แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 518

บัดนี้ถึงแม้ว่าอาหารตรงหน้าทุกคนจะพร้อมแล้ว แต่จักรพรรดิก็ยังไม่มา ทุกคนต่างไม่กล้าเคลื่อนไหวตะเกียบ ทำได้เพียงแค่รอ

งานเลี้ยงในวันปกติก็เป็นเช่นนี้ ส่วนใหญ่เมื่อจักรพรรดิเสด็จมา อาหารก็เย็นหมดแล้ว ฉะนั้นคนจำนวนมากก่อนที่จะมางานเลี้ยงต่างก็กินอาหารรองท้องมาแล้ว เช่นนี้จึงไม่เสียมารยาทต่อหน้าพระราชวัง

แต่วันนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน ก่อนที่จักรพรรดิจะมา ก็ได้สั่งให้ทุกคนกินก่อนได้เลย

เช่นนั้น ทุกคนจึงโล่งอก และกินตามตามกันอย่างระมัดระวัง ถึงอย่างไรมือของห้องครัวพระราชวังก็ไม่ใช่จะสามารถชิมได้บ่อยๆ

"พี่เสี่ยวปิง ข้าอยากกินกุ้งที่อยู่ตรงหน้าของท่าน"

ซ่งฉงปิงได้ยินเช่นนี้ จึงชำเลืองมองซ่งเฮงอย่างนิ่งๆ ในขณะที่ซ่งเฮงรู้สึกว่าตนเองจะต้องถูกปฏิเสธ ซ่งฉงปิงก็คีบกุ้งใส่ใจถ้วยของเขา

เมื่อเห็นฉากนี้ ถึงแม้ว่าซ่งหยุนดาและเว่ยหวินซีจะไม่ค่อยพอใจที่ซ่งเฮงเรียกชื่อของซ่งฉงปิงเหมือนเป็นคนนอก แต่ก็ยังปลื้มอกปลื้มใจ ถึงอย่างไรก็ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ไม่คาดหวังให้ลูกอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคี

บัดนี้เฮงเอ๋อร์ยินยอมที่จะเดินออกมาก้าวหนึ่งนี้ สำหรับพวกเขาแล้ว ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี

ซ่งเฮงไม่คาดคิดว่าซ่งฉงปิงจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ จึงค่อนข้างตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดก็ยิ้มด้วยสีหน้าที่ไม่มีอันตราย "พี่เสี่ยวปิง ท่านช่วยแกะกุ้งให้ข้าหน่อยได้หรือไม่?"

ซ่งฉงปิงมองซ่งเฮง ซ่งเฮงก็มองซ่งฉงปิง คนทั้งสองก็สบตากันอยู่แบบนั้น

จากนั้น ซ่งฉงปิงก็คีบกุ้งอีกตัวหนึ่ง แล้วเริ่มแกะกุ้ง นางอยากจะรู้ว่าแท้จริงแล้วซ่งเฮงต้องการจะทำอะไรกันแน่ ฉะนั้นจึงทำตามคำขอของซ่งเฮง

ไม่นานซ่งฉงปิงก็แกะกุ้งเสร็จ แล้ววางลงในถ้วยของซ่งเฮง

ซ่งเฮงก็ไม่มีการแสดงออกอื่นๆ และกินกุ้งอย่างเชื่อฟัง

ซ่งฉงปิงชำเลืองมองซ่งเฮงเล็กน้อย รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่ไม่มีการกระทำต่อจากนั้น

เวลานี้ ฮ่องเต้ฮองเฮาก็เข้ามาแล้ว

ทุกคนล้วนลุกขึ้นแล้วคุกเข่าคำนับ

ในฐานะที่เป็นคนสมัยใหม่ ซ่งฉงปิงจึงไม่เคยชินกับการคุกเข่าคำนับอย่างมาก แต่ทุกคนล้วนคุกเข่า นางก็ไม่อาจไม่คุกเข่าได้

โชคดีที่ ฮ่องเต้ซ่งหยุนจางก็ไม่ให้ทุกคนคุกเข่านาน ไม่นานก็ให้ทุกคนลุกขึ้น

เริ่มต้นงานเลี้ยงพระราชวัง ก็คือกินๆ ดื่มๆ คนที่อยู่ข้างๆ ล้วนไปอยู่ด้านหลัง

แน่นอนว่า ในขั้นตอนของการกินดื่มก็ย่อมมีการแสดง เพียงแต่เมื่อจักรพรรดิเสด็จมา ทุกคนก็กินอาหารด้วยความระมัดระวังอย่างมาก

บวกกับขณะนี้อยู่ในช่วงสงคราม งานเลี้ยงพระราชวังก็ไม่ควรจัดให้ยิ่งใหญ่เกินไป ฉะนั้นรายการแสดงของงานเลี้ยงพระราชวังก็ไม่ได้โอ่อ่าหรูหรามากนัก นี่จึงทำให้คนจำนวนไม่น้อย รวมทั้งฮ่องเต้ด้วย รู้สึกว่างานเลี้ยงพระราชวังในครั้งนี้น่าเบื่ออย่างมาก ส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจที่จะไปดู

อานอานเล่อเล่อก็เป็นเช่นนี้ รู้สึกเบื่อหน่าย จึงเตรียมที่จะไปดูทั่วๆ

คนตระกูลเว่ยก็อยากให้เด็กทั้งสองได้เปิดหูเปิดตา บวกกับในงานเลี้ยงพระราชวังขุนนางได้พาลูกมาด้วย เวลานี้ล้วนไปเล่นที่สวนดอกไม้ด้วยตัวเอง ฉะนั้นคนตระกูลเว่ยจึงไม่มีความกังวล

โดยเฉพาะ ในเมืองหลวงกระทั่งเด็กสามขวบก็รู้ว่าไม่สามารถก่อเรื่องวิวาทในงานเลี้ยงพระราชวังได้ ฉะนั้นคนตระกูลเว่ยจึงไม่กังวลเรื่องความปลอดภัยของอานอานและเล่อเล่อ

แต่ไม่รู้เลยว่า แรกเริ่มเดิมทีอานอานเล่อเล่อก็ถูกเด็กเหล่านั้นจับจ้องอยู่แล้ว ฉะนั้นเพียงอานอานเล่อเล่อปรากฏตัวนอกงานเลี้ยง ก็ถูกเด็กกลุ่มหนึ่งล้อมเอาไว้

"พวกเจ้ามาล้อมพวกเราทำไมกัน?" เล่อเล่อมีสีหน้างุนงง

แต่อานอาน เวลานี้มีสีหน้าเคร่งขรึม มองคนเหล่านั้นที่ล้อมพวกเขาอย่างเย็นชา

คนที่นำหน้าคือเด็กอ้วนคนหนึ่ง คาดว่าอายุราวๆ แปดเก้าปี กำลังมองอานอายเล่อเล่อด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งอวดดี

"ได้ยินมาว่าพวกเจ้าเป็นประชาชนคนธรรมดาหรือ?" ทำท่าทีสูงส่ง

อานอานเม้มปาก ไม่พูดจา

เล่อเล่อเอียงหน้าไปมองเด็กอ้วนคนนั้น ด้วยสีหน้าที่สับสนงุนงง "ใช่แล้ว ตอนนี้พวกเราน่าจะเป็นประชาชนคนธรรมดาอย่างที่พวกเจ้าพูด เจ้ามาหาพวกเรามีธุระอะไรหรือ?"

เด็กอ้วนก็คือซ่งหยาน ลูกชายคนโตของอนุภรรยาของจวนอ๋องจั๋วอันที่จริงเริ่มแรกก็มองไปที่อานอาย เมื่อได้ยินเล่อเล่อพูด สายตาจึงมองไปยังเล่อเล่อ ในดวงตาทั้งคู่แฝงไปด้วยความตื่นเต้น

เด็กผู้หญิงช่างน่ารักน่าชัง เหมาะที่จะพากลับไปเลี้ยงที่บ้านเพื่อเอาไว้แต่งงานเป็นสะใภ้

เมื่อคิดเช่นนี้ ซ่งหยานจึงมองเล่อเล่อด้วยสีหน้าที่มั่นใจในตัวเอง "ดูเจ้าช่างมีรูปร่างหน้าตางดงามยิ่งนัก เจ้ากลับจวนไปกับข้าเถิด!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง