ยามเซิน กับข้าวทุกอย่างทำเสร็จแล้ว
ลั่วเสี่ยวปิงสามแม่ลูก ซ่งหลิงหลิง อู้เจิน พวกหนานซิงสองสามคนและท่านเว่ยโต๊ะหนึ่ง คนอื่นอีกโต๊ะหนึ่ง
อาหารหลักล้วนเป็นลั่วเสี่ยวปิงเป็นคนทำ ดังนั้นคนทั้งสองโต๊ะจึงสำเริงสำราญกับการกินมาก
แน่นอนว่านอกเหนือจากหลี่อิงและอู้เจิน
หลี่อิงอยู่ข้างนอกประมาณเวลาหนึ่งถ้วยชา(ประมาณ15 นาที)แล้วถึงกลับเข้าห้อง ขอขมาต่อลั่วเสี่ยวปิงแล้วก็นิ่งเงียบมาตลอด แม้ทุกคนจะเข้าสู่บรรยากาศฉลองปีใหม่ล่วงหน้าแล้ว แต่หลี่อิงยังคงเงียบ
สำหรับอู้เจิน เดิมทีเขาค่อนข้างไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่ต้นจนจบใบหน้าพกพารอยยิ้มเล็กๆ ดูไม่ออกว่าที่แท้เขาดีใจหรือไม่ หากไม่ใช่เพราะซ่งหลิงหลิงชอบเจื้อยแจ้วอยู่ข้างตัวอู้เจินบ่อยๆ บางทีอู้เจินที่เป็นเช่นนี้อาจถูกลืมไปเลยก็เป็นได้
กินอาหารมื้อหนึ่งเสร็จฟ้าก็มืดแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงพาเด็กทั้งสองกลับเรือนหลัก
อย่างครึ้มอกครึ้มใจ ลั่วเสี่ยวปิงเล่าเรื่องไซอิ๋วให้เด็กทั้งสองฟัง
อานอานที่เงียบมาตลอด “พอเจ้าจ๋อซุนเป็นคนเลี้ยงม้าแล้วล่ะ?”
เล่อเล่อ “ฉีเทียนต้าเซิ่งสุดยอดขนาดนั้น ทำไมเง็กเซียนฮ่องเต้ถึงให้เขาไปเลี้ยงม้าล่ะ?”
เล่อเล่อฉงนใจนัก รู้สึกว่าฉีเทียนต้าเซิ่งควรได้เป็นแม่ทัพใหญ่
เห็นเด็กทั้งสองสนอกสนใจมาก ลั่วเสี่ยวปิงจึงเล่าเรื่องถล่มสวรรค์ไปรอบหนึ่ง กว่าจะเล่าจบก็ดึกแล้ว เด็กทั้งสองง่วงแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงจึงกลับห้องพักผ่อน
ราตรีคล้อยไปเรื่อยๆ
ขณะจันทราแทรกออกมาจากชั้นเมฆสาดส่องลานบ้าน เงาดำหนึ่งกลับข้ามกำแพงเข้ามากะทันหัน เดินตรงดิ่งเข้าเรือนหลัก
แต่รอจนเงาดำนั้นเพิ่งเปิดประตูใหญ่เรือนหลักออก ก็มีร่างเงาเฒ่าชราแต่คล่องแคล่วจู่โจมเงาดำนั้นอย่างปราดเปรียวดุดัน
ฉีเทียนเห้าที่เร่งเดินทางทั้งกลางวันกลางคืนกำลังคิดจะเข้าห้อง แม้จะถูกจู่โจมกะทันหัน แต่กลับไม่ลนลานสักนิด สลายกระบวนท่าที่จู่โจมเขาได้โดยง่ายดาย จากนั้นก็หลอกล่อ บีบให้คนผู้นั้นมาอยู่กลางลานบ้านตามด้วยลวงไปอยู่นอกเรือนฉี
ผู้ที่จู่โจมฉีเทียนเห้าคือเว่ยหยาง ยามนี้เขาแค่อยากบีบผู้ร้ายล่าถอย ไม่ทันสนใจว่าผู้ร้ายหน้าตาเป็นอย่างไร และไม่ได้คิดว่าทำไมพวกหนานซิงที่พักอยู่เรือนข้างจึงไม่มีความเคลื่อนไหวสักนิด
ครั้นรู้สึกว่าฝีมือผู้ที่มาแกร่งกล้าแล้ว จิตใจเว่ยหยางก็แทบตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ทั้งที่รู้ว่าอีกผ่านลวงเขาออกไปข้างนอก แต่เว่ยหยางกลับไม่มีทางเลือกอื่น เพื่อความปลอดภัยของคนในบ้าน เขาจึงออกไปโดยไม่คิดถอย
เงาร่างคนทั้งสองเข้าใกล้ตีนเขาเรื่อยๆ ตอนนี้เพิ่งหิมะตก คืนนี้แสงจันทร์กลับไม่เลว ฉะนั้นที่จริงแสงจันทร์ตรงตีนเขาสว่างกว่าในห้องมาก
ดังนั้นขณะที่เว่ยหยางถูกตีล่าถอยสองสามก้าวแล้วกำลังจะขึ้นหน้านั้น จู่ๆ ด้วยแสงจันทร์ก็เห็นใบหน้าฉีเทียนเห้าชัดเจน
ถึงใบหน้าฉีเทียนเห้าจะมีรอยแผล แต่เว่ยหยางยังคงนิ่งค้างตอนที่เห็นฉีเทียนเห้า
แม้ความตะลึงจะแวบออกมาเพียงชั่วเดี๋ยวเดียว แต่ยังถูกฉีเทียนเห้าที่สังเกตเว่ยหยางตลอดเห็นเข้า
“เจ้ารู้จักข้าได้?” ฉีเทียนเห้าไต่ถามด้วยเสียงเย็น
เว่ยหยางผู้นี้ เขารู้จากจดหมายนานแล้ว
ส่วนเบื้องหลังของเขา เขาก็ไปตรวจสอบมาหมดแล้ว มิเช่นนั้นเขาจะไม่วางใจให้คนที่มาที่ไปไม่แน่ชัดอยู่ข้างกายลั่วเสี่ยวปิง
แต่อดีตของคนผู้นี้แปลกมาก ถูกจงใจลบล้างมากมาย ส่วนเขาเพื่อตรวจสอบตัวตนคนผู้นี้ว่าเป็นอย่างไรกันแน่ ยังต้องทุ่มเทมากโข
แม้เรื่องที่ตรวจสอบจะไม่ครบรอบด้าน แต่พินิจวิเคราะห์แล้วก็พอรู้อยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้จึงแน่ชัดในฐานะคนผู้นี้
เพียงแต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ ดังนั้นวันนี้กลับมาจึงจงใจหยั่งเชิง
“ไม่...” เว่ยหยางอยากแย้ง แต่เมื่อสบกับสายตาที่มากทะลุทุกสิ่งของฉีเทียนเห้า ถ้อยคำที่จะออกจากปากก็กลืนกลับลงไป
คนผู้นี้คืออ๋องเซ่อเจิ้งในปัจจุบัน กลัวแต่ไม่มีผู้ใดปกปิดต่อหน้าเขาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...