ฉีเทียนเห้าอุ้มลั่วเสี่ยวปิงกลับเข้าไปที่ห้องแล้วโยนลั่วเสี่ยวปิงลงบนเตียงสีแดงอันนุ่มนั้น ตัวของเขาเองก็รีบทับลงมาทันที เพื่อห้ามไม่ให้ลั่วเสี่ยวปิงหนีไป
"ฮูหยิน เจ้ายังอยากหนีไปไหนอีก?ข้ารอช่วงเวลาในวันนี้มานานมากแล้ว เจ้าทำได้ลงคอเหรอ?" ฉีเทียนเห้าจ้องมองลั่วเสี่ยวปิง ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ทำได้ลงคอ?
ทำได้ลงคออะไร?
ลั่วเสี่ยวปิงตื่นตระหนก ในสมองว่างเปล่า
ฉีเทียนเห้าก็ไม่ได้พูดอะไรมาก จูบริมฝีปากของลั่วเสี่ยวปิงเลยโดยตรง แต่สายตาที่มองดูลั่วเสี่ยวปิงนั้น กลับอ่อนโยนยิ่งนัก
เดิมทีคิดว่าตัวเองคงจะตื่นเต้นมากแน่ๆ แต่ที่น่าแปลกคือ ภายใต้การกระทำที่อ่อนโยนของฉีเทียนเห้านั้น ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกสบายใจขึ้นแล้วก็ไม่ได้ขี้ขลาดอีกต่อไปแต่กลับเริ่มตอบสนองเขา
แต่ว่า ไม่ตอบสนองยังดี
พอตอบสนอง ร่างกายของฉีเทียนเห้าก็สั่นไปหมด ราวกับว่าสัมผัสโดนสวิตซ์เปิดปิดอะไรบางอย่าง ภายใต้ต่างก็มีความรู้สึกดีต่อกัน ทั้งสองก็ได้พัวพันกันทั้งคืน ……
วันรุ่งขึ้น ลั่วเสี่ยวปิงตื่นสายมาก และความรู้สึกแรกเมื่อตื่นขึ้นมาก็คือปวดเอวปวดหลังไปหมด
และผู้ที่ริเริ่มกระทำนั้น กลับกำลังนอนหลับสนิทอยู่ข้างๆนางในเวลานี้ ทำให้นางโมโหจนอยากกัดเขา
แต่เมื่อยกมือของเขาขึ้นและกำลังจะกัด จู่ๆฉีเทียนเห้าก็ลืมตาขึ้นและสบตากับนางพอดี
ลั่วเสี่ยวปิง:“……”
ฉีเทียนเห้า:"อยากกัดข้าเหรอ?"
จากนั้นฉีเทียนเห้าก็นอนราบ "ทุกที่บนร่างกายของข้า ยอมให้เจ้ากัดหมด"
หลังจากพูดอย่างนั้น ฉีเทียนเห้าก็พูดประโยคหนึ่งเพิ่มอีกว่า "ไม่ต้องเกรงใจ! "
ลั่วเสี่ยวปิง:“……” ไอ้คนหน้าด้านไม่เอาไหน!
หน้าของลั่วเสี่ยวปิงแดงไปหมด และลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว ใส่เสื้อผ้าเสร็จก็รีบวิ่งออกจากห้องไปเลย ข้างหลังกลับมีเสียงหัวเราะที่ร่าเริงของชายคนนั้นดังมา
นอกห้อง ลั่วเสี่ยวปิงพึ่งเงยหน้าขึ้น ก็เห็นอานอานและเล่อเล่อนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องโถงและกำลังมองดูนางด้วยใบหน้าที่สับสน
"ท่านแม่ ทําไมหน้าของท่านถึงแดงเช่นนี้?" อานอานถาม
"ท่านแม่ ทำไมท่านพ่อถึงได้หัวเราะมีความสุขมากเช่นนั้น?" เล่อเล่อก็เอียงหัวถามเช่นกัน
ลั่วเสี่ยวปิง:“……” อายยิ่งนัก
"อะแฮ่ม—" ลั่วเสี่ยวปิงแกล้งไอ วิธีการปฏิเสธที่จะตอบคําถามก็คือการเปลี่ยนเรื่อง "พวกเจ้ายังไม่ได้กินข้าวเช้าเหรอ?"
เห็นได้ชัดว่าอานอานและเล่อเล่อกําลังรอกินข้าวเช้าอยู่
แต่ ตอนนี้ก็ไม่เช้าแล้ว
เล่อเล่อพยักหน้า "ย่าซูบอกว่า แม่น่าจะใกล้ตื่นแล้ว"
ลั่วเสี่ยวปิง:“……” อายมากนัก อยากปิดหน้าตัวเองจังเลย"
ความรู้สึกที่คนทั้งโลกก็รู้ว่าเมื่อคืนพวกเขาทำไรกัน มันช่างน่าอายยิ่งนัก
แต่……
ลั่วเสี่ยวปิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดในใจว่า 'ไม่อาย ไม่อาย ขอแค่ข้าไม่รู้สึกเขินอายเอง คนที่เขินอายก็คือคนอื่น' จากนั้นลั่วเสี่ยวปิงก็นั่งลงที่โต๊ะด้วย
"ทําไมพวกเจ้าไม่กินเองก่อนล่ะ?" ให้เด็กทั้งสองมารอนางกินข้าวเช้า มันช่างรู้สึกเขินอายยิ่งนัก
อานอานและเล่อเล่อมองหน้ากัน จากนั้นเล่อเล่อก็พูดว่า "พี่ชายบอกว่าวันนี้ต้องกินพร้อมกันทั้งครอบครัว"
เมื่อได้ยินคําพูดของเล่อเล่อ ลั่วเสี่ยวปิงก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองอานอาน
ในเวลานี้บนใบหน้าของอานอานนั้นไม่ได้แสดงอะไรออกมาเลย แต่มันกลับทำให้ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกซับซึ่งเล็กน้อย
ในความเป็นจริงเด็กคนนี้ก็อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบมาโดยตลอดเลยสินะ
จากนั้น หญิงชราซูและคนอื่นๆคงจะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวในห้อง จึงยกข้าวเช้าเข้ามา ส่วนฉีเทียนเห้าก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังเดินออกมาอย่างมีความสุข
การนั่งกินข้าวกันทั้งครอบครัวนั้นมันมีความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างอธิบายไม่ถูก
ช่วงเวลาสามวันต่อมา ลั่วเสี่ยวปิงก็ว่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในร้านค้าในเมืองหรือเรื่องในโรงงานต่างก็มีคนค่อยช่วยดูแลอยู่เสมอ ไม่จําเป็นต้องให้นางไปจัดการเอง
ต่อให้นางต้องการไปเดินเล่นที่โรงงานเพื่อหลบหนีฉีเทียนเห้าที่เย้ายวนใจเป็นพิเศษหลังแต่งงาน แต่นางก็จะถูกคนเชิญออกไป บอกว่านางเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ และไม่เหมาะกับทํางานหนักเกิน
ในช่วงสามวันนี้ ลั่วเสี่ยวปิงได้รู้อย่างแท้จริงแล้วว่าอะไรคือการถูกเย้าแหย่
ดังนั้นในวันที่สี่ พอลั่วเสี่ยวปิงคว้าโอกาสได้ก็รีบเข้าไปในเมืองเลย
หนานซิงเห็นกับตาว่าลั่วเสี่ยวปิงขึ้นรถม้าไปอย่างเร่งรีบ จากนั้นก็มองดูรถม้าจากไป จึงถามหนานเฉินว่า "เจ้าบอกว่านายท่านทำอะไรฮูหยินกันแน่ ถึงได้ทำให้ฮูหยินหนีเตลิดไปเช่นนี้"
"เจ้าว่างมากเหรอ?"
หนานซิงยังไม่ทันได้ยินเสียงตอบกลับของหนานเฉิน แต่กลับได้ยินคําพูดที่เย็นชาของนายท่านนั้นดังมาจากข้างหลัง
หนานซิง: "……เปล่าขอรับ ข้าน้อยจะไปตัดฟืนเดี๋ยวนี้เลย"
ว่าแล้วหนานซิงก็รีบวิ่งไปหาขวาน
หนานเฉิน:“……”เมื่อมองดูหนานซิงไปหาฟืนตัดและเต็มใจปล่อยให้ตัวเองตกต่ำ ต่อให้เป็นคนเงียบๆเช่นเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมา
จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและคารวะให้ฉีเทียนเห้า "นายท่าน ช่วงนี้คนของฮองเฮามักจะเร่ร่อนอยู่ในร้านเมืองแห่งอาหาร ข้าน้อยเกรงว่าพวกเขาคงสังเกตเห็นอะไรบางอย่างแล้ว"
คนของฮองเฮาได้ติดตามร่องรอยของพวกข้ามายังเมืองหลินอานแล้ว แต่มีคนคอยสกัดกั้นพวกเขาเอาไว้เสมอ ดังนั้นพวกเขาจึงมาไม่ถึงที่เมืองซีเหอได้สักที
แต่ไม่รู้ว่าช่วงนี้คนเหล่านั้นฉลาดขึ้นหรือเป็นเพราะมีคนไปส่งข่าวสารให้ ตอนนี้พวกมันตามมาถึงที่เมืองซีเหอแล้ว แถมยังตั้งเป้าไปยังร้านเมืองแห่งอาหารแล้วด้วย
ฉีเทียนเห้าเผชิญหน้ากับคนอื่นที่นอกเหนือจากลั่วเสี่ยวปิง ก็ไม่ได้มีรูปลักษณ์ที่เจ้าเล่ห์นั้นแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนี้เดิมทีหน้าที่เย็นชานั้นก็ยิ่งเย็นขึ้นกว่าเดิม "ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ยังไม่ใช่เวลาที่จะเปิดเผยนางต่อหน้าพวกเขา"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หนานเฉินก็เข้าใจทันที "ข้าน้อยจะไปทำเดี๋ยวนี้เลยขอรับ"
ทันทีที่ลั่วเสี่ยวปิงมาถึงในเมือง ก็ไปที่ร้านเมืองแห่งอาหารก่อนเลย
ร้านเมืองแห่งอาหารในปัจจุบันนี้ได้เพิ่มของว่างมาหลากหลายอย่าง แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้คนที่อยากกินหม้อไฟนั้นแก้ความอยากแล้ว และเป็นที่นิยมมาก ผู้คนก็ไม่ได้น้อยไปกว่าคนในร้านเมืองแห่งอาหารยุคปัจจุบัน
ส่วนบุฟเฟ่ต์หม้อไฟ แม้ว่าคนต่อแถวจะไม่มากเหมือนเมื่อก่อน แต่ธุรกิจก็ยังถือว่าดีอยู่
พนักงานเหล่านั้น เมื่อเทียบกับความไม่คล่องแคล่วในก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต่างก็สามารถตีสนิทได้ทุกฝ่ายและสามารถรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากแล้ว
แต่มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงไม่คาดคิดมาก่อน
ตอนนางไปห้องครัว นางกลับเห็นจางต้าหลาง
จางต้าหลางกลับอยู่กับพานหยิงหยิง ตอนนางไป ก็เห็นจางต้าหลางกำลังหันหลังด้วยใบหน้าที่แดง
จางต้าหลางตกตะลึงเมื่อเห็นลั่วเสี่ยวปิง "ข้า……วันนี้ร้านทอดของข้าเปิดร้านวันแรก ข้าเลยอยากนำมาให้ทุกคนชิมดู"
จากนั้น จางต้าหลางก็วิ่งหนีไป
ลั่วเสี่ยวปิงก็หันไปมองพานหยิงหยิง เพียงเห็นพานหยิงหยิงรู้สึกทำตัวไม่ถูกชั่วขณะ จากนั้นก็กลับมาเป็นปกติและเมื่อเห็นลั่วเสี่ยวปิงใบหน้านั้นก็มีความสุขมากนัก "นายจ้างเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ ทําไมไม่พักผ่อนอีกสองสามวันละ?"
ลั่วเสี่ยวปิงยิ้ม "ข้าก็แค่มาดูหน่อย"
เมื่อพานหยิงหยิงได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็หายไปหน่อยและมีความกังวลใจเล็กน้อย "ธุรกิจในร้านไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว คงจะ……"
"เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ยังไงก็ไม่ขาดทุนอยู่แล้ว"
พานหยิงหยิงเห็นลั่วเสี่ยวปิงมั่นใจเช่นนี้ นางก็ไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้
ในร้านเมืองแห่งอาหารก็ไม่มีอะไรที่ลั่วเสี่ยวปิงต้องลงมือทําเอง ลั่วเสี่ยวปิงอยู่ไปสักพักก็จากไปแล้ว
เมื่อนึกถึงว่าวันนั้นสีหน้าของอู๋วิ่นเฉิงแปลก ลั่วเสี่ยวปิงจึงเดินไปทางร้านตัดเย็บอู๋กี้
เมื่อมาถึง ร้านตัดเย็บกลับปิดประตูเอาไว้ พอถามแล้วถึงรู้ว่ามันปิดไปหลายวันแล้ว
ลั่วเสี่ยวปิงขมวดคิ้ว หรือว่าจิ่นเหนียงเกิดเรื่องจริงแล้ว?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง