้านเช่า พาย่าเจียงกับสี่เป่าเตรียมตัวกลับไปยังหมู่บ้าน
เพียงแต่ยังไม่ทันที่รถม้าของลั่วเสี่ยวปิงจะออกจากเมือง ข้างหน้าก็มีเสียงโกลาหลดังขึ้น
“ข้าจะตีเจ้าให้ตายเจ้าศิษย์ไร้ยางอาย……”
เดิมทีสามแม่ลูกที่นั่งพักผ่อนอยู่บนรถม้าได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะนั่งตัวตรงขึ้นมา
“ท่านแม่ เหมือนเสียงของน้าเอ้อหลางเลย”เล่อเล่อเอ่ยขึ้น
อานอานกลับเลิกผ้าม่านรถม้าขึ้นมาแล้วหันมองไปทางด้านนอก มองไปยังทิศทางที่ผู้คนโกลาหลกันอยู่ เอ่ยอย่างแน่ใจว่า “ท่านแม่ เป็นน้าเอ้อหลางจริงๆด้วย เขากำลังทำร้ายคน”
“หนานซิง หยุดรถ”
ลั่วเสี่ยวปิงสั่งการหนานซิงที่ขับรถม้าอยู่ด้านหน้าทันที หนานซิงได้ยินก็หยุดรถอย่างกะทันหัน จากนั้นก็ยืนขึ้นรออยู่ด้านข้าง
ลั่วเสี่ยวปิงลงจากรถม้า ข้างหลังมีไป๋เสาติดตามอยู่
“เจ้าดูแลเด็กๆให้ดี”เห็นว่าหนานซิงจะตามไปด้วย ลั่วเสี่ยวปิงก็สั่งการเสียงเรียบเฉย
หนานซิง “……”เขากลายเป็นมืออาชีพในการดูแลเด็กแล้วหรือ
เมื่อลั่วเสี่ยวปิงเข้าใกล้กับจุดศูนย์กลางของความโกลาหล สิ่งที่เห็น คือจางเอ้อหลางกำลังจับตัวชายคนหนึ่งที่สวมชุดเหมือนกับเป็นปัญญาชนคนหนึ่งและทุบตีอย่างบ้าคลั่ง ข้างๆยังมีหญิงสาวคนหนึ่งที่มีสีหน้าตื่นกลัวร้องตะโกนว่า ‘หยุดตีได้แล้ว’
ลั่วเสี่ยวปิงเห็นว่าจางเอ้อหลางไม่ได้เสียเปรียบอะไร ฉะนั้นจึงไม่มีความคิดที่จะเข้าไปห้าม
และในขณะนั้นเอง ไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้องตะโกนขึ้น “มือปราบมาแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง