หลังจากฟังคำพูดของเว่ยหยางแล้ว อู้เจินก็ตอบอย่างนุ่มนวลว่า “ข้าได้กลับสู่โลกฆราวาสแล้ว ไม่ได้เป็นพระที่วัดหยุนเต๋ออีก”
ด้วยคำพูดนี้ มันคือการยอมรับว่าเขาคืออู้เจินคนนั้น
วัดหยุนเต๋อในต้าชิ่งเป็นอันดับสองรองจากวัดฮู่กว๋อ
เพียงแต่วัดฮู่กว๋อส่วนใหญ่รับใช้ราชวงศ์ ผู้มาสักการะคือตระกูลขุนนาง
ส่วนผู้มาสักการะที่วัดหยุนเต๋อส่วนใหญ่เป็นผู้คนทั่วไป เป็นวัดที่นิยมมากกว่าวัดฮู่กว๋อสำหรับผู้คนทั่วไป
และมีสามคนในวัดหยุนเต๋อที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นไต้ซือ
คนหนึ่งคืออู้คงเจ้าอาวาสวัดหยุนเต๋อ และอีกคนหนึ่งคือปรมาจารย์ถงฮุ่ยอายุร้อยปี
และคนที่สามซึ่งว่ากันว่าหยั่งรากลึกในพระพุทธศาสนา มีความเชี่ยวชาญในหลักการทางพระพุทธศาสนา และถือเป็นไต้ซือตั้งแต่อายุยังน้อย จึงมีชื่อว่า 'บุตรของพระพุทธเจ้า'
ทั้งหมดนี้คือทุกสิ่งที่ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินมา
นางไม่เชื่อในพระพุทธศาสนา จึงไม่เก็บข่าวลือเหล่านี้ไว้ในใจ เมื่อได้ยินชื่ออู้เจินก็ไม่ได้ตื่นเต้นใดๆ
จนกระทั่งเว่ยหยางพูดว่าอู้เจินเป็นไต้ซือของวัดหยุนเต๋อ ลั่วเสี่ยวปิงถึงเพิ่งนึกขึ้นได้
เพียงแต่ก่อนหน้านี้ได้ยินก็ไม่ได้รู้สึกอะไร จู่ๆ มารู้ว่าคนตรงหน้าคือบุตรของพระพุทธเจ้าจากปากของคนอื่น จึงรู้สึกต่างออกไปอย่างอธิบายไม่ถูก
อธิบายไม่ถูก ลั่วเสี่ยวปิงนึกถึงสายตาที่อู้เจินมองนางตอนอยู่ในร้านเมืองแห่งอาหาร หลังจากรู้ว่าอู้เจินเป็นบุตรของพระพุทธเจ้าจากปากของคนอื่น ทันใดนั้นลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกว่าสายตาแบบนั้นมีความหมายลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้มีคนพูดถึงอู้เจินว่าอะไรนะ
รอบรู้อดีตลึกซึ้งปัจจุบัน เบื้องบนรู้ชะตา เบื้องล่างเข้าใจหยินหยาง
ถ้าเป็นในอดีตแน่นอนว่าลั่วเสี่ยวปิงไม่เชื่อในสิ่งลึกลับเช่นนี้ แต่ตัวเองเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ลึกลับที่สุด...
ดังนั้น เมื่อลั่วเสี่ยวปิงมองอู้เจิน สายตาจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
เมื่อเว่ยหยางได้ยินอู้เจินยอมรับ สีหน้าก็ดูแปลกไป “เหตุใดถึงกลับสู่โลกฆราวาสล่ะ”
“ความผูกพันยังไม่สิ้น”
เว่ยหยางเหลือบมองอู้เจินและไม่พูดอะไรมากอีก หยิบไม้กวาดบนพื้นขึ้นมากวาดหิมะต่อ
ตั้งแต่เขามาถึงบ้านตระกูลลั่ว ก็ค่อนข้างเงียบมาโดยตลอด ปกติชอบกวาดลานบ้าน ซึ่งลั่วเสี่ยวปิงก็คุ้นชิน
อู้เจินถูกเปิดเผยตัวตน ใบหน้ายังคงเรียบเฉย ไม่มีสีหน้าอะไร
ด้านซ่งหลิงหลิง ในที่สุดเวลานี้ก็หายจากอาการตกใจ มองดูอู้เจินด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ ราวกับยากที่จะเชื่อว่าอู้เจินเป็นบุตรของพระพุทธเจ้าที่เก่งกาจตามข่าวลือ
แต่หลังจากที่ตกใจ ซ่งหลิงหลิงวิ่งไปตรงหน้าอู้เจินด้วยสีหน้าตื่นเต้น และยื่นมือตัวเองออกไป
อู้เจินเหลือบมองมือของซ่งหลิงหลิง แล้วก็มองซ่งหลิงหลิงอีกรอบ โดยที่ไม่ได้พูดอะไร
แต่หลังจากคลุกคลีกับอู้เจินมานาน ซ่งหลิงหลิงเชื่อว่าตัวเองรู้จักอู้เจินดีมาก เข้าใจความหมายของอู้เจินในไม่กี่วินาที “ท่านช่วยดูให้ข้าหน่อย การแต่งงานของข้าเป็นยังไง”
พูดอย่างนั้นแล้วก็พูดเพิ่มอีกว่า “ได้ยินว่าท่านดูลายมือได้แม่นมาก”
เหตุผลที่ซ่งหลิงหลิงเรียกอู้เจินให้ดูลายมือ ที่จริงแล้วต้องการให้อู้เจินบอกว่าการแต่งงานของตัวเองไม่ได้อยู่ในแคว้นซีหรง
ตราบใดที่ไม่อยู่แคว้นซีหรง เช่นนั้นนางก็ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน สามารถสบายใจไร้กังวลได้
ซ่งหลิงหลิงคิดในใจอย่างมีความสุข ไม่คิดว่าอู้เจินกลับส่ายหน้า “ข้ามองของเจ้าไม่ออก”
ซ่งหลิงหลิง “………” ทำไมล่ะ
ทำไมถึงมองของนางไม่ออก บอกกันไม่ใช่เหรอว่าอู้เจินวัดหยุนเต๋อดูลายมือแม่นยำมากน่ะ
แม้จะกลับสู่โลกฆราวาส แต่ก็ยังเป็นคนเดิมไม่ใช่เหรอ
ต่อจากนั้น ภายในเรือนฉี จะได้เห็นซ่งหลิงหลิงวอแวอู้เจินให้ดูลายมือ ต้องการให้อู้เจินดูภาพแห่งโชคชะตาให้นาง
ลั่วเสี่ยวปิงไม่สนใจ แค่ให้ฮันหลินจัดการที่พักให้แขก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...