แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 252

ฉีเทียนเห้าอุ้มลั่วเสี่ยวปิงกลับเข้าไปที่ห้องแล้วโยนลั่วเสี่ยวปิงลงบนเตียงสีแดงอันนุ่มนั้น ตัวของเขาเองก็รีบทับลงมาทันที เพื่อห้ามไม่ให้ลั่วเสี่ยวปิงหนีไป

"ฮูหยิน เจ้ายังอยากหนีไปไหนอีก?ข้ารอช่วงเวลาในวันนี้มานานมากแล้ว เจ้าทำได้ลงคอเหรอ?" ฉีเทียนเห้าจ้องมองลั่วเสี่ยวปิง ยิ้มมุมปากเล็กน้อย

ทำได้ลงคอ?

ทำได้ลงคออะไร?

ลั่วเสี่ยวปิงตื่นตระหนก ในสมองว่างเปล่า

ฉีเทียนเห้าก็ไม่ได้พูดอะไรมาก จูบริมฝีปากของลั่วเสี่ยวปิงเลยโดยตรง แต่สายตาที่มองดูลั่วเสี่ยวปิงนั้น กลับอ่อนโยนยิ่งนัก

เดิมทีคิดว่าตัวเองคงจะตื่นเต้นมากแน่ๆ แต่ที่น่าแปลกคือ ภายใต้การกระทำที่อ่อนโยนของฉีเทียนเห้านั้น ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกสบายใจขึ้นแล้วก็ไม่ได้ขี้ขลาดอีกต่อไปแต่กลับเริ่มตอบสนองเขา

แต่ว่า ไม่ตอบสนองยังดี

พอตอบสนอง ร่างกายของฉีเทียนเห้าก็สั่นไปหมด ราวกับว่าสัมผัสโดนสวิตซ์เปิดปิดอะไรบางอย่าง ภายใต้ต่างก็มีความรู้สึกดีต่อกัน ทั้งสองก็ได้พัวพันกันทั้งคืน ……

วันรุ่งขึ้น ลั่วเสี่ยวปิงตื่นสายมาก และความรู้สึกแรกเมื่อตื่นขึ้นมาก็คือปวดเอวปวดหลังไปหมด

และผู้ที่ริเริ่มกระทำนั้น กลับกำลังนอนหลับสนิทอยู่ข้างๆนางในเวลานี้ ทำให้นางโมโหจนอยากกัดเขา

แต่เมื่อยกมือของเขาขึ้นและกำลังจะกัด จู่ๆฉีเทียนเห้าก็ลืมตาขึ้นและสบตากับนางพอดี

ลั่วเสี่ยวปิง:“……”

ฉีเทียนเห้า:"อยากกัดข้าเหรอ?"

จากนั้นฉีเทียนเห้าก็นอนราบ "ทุกที่บนร่างกายของข้า ยอมให้เจ้ากัดหมด"

หลังจากพูดอย่างนั้น ฉีเทียนเห้าก็พูดประโยคหนึ่งเพิ่มอีกว่า "ไม่ต้องเกรงใจ! "

ลั่วเสี่ยวปิง:“……” ไอ้คนหน้าด้านไม่เอาไหน!

หน้าของลั่วเสี่ยวปิงแดงไปหมด และลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว ใส่เสื้อผ้าเสร็จก็รีบวิ่งออกจากห้องไปเลย ข้างหลังกลับมีเสียงหัวเราะที่ร่าเริงของชายคนนั้นดังมา

นอกห้อง ลั่วเสี่ยวปิงพึ่งเงยหน้าขึ้น ก็เห็นอานอานและเล่อเล่อนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องโถงและกำลังมองดูนางด้วยใบหน้าที่สับสน

"ท่านแม่ ทําไมหน้าของท่านถึงแดงเช่นนี้?" อานอานถาม

"ท่านแม่ ทำไมท่านพ่อถึงได้หัวเราะมีความสุขมากเช่นนั้น?" เล่อเล่อก็เอียงหัวถามเช่นกัน

ลั่วเสี่ยวปิง:“……” อายยิ่งนัก

"อะแฮ่ม—" ลั่วเสี่ยวปิงแกล้งไอ วิธีการปฏิเสธที่จะตอบคําถามก็คือการเปลี่ยนเรื่อง "พวกเจ้ายังไม่ได้กินข้าวเช้าเหรอ?"

เห็นได้ชัดว่าอานอานและเล่อเล่อกําลังรอกินข้าวเช้าอยู่

แต่ ตอนนี้ก็ไม่เช้าแล้ว

เล่อเล่อพยักหน้า "ย่าซูบอกว่า แม่น่าจะใกล้ตื่นแล้ว"

ลั่วเสี่ยวปิง:“……” อายมากนัก อยากปิดหน้าตัวเองจังเลย"

ความรู้สึกที่คนทั้งโลกก็รู้ว่าเมื่อคืนพวกเขาทำไรกัน มันช่างน่าอายยิ่งนัก

แต่……

ลั่วเสี่ยวปิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดในใจว่า 'ไม่อาย ไม่อาย ขอแค่ข้าไม่รู้สึกเขินอายเอง คนที่เขินอายก็คือคนอื่น' จากนั้นลั่วเสี่ยวปิงก็นั่งลงที่โต๊ะด้วย

"ทําไมพวกเจ้าไม่กินเองก่อนล่ะ?" ให้เด็กทั้งสองมารอนางกินข้าวเช้า มันช่างรู้สึกเขินอายยิ่งนัก

อานอานและเล่อเล่อมองหน้ากัน จากนั้นเล่อเล่อก็พูดว่า "พี่ชายบอกว่าวันนี้ต้องกินพร้อมกันทั้งครอบครัว"

เมื่อได้ยินคําพูดของเล่อเล่อ ลั่วเสี่ยวปิงก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองอานอาน

ในเวลานี้บนใบหน้าของอานอานนั้นไม่ได้แสดงอะไรออกมาเลย แต่มันกลับทำให้ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกซับซึ่งเล็กน้อย

ในความเป็นจริงเด็กคนนี้ก็อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบมาโดยตลอดเลยสินะ

จากนั้น หญิงชราซูและคนอื่นๆคงจะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวในห้อง จึงยกข้าวเช้าเข้ามา ส่วนฉีเทียนเห้าก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังเดินออกมาอย่างมีความสุข

การนั่งกินข้าวกันทั้งครอบครัวนั้นมันมีความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างอธิบายไม่ถูก

ช่วงเวลาสามวันต่อมา ลั่วเสี่ยวปิงก็ว่างมาก

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในร้านค้าในเมืองหรือเรื่องในโรงงานต่างก็มีคนค่อยช่วยดูแลอยู่เสมอ ไม่จําเป็นต้องให้นางไปจัดการเอง

ต่อให้นางต้องการไปเดินเล่นที่โรงงานเพื่อหลบหนีฉีเทียนเห้าที่เย้ายวนใจเป็นพิเศษหลังแต่งงาน แต่นางก็จะถูกคนเชิญออกไป บอกว่านางเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ และไม่เหมาะกับทํางานหนักเกิน

ในช่วงสามวันนี้ ลั่วเสี่ยวปิงได้รู้อย่างแท้จริงแล้วว่าอะไรคือการถูกเย้าแหย่

ดังนั้นในวันที่สี่ พอลั่วเสี่ยวปิงคว้าโอกาสได้ก็รีบเข้าไปในเมืองเลย

หนานซิงเห็นกับตาว่าลั่วเสี่ยวปิงขึ้นรถม้าไปอย่างเร่งรีบ จากนั้นก็มองดูรถม้าจากไป จึงถามหนานเฉินว่า "เจ้าบอกว่านายท่านทำอะไรฮูหยินกันแน่ ถึงได้ทำให้ฮูหยินหนีเตลิดไปเช่นนี้"

"เจ้าว่างมากเหรอ?"

หนานซิงยังไม่ทันได้ยินเสียงตอบกลับของหนานเฉิน แต่กลับได้ยินคําพูดที่เย็นชาของนายท่านนั้นดังมาจากข้างหลัง

หนานซิง: "……เปล่าขอรับ ข้าน้อยจะไปตัดฟืนเดี๋ยวนี้เลย"

ว่าแล้วหนานซิงก็รีบวิ่งไปหาขวาน

หนานเฉิน:“……”เมื่อมองดูหนานซิงไปหาฟืนตัดและเต็มใจปล่อยให้ตัวเองตกต่ำ ต่อให้เป็นคนเงียบๆเช่นเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมา

จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและคารวะให้ฉีเทียนเห้า "นายท่าน ช่วงนี้คนของฮองเฮามักจะเร่ร่อนอยู่ในร้านเมืองแห่งอาหาร ข้าน้อยเกรงว่าพวกเขาคงสังเกตเห็นอะไรบางอย่างแล้ว"

คนของฮองเฮาได้ติดตามร่องรอยของพวกข้ามายังเมืองหลินอานแล้ว แต่มีคนคอยสกัดกั้นพวกเขาเอาไว้เสมอ ดังนั้นพวกเขาจึงมาไม่ถึงที่เมืองซีเหอได้สักที

แต่ไม่รู้ว่าช่วงนี้คนเหล่านั้นฉลาดขึ้นหรือเป็นเพราะมีคนไปส่งข่าวสารให้ ตอนนี้พวกมันตามมาถึงที่เมืองซีเหอแล้ว แถมยังตั้งเป้าไปยังร้านเมืองแห่งอาหารแล้วด้วย

ฉีเทียนเห้าเผชิญหน้ากับคนอื่นที่นอกเหนือจากลั่วเสี่ยวปิง ก็ไม่ได้มีรูปลักษณ์ที่เจ้าเล่ห์นั้นแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนี้เดิมทีหน้าที่เย็นชานั้นก็ยิ่งเย็นขึ้นกว่าเดิม "ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ยังไม่ใช่เวลาที่จะเปิดเผยนางต่อหน้าพวกเขา"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หนานเฉินก็เข้าใจทันที "ข้าน้อยจะไปทำเดี๋ยวนี้เลยขอรับ"

ทันทีที่ลั่วเสี่ยวปิงมาถึงในเมือง ก็ไปที่ร้านเมืองแห่งอาหารก่อนเลย

ร้านเมืองแห่งอาหารในปัจจุบันนี้ได้เพิ่มของว่างมาหลากหลายอย่าง แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้คนที่อยากกินหม้อไฟนั้นแก้ความอยากแล้ว และเป็นที่นิยมมาก ผู้คนก็ไม่ได้น้อยไปกว่าคนในร้านเมืองแห่งอาหารยุคปัจจุบัน

ส่วนบุฟเฟ่ต์หม้อไฟ แม้ว่าคนต่อแถวจะไม่มากเหมือนเมื่อก่อน แต่ธุรกิจก็ยังถือว่าดีอยู่

พนักงานเหล่านั้น เมื่อเทียบกับความไม่คล่องแคล่วในก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต่างก็สามารถตีสนิทได้ทุกฝ่ายและสามารถรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากแล้ว

แต่มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงไม่คาดคิดมาก่อน

ตอนนางไปห้องครัว นางกลับเห็นจางต้าหลาง

จางต้าหลางกลับอยู่กับพานหยิงหยิง ตอนนางไป ก็เห็นจางต้าหลางกำลังหันหลังด้วยใบหน้าที่แดง

จางต้าหลางตกตะลึงเมื่อเห็นลั่วเสี่ยวปิง "ข้า……วันนี้ร้านทอดของข้าเปิดร้านวันแรก ข้าเลยอยากนำมาให้ทุกคนชิมดู"

จากนั้น จางต้าหลางก็วิ่งหนีไป

ลั่วเสี่ยวปิงก็หันไปมองพานหยิงหยิง เพียงเห็นพานหยิงหยิงรู้สึกทำตัวไม่ถูกชั่วขณะ จากนั้นก็กลับมาเป็นปกติและเมื่อเห็นลั่วเสี่ยวปิงใบหน้านั้นก็มีความสุขมากนัก "นายจ้างเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ ทําไมไม่พักผ่อนอีกสองสามวันละ?"

ลั่วเสี่ยวปิงยิ้ม "ข้าก็แค่มาดูหน่อย"

เมื่อพานหยิงหยิงได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็หายไปหน่อยและมีความกังวลใจเล็กน้อย "ธุรกิจในร้านไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว คงจะ……"

"เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ยังไงก็ไม่ขาดทุนอยู่แล้ว"

พานหยิงหยิงเห็นลั่วเสี่ยวปิงมั่นใจเช่นนี้ นางก็ไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้

ในร้านเมืองแห่งอาหารก็ไม่มีอะไรที่ลั่วเสี่ยวปิงต้องลงมือทําเอง ลั่วเสี่ยวปิงอยู่ไปสักพักก็จากไปแล้ว

เมื่อนึกถึงว่าวันนั้นสีหน้าของอู๋วิ่นเฉิงแปลก ลั่วเสี่ยวปิงจึงเดินไปทางร้านตัดเย็บอู๋กี้

เมื่อมาถึง ร้านตัดเย็บกลับปิดประตูเอาไว้ พอถามแล้วถึงรู้ว่ามันปิดไปหลายวันแล้ว

ลั่วเสี่ยวปิงขมวดคิ้ว หรือว่าจิ่นเหนียงเกิดเรื่องจริงแล้ว?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง