แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 529

นับเวลานี้ สีหน้าของซ่งหยุนจางก็ไม่ค่อยดี เขาคิดไม่ถึงว่าลูกสาวที่น้องห้ารับกลับมาจากชนบทจะมีความสามารถเช่นนี้

แม้กระทั่งเขายังคิดอยู่ว่า ดีที่ซ่งฉงปิงเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชาย งั้นแผ่นดินของต้าชิ่งก็ต้องสลับให้เขาแล้วสิ?

ลูกของตัวเองไม่มีความสามารถแบบนี้เลย แต่ลูกสาวของซ่งหยุนดากลับมี นี่บ่งบอกว่าตัวเองสู้ซ่งหยุนดาไม่ได้หรือเปล่า?

ยิ่งคิดสีหน้าของซ่งหยุนดาก็ยิ่งดำเข้าไปใหญ่

ส่วนซูรุ่ยคำนวณในกระดาษไปนานมาก ในกระดาษเต็มไปด้วยตัวเลขที่ยุ่งเหยิงมาก เป็นกองๆ เหมือนกับสมองของซูรุ่ย ไม่รู้จะคิดจากไหนเลย

หลังจากเวลาผ่านไปทีละนิดละหน่อย ในที่สุดซูรุ่ยก็ยอมรับว่าตัวเองคำนวณเลขสู้ซ่งฉงปิงไม่ได้

ร่างกายของซูรุ่ยทรุดลง สีหน้าไม่มีชีวิตชีวา"ข้า......คำนวณไม่ออก......"

ไม่มีใครรู้หรอกว่า การที่ให้คุณชายผู้มีตระกูลอย่างซูรุ่ยยอมรับว่าตัวเองมีความสามารถไม่ถึงในด้านที่ตัวเองถนัด เป็นเรื่องที่ยากขนาดไหน

แต่ไม่ยอมรับก็ทำอย่างไรได้ล่ะ?โจทย์คำนวณที่ซ่งฉงปิงออกนั้น เขาทำไม่ได้เลย

เมื่อเทียบกับอยู่นิ่งๆแบบนี้จนในที่สุดต้องเสียหน้าไป การที่ยอมรับว่าตัวเองมีความไม่สามารถไม่ถึงยังดีกว่าเลย

แต่การยอมแพ้ของซูรุ่ยทำให้ทุกคนในนี้ตกใจไปหมด

ซูรุ่ยแพ้ได้อย่างไร?

เป็นไปได้อย่างไรที่ซูรุ่ยจะแพ้?

ภายใต้สีหน้าที่ตกใจของทุกคน ซูรุ่ยมองไปทางซ่งฉงปิง หายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า"โจทย์ข้อนี้ของเจ้าแก้ไม่ได้เลย ใช่หรือไม่?"

ซ่งฉงปิงหัวเราะ"เจ้าแก้ไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าไม่มีคำตอบ ต้องรู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน"

เปลวไฟที่เพิ่งปรากฏในสายตาของซูรุ่ยก็หายไปทันที เดิมทีเขาหวังว่าโจทย์ข้อนี้ไม่มีคำตอบ เขาจะได้ไม่ขายหน้าเกินไป

แต่ซ่งฉงปิงกลับพูดว่าโจทก์ข้อนี้มีคำตอบ นี่หมายความว่าเขาไร้ความสามารถหรือ?

"ซ่งฉงปิง เจ้าเอาโจทย์ที่ไร้คำตอบมาหลอกลวงทุกคน เจ้าชนะแบบไม่เที่ยงธรรม"ในตอนที่ซูรุ่ยยอมแพ้ สมองของเจียงหรูเยว่ก็ว่างเปล่าไปหมด ในระหว่างนี้เจียงหรูเยว่เพียงได้ยินซูรุ่ยพูดว่าโจทย์ข้อนี้ไร้คำตอบ อย่างอื่นนางไม่ได้ยิน

ซูซือฉีคำนวณหลายครั้งก็คำนวณคำตอบออกมาไม่ได้ และเห็นว่านักปราชญ์หลายคนของราชสำนักก็ส่ายหน้ากันหลังจากที่คำนวณแล้ว ซูซือฉีก็ยืนยันว่าโจทย์ที่ซ่งฉงปิงออกนั้นไร้คำตอบ อย่างน้อยเป็นไปไม่ได้ที่ซ่งฉงปิงจะมีวิธีแก้เอง ดังนั้นซูซือฉีลุกขึ้นมา พูดต่อซ่งฉงปิงว่า"คุณหนูรองซ่ง ซือฉีรู้ว่าเจ้าอยากจะชนะ แต่เจ้าก็ไม่สามารถนำโจทย์ที่ไร้คำตอบมาแกล้งพี่ชายของข้า"

ระหว่างที่พูด ซูซือฉีก็คุกเข่าให้ฮ่องเต้ซ่งหยุนจางอีกครั้ง"ฝ่าบาทเพคะ พี่ชายหม่อมฉันคำนวณโจทย์ที่คุณหนูรองซ่งออกไม่ได้จริงๆ การแข่งขันครั้งนี้คุณหนูรองซ่งชนะจริงด้วยเพคะ แต่ฝ่าบาทโปรดอย่าโทษพี่ชายของหม่อมฉันเพคะ"

เห็นว่าซูซือฉีเป็นคนรู้เรื่องรู้ราวเช่นนี้ หลายคนเลยมีความรู้สึกดีต่อนาง ในขณะเดียวกันทุกคนก็ต่างว่ากล่าวตำหนิซ่งฉงปิงขึ้นมา

"คุณหนูรองซ่งอยากชนะจนบ้าไปซะแล้ว ใช้โจทย์ที่ไร้คำตอบมากลั่นแกล้งคน"

"ข้าว่าการแข่งขันครั้งนี้จะถือว่าคุณหนูรองซ่งชนะไม่ได้ ไม่งั้นถ้าทุกคนล้วนเลียนแบบคุณหนูรองซ่ง ก็ได้อย่างไรดี?"

"ใช่ไง คนอื่นเขาใช้ความสามารถที่แท้จริงในการแข่งขัน คิดไม่ถึงว่าคุณหนูรองซ่งจะใช้เล่ห์เหลี่ยมเหล่านี้ อย่างที่คิด คนที่มาจากชนบทก็แบบนี้แหละ"

"......"

ทุกคนพูดประชดกันทีละประโยค เหมือนกับว่าเรื่องที่ซ่งฉงปิงนำโจทย์ไร้คำตอบมากลั่นแกล้งคนนั้นเป็นความจริงแล้ว

เห็นว่าซ่งฉงปิงถูกตำหนิ เว่ยหยุนซีและซ่งหยุนดาสองคนรู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก หากไม่ใช่ว่าเห็นซ่งฉงปิงมีความมั่นใจในตัวเอง เวลานี้ซ่งหยุนดาจะต้องลุกขึ้นมาเถียงคนเหล่านี้แน่นอน

ส่วนฮ่องเต้ซ่งหยุนจางที่นั่งอยู่ที่สูงนั้นได้ยินเสียงตำหนิเหล่านี้ ก็ไม่ได้เอ่ยเสียงใดๆ เขากำลังรออยู่ รอให้เรื่องนี้เป็นใหญ่ขึ้นมา จากนั้นค่อยประกาศว่าผลการแข่งขันของซ่งฉงปิงเป็นโมฆะ

แต่ตอนนี้ โอกาสยังไม่ถึง ในฐานะที่เป็นเสด็จลุงของซ่งฉงปิง ถ้าเขาออกเสียงในตอนนี้ จะต้องถูกคนสงสัยแน่นอน

เห็นกับตาว่าคนที่ตำหนิซ่งฉงปิงมากขึ้นเรื่อยๆ อารมณ์ของซ่งหยุนจางก็ดีขึ้นเรื่อยๆ

ในตอนที่ซ่งหยุนจางจะประกาศว่าผลการแข่งขันของซ่งฉงปิงเป็นโมฆะ ก็มีเสียงๆหนึ่งเร็วกว่าเขาอีก

"ว่าแต่......"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง