แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 381

ลั่วเสี่ยวปิงเห็นเช่นนั้น สายตาก็เย็นลงทันที

ไอ้แก่ตายยากคนนี้ เห็นทีคงจะอยากตายสินะ

คิดแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ยกมือขึ้น โปรยผงทั้งหมดที่อยู่ในมือไปทางนายท่านใหญ่จู

มือของนายท่านใหญ่จูหยุดชะงัก จากนั้นเสียง‘ปัง’ก็ดังขึ้น ล้มลงกับพื้น นั่นคือเสียงของกระดูกที่กระทบเข้ากับพื้น เพียงแค่ได้ยินก็รู้สึกเจ็บแล้ว

นายท่านใหญ่จูผู้ที่มีชีวิตอยู่ดีกินดีมาตลอด เคยหกล้มอย่างน่าสังเวชเหมือนดังเช่นนี้เสียเมื่อไหร่? ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดขึ้นมาทันที

มีคนรับใช้หลายคนนั่งฆ่าเวลาอยู่นอกเรือน ทันใดนั้นก็มีคนใช้คนหนึ่งขมวดคิ้วขึ้น หันไปมองทางตัวเรือน

“มีอะไรหรือ?”สหายเอ่ยถามขึ้น

คนใช้ผู้นั้นได้ยินเช่นนั้น ก็กล่าวขึ้นอย่างไม่มั่นใจว่า“เมื่อครู่เหมือนข้าจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนของนายท่านใหญ่”

คนอื่นๆได้ยินเช่นนั้นก็พากันมองหน้ากัน ต่างก็ได้เห็นคำว่า‘ไม่ได้ยิน’จากสีหน้าของอีกฝ่าย

คนใช้ผู้นั้นเห็นเช่นนั้น ก็คิดว่าตัวเองฟังผิดไป

แต่ ณ เวลานี้ ในที่สุดนายท่านใหญ่จูก็หายจากความเจ็บปวด กำลังจะเอ่ยปากด่าตัวการ แต่ในขณะนั้นเอง นายท่านใหญ่จูก็ตื่นตกใจ ตัวเองในตอนนี้นอกจากปากกับดวงตาแล้ว ที่อื่นๆไม่สามารถขยับได้เลย

ไม่ใช่อาการขยับไม่ได้เพราะไม่มีความรู้สึก เพราะอย่างไรเสีย ณ ตอนนี้เขายังคงปวดอยู่ มันเป็นอาการที่สามารถรู้สึกได้ถึงความคันแม้แต่ในที่เล็กๆ แต่กลับไม่สามารถขยับร่างกายได้

ต่อให้เป็นผู้ใดก็ตามหากร่างกายของตัวเองไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของคนคนนั้นก็คงจะตื่นตกใจกันอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับคนที่อยู่ดีกินดี เป็นเจ้าเรือนที่อยู่อย่างสูงส่งมาตลอดอย่างนายท่านใหญ่จู?

แต่ภายใต้ความตื่นตกใจ ในเวลาเดียวกันนั้น คนฉลาดเช่นเขา ก็รู้ดีว่าผู้ใดคือตัวการ จึงได้มองไปทางลั่วเสี่ยวปิง

“เจ้า——”

นายท่านใหญ่จูมองไปทางลั่วเสี่ยวปิงอย่างตื่นตกใจ ในดวงตามีความไม่น่าเชื่อเล็กน้อย

เป็น......เป็นไปได้อย่างไร?

นางเป็นเพียงสาวชาวนาธรรมดาคนหนึ่งไม่ใช่หรือ?

เมื่อเห็นใบหน้าที่เย็นชาของลั่วเสี่ยวปิง ใช้สายตาที่มองคนตายมองมาทางตัวเอง สีหน้าของนายท่านใหญ่จูก็ยิ่งดูน่าเกลียดขึ้นไปอีก ในใจก็ยิ่งมีแต่ความหวาดกลัว

“ช่วยด้วย! องครักษ์——องครักษ์——”

ด้านนอกประตู คนใช้ก่อนหน้านี้ที่ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของนายท่านใหญ่จูเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง กล่าวกับสหายว่า“เหมือนว่าข้าจะได้ยินเสียงร้องเรียกของนายท่านใหญ่อีกแล้ว”

คนอื่นๆได้ยินเช่นนั้น ก็ยังคงส่ายหน้าเพื่อระบุว่าไม่ได้ยิน

แต่ครั้งนี้คนใช้ผู้นี้มั่นใจมากว่าตัวเองได้ยิน“ครั้งแรกหูแว่วไป แต่มันคงจะไม่หูแว่วทุกรอบหรอกจริงไหม?”

เมื่อสหายคนอื่นๆได้ยินเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะมองเข้าไปในเรือนอย่างสงสัย

แต่ในเวลานี้เองกลับมีคนคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาว่า“หญิงผู้นั้นโดนยาแฝดของตระกูลจูเข้าไปจะทำอะไรนายท่านใหญ่ได้? เสียงร้องที่เจ้าได้ยินบางทีอาจจะเป็นวิธีใหม่ที่นายท่านใหญ่ใช้ก็ได้”

คนใช้ผู้นั้นได้ยิน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลขึ้นมาทันที

ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ตอนที่พวกเขาเฝ้าอยู่ข้างนอก ทันใดนั้นนายท่านใหญ่ก็ร้องตะโกนขึ้นมาว่าช่วยด้วย พวกเขาคิดว่านายท่านใหญ่มีอายุมากแล้วจึงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา แต่เมื่อพวกเขาเข้าไปก็เห็นว่านายท่านใหญ่ตะโกนคำว่าช่วยด้วย และทรมานอี๋เหนียงคนนั้นไปด้วย......

เมื่อนึกถึงความชอบส่วนตัวแปลกๆของนายท่านใหญ่ แม้แต่คนรับใช้ที่รับใช้เขามาเป็นเวลานานก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน

แต่ ตอนนี้เองก็มีคนใช้คนหนึ่งเสนอขึ้นมา“พวกเราเข้าไปใกล้หน่อยเถอะ อย่างไรเสียอายุของนายท่านใหญ่ก็มากแล้ว หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆพวกเราเองก็ไม่สามารถอธิบายได้”

ในตระกูลจู ชะตากรรมของคนใช้ที่ทำผิดพลาดนั้นน่าสังเวชมาก

ดังนั้นเมื่อคนผู้นี้เอ่ยเสนอขึ้น คนอื่นๆจึงรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปใกล้ตัวเรือน ยืนเฝ้าอยู่ตรงหน้าประตูเรือน

หลังจากนายท่านใหญ่ที่อยู่ในเรือนตะโกนขึ้นอย่างตื่นตกใจ ก็มองไปทางลั่วเสี่ยวปิงอย่างดุเดือด“เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใด?”

ลั่วเสี่ยวปิงกล่าวอย่างไม่เห็นใครอยู่ในสายตาว่า“ตระกูลจูแห่งอำเภอเมือง”

นายท่านใหญ่จูคิดไม่ถึงว่าลั่วเสี่ยวปิงจะรู้ว่าที่นี่คือที่ใด จึงอดไม่ได้ที่จะตะลึง“เจ้าไม่กลัวหรือว่าเจ้าทำแบบนี้กับข้าแล้วจะไม่สามารถเดินออกไปทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ได้น่ะ?”

ลั่วเสี่ยวปิง:“พูดตามตรง ข้าไม่กลัวจริงๆ”

นายท่านใหญ่จูสำลัก จากนั้นก็รับรู้ว่าลั่วเสี่ยวปิงหยิ่งผยองเป็นอย่างมาก ต่อมาก็รู้สึกว่าที่ลั่วเสี่ยวปิงหยิ่งผยองขนาดนี้ นั่นเพราะไม่เข้าใจตระกูลจู ดังนั้นจึงได้กล่าวขึ้นอีกครั้งว่า“ตระกูลจูของข้ามีคนคุ้มกันเกือบร้อยคน เจ้าทำแบบนี้กับข้า ไม่กลัวว่า......”

ลั่วเสี่ยวปิงกลับไม่อยากคุยกับตาแก่คนนี้อีกต่อไป เพียงกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจเล็กน้อยว่า“แทนที่จะมาขู่ข้าอยู่ที่นี่ เจ้าเอาเวลาไปคิดดีกว่าว่าจะเรียกคนมาได้อย่างไร”

หากไม่มีคนมา นางจะดำเนินขั้นต่อไปได้อย่างไร?

เล่อเล่อยังรอนางกลับไปอยู่ เวลาของนางเร่งรัดมากนะ

อย่างไรเสีย เพื่อที่ในครั้งนี้จะได้‘เล่น’อย่างเต็มที่ นางได้เตรียมของดีไว้มากมายเลยล่ะ

อย่าว่าแต่คนคุ้มกันร้อยคนเลย ต่อให้มาห้าร้อยคน นางก็ยังคงมีความมั่นใจที่จะเผชิญกับมัน

จากคำเตือนของลั่วเสี่ยวปิง นายท่านใหญ่จูถึงตระหนักได้ว่า เสียงเมื่อครู่ของตัวเองไม่ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวใดๆเลย สิ่งนี้ทำให้หน้าของนายท่านใหญ่จูนิ่งลงไป

“องครักษ์ องครักษ์!” นายท่านใหญ่จูยังคงตะโกนต่อ

ทางด้านนอกเรือน คนใช้หลายคนมองหน้ากัน

ครั้งนี้ ทุกคนต่างก็ได้ยิน

เพียงแต่ นี่จะเข้าไปดีหรือไม่?

หากนี่เป็นวิธีใหม่ที่นายท่านใหญ่คิดขึ้นมา เช่นนั้นมันจะน่าอึดอัดแค่ไหนกันเชียว?

ในตอนที่กำลังคิดเช่นนั้นอยู่ เสียงของนายท่านใหญ่ก็ดังมาจากข้างในอีกครั้ง

“แต่ละคนพากันไปตายที่ใดกันหมด? องครักษ์”

เสียงนี้ แฝงไปด้วยความโมโหเล็กน้อย

ตอนนี้เองคนใช้หลายคนจึงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ไม่ได้สนใจว่ามันจะเป็นวิธีการแบบใหม่หรือไม่ ต่างก็พากันพุ่งเข้าไปในเรือน ถีบประตูห้องเข้าไป

เมื่อพวกเขาได้เห็นลั่วเสี่ยวปิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงและนายท่านใหญ่ที่นอนอยู่บนพื้นอย่างไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ทุกคนต่างก็ตกตะลึง

นี่......มันเกิดอะไรขึ้น?

ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว นายท่านใหญ่จูก็รีบตะโกนขึ้นมาทันที“เร็ว รีบจับนังหญิงเลวทรามผู้นี้ไว้——”

คนใช้ได้ยินเช่นนั้น แล้วรวมความเข้ากับสถานการณ์ในตอนนี้ ในที่สุดก็รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงจะพุ่งไปข้างหน้า

แต่ทว่า ลั่วเสี่ยวปิงกลับเหยียบเข้าที่ใบหน้าของนายท่านใหญ่จูอย่างสบายๆ มองดูคนใช้เหล่านั้น“ข้าจะดูซิว่ามีผู้ใดกล้าเข้ามา?”

คนใช้เห็นเช่นนั้น ก็หยุดการกระทำลง

นายท่านใหญ่จูโมโหจนหอบหายใจแรง อยากจะบอกคนใช้เหล่านั้นมากว่าอย่าเพิ่งสนใจเขา ให้จัดการคนให้เรียบร้อยก่อนค่อยว่ากัน แต่ความเจ็บปวดรวดร้าวบนใบหน้าที่ตามมา กลับทำให้เขาต้องยอมรับมัน

เขารู้สึกว่า หากตัวเองกล่าวเช่นนั้นไปจริงๆ ใบหน้าแก่ๆใบนี้ของตัวเองคงจะถูกเหยียบจนละเอียดไปแล้ว

ดังนั้น สถานการณ์จึงตกอยู่ในภาวะชะงักงันชั่วขณะหนึ่ง

ลั่วเสี่ยวปิงเองก็ไม่ยืดเยื้อ กล่าวจุดมุ่งหมายของตัวเองออกมาโดยตรง“ไปเรียกคนที่เหลือของตระกูลจูมา”

คนใช้พากันมองหน้ากัน จากนั้นก็มีคนใช้คนหนึ่งวิ่งออกไป

ในไม่ช้า นายคนอื่นๆของตระกูลจูต่างก็พากันวิ่งมาทางทิศทางนี้ พร้อมกับคนคุ้มกันของตระกูลจู

เพียงไม่นาน เรือนเล็กๆก็เต็มไปด้วยผู้คน ภายในห้องที่ลั่วเสี่ยวปิงอยู่ก็ยิ่งอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย

ลั่วเสี่ยวปิงเหลือบมองเหล่าคุณชายและนายท่านเหล่านั้นของตระกูลจู สุดท้ายก็หยุดสายตามองไปที่จูเหวินรุ่ย ราวกับจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

จูเหวินรุ่ยสบสายตาเข้ากับลั่วเสี่ยวปิง นึกถึงเรื่องที่ตัวเองได้เผชิญในคืนนั้น แล้วมองไปทางปู่ของตัวเองที่อยู่บนพื้นผู้ที่ซึ่งเคยแข็งกร้าวมาจนชิน ตอนนี้กลับเหมือนสุนัขที่ตายแล้วถูกลั่วเสี่ยวปิงเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้า จูเหวินรุ่ยอดที่จะสั่นสะท้านไม่ได้ ในใจเองก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง